ชลน่าน ตั้งฉายานายกฯ "จอมโอนแห่งยุค" ชี้ พ.ร.บ.โอนงบ 88,000 ล้าน ขัดหลักประชาธิปไตย

ชลน่าน ตั้งฉายานายกฯ "จอมโอนแห่งยุค" ชี้ พ.ร.บ.โอนงบ 88,000 ล้าน ขัดหลักประชาธิปไตย

ชลน่าน ตั้งฉายานายกฯ "จอมโอนแห่งยุค" ชี้ พ.ร.บ.โอนงบ 88,000 ล้าน ขัดหลักประชาธิปไตย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ชลน่าน" ยืนยันไม่รับหลักการ พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายปี 2563 เหตุขัดหลักประชาธิปไตย ตั้งฉายา พล.อ.ประยุทธ์ "จอมโอนแห่งยุค"

วันนี้ (4 มิ.ย.) ในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.จังหวัดน่าน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2563 ว่า จากหลักการและเหตุผลที่นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจง การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของรัฐสภาไทยที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน การโอนงบประมาณรายจ่ายในประวัติศาสตร์มีมา 5 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 ซึ่ง 5 ครั้งที่ผ่านมาเป็นการผ่านสภาที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

สำหรับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ อาศัยรัฐธรรมนูญมาตรา 143 และ 144 ในการพิจารณา เช่นเดียวกับร่าง พ.ร.บ.รายจ่ายประจำปี และร่าง พ.ร.บ.รายจ่ายเพิ่มเติม แต่ที่สำคัญสมาชิกมีข้อจำกัดมากในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพราะว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 143 และ 144 เขียนไว้ชัดว่าจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 105 วัน สมาชิกวุฒิสภาจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน ไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง และที่สำคัญสมาชิกไม่สามารถแปรญัตติในการเปลี่ยนแปลงรายการหรือแก้ไขเพิ่มเติมรายการหรือจำนวนในรายการ ทำได้เฉพาะการตัดทอนหรือลดรายจ่ายเท่านั้น ดังนั้นสมาชิกมีหน้าที่ลดหรือตัดทอนตัวรายจ่าย ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นการโอนงบประมาณรายจ่าย ก็ตีความได้ว่าเป็นรายจ่ายก็สามารถปรับลดจำนวนหรือตัวรายจ่ายที่อยู่ในรายการได้

จากหลักการและเหตุผลที่นายกรัฐมนตรีได้แถลง ตนได้พิจารณาด้วยความละเอียดถี่ถ้วนจากเอกสาร ซึ่งมีทั้งหมด 5 มาตรา โดยมาตราที่สำคัญคือ มาตรา 4 จากการดูในรายละเอียดทั้งหมดแล้ว ไม่สามารถที่จะรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้ เนื่องจากดูจากหลักการที่บอกให้โอนงบประมาณรายจ่ายจากหน่วยงานต่างๆ ที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ โอนจากรายจ่ายที่เป็นงบบูรณาการ และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ทั้งหมด 38 รายการ 22 หน่วยรับงบประมาณ มาตั้งไว้ในงบกลางรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เหตุผลที่ตนไม่รับหลักการ เพราะขัดหลักประชาธิปไตยและกฎหมายอื่นๆ เพราะการจัดสรรงบประมาณมีหลักการ คือ ความจำเพาะเจาะจงของตัวงบประมาณ ต้องมีวัตถุประสงค์ แผนงาน เม็ดเงินที่ชัดเจน และการนำงบประมาณไปใช้ต้องคำนึงถึงหลักความยินยอมของประชาชน โดยผ่านรัฐสภาที่เป็นตัวแทนของประชาชน

หลักการสำคัญคือสภาต้องสามารถตรวจสอบได้ การโอนงบประมาณ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ 2561 มาตรา 53 (1) เขียนไว้ชัดเจนว่าห้ามโอนข้ามระหว่างหน่วยงาน เว้นแต่มีกฎหมายบัญญัติ ซึ่งงบกลางไม่ใช่หน่วยรับงบประมาณ เป็นประเภทรายจ่ายประเภทหนึ่งเท่านั้นเอง โดยผู้บริหารผู้ใช้งบประมาณคือนายกรัฐมนตรี ดังนั้นหลักประชาธิปไตยต้องชัดเจน ตรวจสอบได้ โปร่งใส

ให้ฉายานายกรัฐมนตรี "จอมโอนแห่งยุค"

ทั้งนี้ รายการการโอนงบประมาณในครั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบในอดีตย้อนไป ซึ่งต้องให้ฉายานายกรัฐมนตรีว่า #จอมโอนแห่งยุค เพราะไม่เคยมีใครโอนงบประมาณมากมายเท่ากับสมัยของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยในรัฐบาล คสช. มีการโอนงบประมาณไป 4 ครั้ง เม็ดเงินรวม 53,000 ล้านบาท และส่วนใหญ่โอนไปไว้ในงบกลาง

อีกเหตุผลที่ไม่สามารถเห็นชอบในหลักการได้ คือ ความสมเหตุสมผลที่จะนำงบประมาณไปใช้ นายกรัฐมนตรีบอกว่าจะนำไปใช้อยู่ 3 เหตุผลใหญ่ 1. แก้ไขปัญหาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 2. นำไปป้องกันแก้ไขเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ภัยแล้ง 3. นำไปป้องกันเหตุภัยพิบัติอื่นๆ

เราเป็นสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ในรายละเอียดของการโอนไปใช้ สิ่งที่ควรจะเป็น ต้องตั้งเวลาไว้ 105 วัน เพราะเพื่อให้ดูในรายละเอียด ต้องหลีกเลี่ยงการนำไปเข้างบกลางให้มากที่สุด สภาแห่งนี้อาจจะยอมได้บ้าง แต่ไม่ควรยอม 88,000 ล้านบาท เพราะหากยอม เราจะไปสนับสนุนนายกรัฐมนตรีให้เป็นจอมเลี่ยงหลักนิติธรรม เพราะนายกรัฐมนตรีไม่เคยปกครองตามกฎหมาย แต่ใช้กฎหมายปกครอง ตั้งแต่เข้าสู่ตำแหน่ง มีการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายการเลือกตั้ง เพื่อให้ได้มีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี และเมื่อเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศก็มีการแก้ระเบียบเพื่อรองรับกรอบวินัยการเงินการคลัง ดังนั้นลักษณะแบบนี้เหมือนกับมัดมือสภาให้อนุมัติเหมือนตีเช็คเปล่า

"หากสภาแห่งนี้อนุมัติ สภาของเราจะเป็นสภาที่มาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชนชุดแรก สภาชุดที่ 25 นี้ในสมัยประชุมที่ 1 ปีที่ 2 ครั้งที่ 2 วันนี้ จะเป็นรอยด่างเขียนไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทยว่าถูกมัดมือชก อนุมัติเห็นชอบกฎหมายโอนงบประมาณที่ไม่ควรจะเห็นชอบเลย" นพ.ชลน่าน ระบุ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook