''เอกซเรย์''ตลาดรับสร้าง มั่นใจโค้งสุดท้ายโกยหมื่นล้าน

''เอกซเรย์''ตลาดรับสร้าง มั่นใจโค้งสุดท้ายโกยหมื่นล้าน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กระหึ่มแล้วสำหรับงาน รับสร้างบ้าน 2009 ปีนี้จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ Home Comes True เมื่อวันที่ 19- 23 สิงหาคม โดยจัดที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่บริษัทรับสร้างบ้านตั้งความหวังที่จะอัดฉีดและปั๊มยอดขายเพราะหนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียว

ขณะที่ผู้บริโภคก็ตั้งตารอเพราะมีรายการ ลด แลก แจก แถมเพียบ แม้เศรษฐกิจยังไม่โงหัวนักแต่กูรูทั้งหลายต่างก็ประเมินว่า ตลาดนี้น่าจะโตถึงหมื่นล้านบาทต่อปี เฉพาะในส่วนของบริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน แต่ถ้าดูภาพรวมทั้งระบบอาจจะถึง 50,000 ล้านบาท

+++ ต้นทุนต่ำกระตุ้นตลาดโต

ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่องช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ปัญหาทางการเมืองที่ไม่นิ่ง ยิ่งสร้างความกังวลใจให้ผู้ประกอบการไม่น้อย เพราะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายเงินของผู้ที่จะสร้างบ้าน โดยเฉพาะกับตลาดระดับกลางราคาเฉลี่ย 3-5 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มเป้าหมายนี้ได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มอื่น

ในมุมมองของนายพันธุ์เทพ ทานชิติกุล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เห็นว่าธุรกิจรับสร้างบ้านในช่วงต้นปีลูกค้ากังวลเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น เพราะจะทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้นตามมา แต่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้เริ่มเห็นสัญญาณที่ดี ลูกค้าเริ่มหันมาสร้างบ้านของตัวเองมากขึ้น เพราะดอกเบี้ยของธนาคารถือว่าต่ำ และราคาวัสดุก่อสร้างยังไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้แนวโน้มราคาน้ำมันจะเริ่มปรับสูงขึ้นก็ตาม

ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าในปีหน้าราคาน้ำมันจะส่งผลต่อราคาวัสดุก่อสร้างมากกว่าปีนี้ โดยหากเปรียบเทียบราคาวัสดุก่อสร้างปีนี้ยังมีราคาถูกกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 10% ส่วนภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านเชื่อว่าปีนี้คงมีมูลค่าอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 5-10%

+++อัดโปรโมชันดันยอด1.5 พันล้าน

ส่วนภาพรวมในงาน รับสร้างบ้าน 2009 ที่ผู้ประกอบการกว่า 50 บริษัทมาร่วมงาน มีการนำแบบบ้านใหม่ๆ ออกมากระตุ้นยอดขายกว่า 100 แบบ รวมถึงการจัดโปรโมชันเสริม ซึ่งทางสมาคม ได้กระตุ้นยอดขาย สำหรับผู้ที่จองสร้างบ้านภายในงานด้วยรางวัลรวมมูลค่า 2.5 ล้านบาท ประกอบด้วยรถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ด วัสดุก่อสร้าง 10 รายการมูลค่า 1 ล้านบาท และทีวีแอลซีดี ซัมซุง โดยหวังว่าจะมียอดขายภายในงานนี้ 1,500 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดผู้ชมงานกว่า 80,000 คน ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา

ขณะที่ผู้ประกอบการต่างนำแบบบ้านใหม่มา เป็นทางเลือกให้ลูกค้า อาทิ บริษัทในกลุ่ม บิวท์ ทู บิวด์ จำกัด นำแบบบ้านดีไซน์ใหม่ 6 แบบและมีโปรโมชัน รับส่วนลดเงินสดมูลค่าสูงสุดกว่า 619,000 บาท แจกทองคำแก่ผู้ที่จองภายในงาน บริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด จัดแคมเปญ สร้างบ้านกับโฟร์พัฒนา ทุกแบบทุกสไตล์วันนี้ สวยได้ทั้งภายนอกและภายในด้วยวงเงินตกแต่งสูงสุด 1.8 ล้านบาท ด้วยการจัดโปรโมชันพิเศษให้ลูกค้าได้บ้านพร้อมตกแต่งภายใน บริษัท มาสเตอร์แปลน 101 จำกัด เปิดตัวแบบบ้านใหม่ Luxury Home Style มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท ส่วนลดพิเศษ 7% พร้อมรับเพิ่มบริการจัดสวนอีก 2% จากราคาค่าก่อสร้าง เป็นต้น

+++ ธอส. ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ย 0 %

ด้านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เตรียมวงเงิน 200 ล้านบาท สำหรับปล่อยสินเชื่ออัตราพิเศษให้กับลูกค้าที่ต้องการกู้เพื่อปลูกสร้างบ้าน หรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้าง กู้ไถ่ถอนจากสถาบันการเงินอื่น และกู้เพิ่มเพื่อปลูกสร้างอาคารอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี 3 เดือนแรก เดือนที่ 4-12 คิดดอกเบี้ยเท่ากับ MRR-2.50% หรือเฉลี่ยปีแรก 3% ปีที่ 2-3 คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-2.0% หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR-1.0% สำหรับลูกค้ารายย่อยสวัสดิการ และ MRR-0.50% สำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไป และลูกค้ายังได้รับสิทธิ์ส่วนลดค่าประเมินราคาหลักประกันเหลือเพียง 1,200 บาท ทุกวงเงินกู้

+++ ตลาดไฮเอนด์ โตสวนเศรษฐกิจ

แม้ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านปีนี้จะเติบโตไม่มากนัก แต่กลุ่มตลาดบนที่มูลค่าการสร้างบ้านระดับราคาตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป ตามความเห็นของนายสุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด ประเมินว่าจะเติบโตชัดเจนมากกว่า 20% ซึ่งสาเหตุหลักเป็นเพราะกลุ่มผู้สร้างบ้านระดับนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ มีเงินออมพร้อมอยู่แล้ว และการจะนำเงินไปลงทุนเพื่อเก็งกำไรด้านอื่นๆ ยังให้ผลตอบแทนที่ต่ำ ประกอบกับภารกิจในการดูแลกิจการของตนเองมีน้อย และมีเวลาที่จะมาให้ความสนใจกับการสร้างบ้านมากขึ้น

นายสุรัตน์ชัย ได้ยกกรณีตัวอย่างของลูกค้ารายหนึ่งว่า ได้วางแผนสร้างบ้านราคาประมาณ 100 ล้านบาท แต่เมื่อได้ดูแบบบ้านของบริษัทมูลค่า 250 ล้านบาท ก็ตัดสินใจที่จะสร้างในแบบดังกล่าวทันที นับว่าเป็นแบบบ้านราคาสูงสุดในปีนี้ของบริษัท จากปีที่ผ่านมาราคาสูงสุดที่สร้างเพียง 80 ล้านบาทเท่านั้น

แสดงให้เห็นว่าตลาดบ้านระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป เป็นตลาดที่มีการเติบโตได้ดี และตลาดที่ยังมีการเติบโตที่ดีอีกกลุ่มหนึ่ง เป็นตลาดในระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ที่น่าจะเติบโตในอัตราไม่ต่ำกว่า 20% เช่นกัน เหตุผลเป็นเพราะกลุ่มลูกค้าที่มีความจำเป็นที่จะต้องการสร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัย และเป็นบ้านหลังแรกของชีวิต

ส่วนตลาดที่น่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวลง น่าจะเป็นกลุ่มสร้างบ้านระดับราคา 3-5 ล้านบาท เพราะกลุ่มผู้สร้างบ้านเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัท ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี ที่ถือว่าเป็นกลุ่มธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างมากเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ ทำให้ลูกค้าชะลอการสร้างบ้านออกไปก่อน นายสุรัตน์ชัย กล่าว

และจะว่าไปแล้ว แม้ปีนี้ทุกอย่างเอื้อที่จะสร้างบ้านสักหลังทั้ง ราคาวัสดุ ดอกเบี้ยแบงก์ แต่การจะเลือกใช้บริการของบริษัทใด คงต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนทั้งชื่อเสียง ผลงาน ราคาที่สมเหตุสมผลก็คงทำให้ฝันของคนที่อยากมีบ้านเป็นจริงได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook