บุกช่วยแรงงานเมียนมา นายจ้างบังคับทำงานวันละ 16 ชม. ยิงปืนขู่-ค้างค่าจ้าง 10 เดือน

บุกช่วยแรงงานเมียนมา นายจ้างบังคับทำงานวันละ 16 ชม. ยิงปืนขู่-ค้างค่าจ้าง 10 เดือน

บุกช่วยแรงงานเมียนมา นายจ้างบังคับทำงานวันละ 16 ชม. ยิงปืนขู่-ค้างค่าจ้าง 10 เดือน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พลเมืองดีแจ้ง ปคม. ให้ไปช่วยแรงงานเมียนมา ถูกนายจ้างใช้งานหนัก แต่ไม่จ่ายเงินเดือน ไม่พอใจเอาปืนมายิงขู่

(5 มิ.ย.63) นายทักษิณ อายุ 53 ปี ชาว จ.กาญจนบุรี ถูกตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) จับกุมได้ ที่ร้านสมุนไพรในจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมตรวจยึดของกลาง เป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนหลายรายการ

คดีนี้ บก.ปคม. ได้รับการแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดี ผ่านเฟซบุ๊ก บก.ปคม. ร้องขอความช่วยเหลือให้กับแรงงานต่างด้าว สัญชาติเมียนมา ซึ่งถูกนายจ้างบังคับใช้แรงงานและข่มขู่ทำร้ายร่างกาย โดยใช้อาวุธปืน ไม่ได้รับค่าจ้างนานหลายเดือน ตำรวจ ปคม. จึงได้การให้ชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบโดยเร่งด่วน เบื้องต้นพบว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชา ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลและประสานงานมูลนิธิ LPN เข้าร่วมปฏิบัติการเข้าตรวจค้นช่วยเหลือแรงงานดังกล่าว

จากการตรวจค้น ได้พบตัว นายวี สัญชาติ เมียนมา อายุ 21 ปี กำลังทำงานผลิตสมุนไพร เจ้าหน้าที่ซักถามทราบว่า ทำงานให้กับนายทักษิณ ณ ที่แห่งนี้ได้ประมาณ 1 ปีเศษ ทำงานวันละ 15-16 ชม. ตั้งแต่ 06.00-22.00 น. ไม่มีวันหยุด โดยตกลงค่าจ้าง เดือนละ 9,300 บาท แต่ได้รับค่าจ้างเพียง 4 เดือน หลังจากนั้นเป็นต้นมาถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 10 เดือน นั้นไม่ได้รับค่าจ้างเลย ซึ่งเป็นเงินถึง 93,000 บาท เมื่อติดตามทวงถามกลับโดนข่มขู่ จะแจ้งตำรวจจับ รวมถึงแสดงอาการโกรธเคืองใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า หรือใส่พื้นดิน เพื่อข่มขู่ ทำให้กลัวจะถูกทำร้ายและไม่กล้าออกไปที่ใด เนื่องจากนายวี เข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมาย จึงได้ประสานกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จังหวัดกาญจนบุรี เข้าช่วยเหลือหาทางเยียวยาแก้ไข ในประเด็นค่าจ้างที่ไม่ได้รับ ส่งตัวเข้าตรวจร่างกาย และทำการสัมภาษณ์คัดแยกว่าเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ หรือไม่อย่างไร

ส่วนนายจ้างโหดรายนี้คือ ให้การรับสารภาพว่าค้างค่าจ้างนายวีจริง แต่ไม่ถึง 10 เดือน ค้างเพียง 7 เดือน หรือ 65,000 เท่านั้น และมิได้มีพฤติกรรมข่มขู่ทำร้ายร่างกายตามที่นายวี กล่าวอ้างแต่อย่างใด จึงได้ควบคุมตัวนายทักษิณ พร้อมของกลางนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook