Sanook คลุกข่าวเช้า 7 มิ.ย. 63 พารากอน สั่งปิดโรงหนัง 3 วัน เหตุถ่ายรูปหมู่ไม่เว้นระยะ

Sanook คลุกข่าวเช้า 7 มิ.ย. 63 พารากอน สั่งปิดโรงหนัง 3 วัน เหตุถ่ายรูปหมู่ไม่เว้นระยะ

Sanook คลุกข่าวเช้า 7 มิ.ย. 63 พารากอน สั่งปิดโรงหนัง 3 วัน เหตุถ่ายรูปหมู่ไม่เว้นระยะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อัปเดตข่าวสารยามเช้า ประจำวันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน 2563 ติดตามสถานการณ์ข่าวน่าสนใจที่เกิดขึ้นในรอบวันที่ผ่านมา ด้วยการอ่านหรือจะใช้บริการกดฟังเสียงอ่านข่าว หรือเนื้อหาต่างๆ บนเว็บไซต์ Sanook โดยสังเกตสัญลักษณ์รูปลำโพง แล้วให้ระบบ AI อ่านเนื้อหาให้ฟังได้อีกด้วยนะครับ

เป็นประเด็นที่ต้องให้ความสนใจกันหน่อย สืบเนื่องจากมาตรการผ่อนปรนระยะ 3 ที่กำลังมีการพิจารณาผ่อนคลายมากขึ้นในระยะที่ 4 ในการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อจะให้ประชาชนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ได้กลับมาใช้ชีวิตแบบปกติภายใต้คำแนะนำด้านสุขภาพต่างๆ

แต่ว่าการจัดกิจกรรมพบปะแฟนคลับของ 2 ดารานำจากซีรีส์วัยรุ่นเรื่องหนึ่งเมื่อวันก่อนนั้น มีภาพปรากฏออกมาว่ามีการถ่ายภาพหมู่ร่วมกันโดยไม่มีการเว้นระยะห่าง

จนกระทั่งเมื่อวานนี้ Major Group ได้ออกหนังสือชี้แจง ระบุว่า ทางโรงภาพยนตร์รู้สึกเสียใจและขออภัยเป็นอย่างสูงที่เกิดภาพเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมหลังเสร็จการถ่ายทำภายในโรงภาพยนตร์ และจะระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ทั้งนี้ ทางโรงภาพยนตร์ยังคงให้ความสำคัญและเน้นย้ำ Social Distancing กับลูกค้าทุกคน ด้วยความห่วงใยและเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าทุกคนเป็นสำคัญ

ซึ่งต่อมา Siam Paragon ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ทำหนังสือชี้แจง ระบุว่า จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีการใช้พื้นที่ของผู้เช่าบริเวณด้านหน้าโรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ อย่างไม่เหมาะสม โดยขาดการควบคุมให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยที่ศูนย์การค้ากำหนด

สยามพารากอน ขอเรียนชี้แจง ดังนี้ หลังจากทราบข่าวได้ประสานงานตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทางเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ผู้ซึ่งรับผิดชอบในการดูแลพื้นที่ดังกล่าวในฐานะผู้เช่า และพบว่า ทางเมเจอร์ กรุ๊ป ได้ประกาศแสดงความเสียใจและขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ดังนั้น ทางศูนย์ฯ ได้แจ้งขอความร่วมมือให้โรงภาพยนตร์ปิดบริการเป็นเวลา 3 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 7-9 มิถุนายน 2563 เพื่อให้ทางโรงภาพยนตร์ได้ทบทวนและจัดเตรียมมาตรการในการดูแล ควบคุมความปลอดภัย และสุขอนามัยให้อยู่ในระดับที่สยามพารากอนได้ประกาศไว้เป็นมาตรการความปลอดภัยและดูแลสุขอนามัยขั้นสูงสุดให้แก่ลูกค้า

อีกหนึ่งเรื่องที่เป็นประเด็นเกี่ยวเนื่องกับมาตรการเฝ้าระวังป้องกันการกลับมาแพร่ระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19 เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพและข้อความในเชิงตำหนิและตั้งคำถามถึงแนวทางการให้บริการของผู้ประกอบการรถโดยสาร หลังจากมารดาของตนถูกเอาเปรียบ เนื่องจากผู้ให้บริการไม่ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่าง ซ้ำยังเก็บค่าโดยสารแพงกว่าปกติ โดยผู้โพสต์ระบุว่า

เมื่อวานแม่ซื้อตั๋วรถขอนแก่นไปหัวหิน ราคา 1,300 บาท เค้าบอกแม่ว่านั่งที่เว้นที่ เเล้ววันนี้แม่ขึ้นรถไป เจอสภาพแบบนี้ ขอความเป็นธรรมด้วยเถอะค่ะ เงินก็หายากลำบากจะตายอยู่แล้ว มาเจอผู้ประกอบการเอาเปรียบผู้บริโภคแบบนี้อีก แย่มากๆ เลยค่ะ (เจอแบบนี้อยากจะร้องไห้ มันเจ็บใจมากๆ เลยนะคะ ทำใจยอมรับราคาสองเท่าได้ แต่ไหนหละคะ นั่งที่เว้นที่ตามที่คุณแจ้งตอนขายตั๋ว)

พร้อมกับเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบผู้ประกอบการรถโดยสารดังกล่าวด้วย

ซึ่งมีรายงานข่าวเข้ามาเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ว่า หน่วยงานรัฐที่กำกับดูแลสั่งปรับเงินผู้ประกอบการรายดังกล่าวแล้ว พร้อมกับตักเตือนให้ปฏิบัติตามมาตรการและคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

ปิดท้ายกันด้วยประเด็นสืบเนื่องจากกรณีดราม่านักร้องลูกทุ่งชื่อดัง "ใบเตย อาร์สยาม" ไลฟ์ขายของมือสอง แล้วมีชาวเน็ตออกมาโพสต์กันกระหน่ำว่าสินค้าแพงเกินจริง แถมคุณภาพสินค้ายังไม่ตรงปก ซึ่งเรื่องดังกล่าว แม้จะมีการคืนเงินให้กับผู้ซื้อไปบ้างแล้วก็ตาม แต่ยังมีอีกหลายคนที่รู้สึกเหมือนถูกหลอก ถูกเอาเปรียบ และตอนนี้ทาง สคบ. เตรียมสอบสวนเรื่องนี้แล้ว

โดยลูกค้ารายหนึ่งไม่พอใจอย่างหนัก หลังจากซื้อสินค้าไม่ตรงปก และได้ท้วงติงและขอเงินคืน แต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับ จนทำให้ตัดสินใจเข้าร้องทุกข์กับ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อดำเนินการเอาผิดกับนักร้องสาว

ล่าสุด นายพิฆเนศ ต๊ะปลวงรอง เลขาธิการและโฆษกสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยว่า มีผู้ร้องเรียนเข้ามา 1 ราย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคำร้องระบุว่า ซื้อเข็มขัดแบรนด์หรูผ่านทาง เฟซบุ๊กใบเตย อาร์สยาม แต่เมื่อทวงถามถึงตำหนิของสินค้า กลับไม่ได้รับคำตอบ จึงขอคืนเงิน แต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับเช่นกัน จึงแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อให้ทาง สคบ.เป็นสื่อกลางในการช่วยประสานงาน

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่จะทำการส่งหนังสือเรียกผู้ซื้อสินค้า เจ้าของเฟซบุ๊กที่ทำการไลฟ์ขายสินค้า และเจ้าของบัญชีที่รับโอนเงินมาชี้แจง และทำสำนวนก่อนจะส่งต่อให้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคพิจารณาต่อไป

สำหรับวันนี้ก็ขออัปเดตไว้เท่านี้ครับ แล้วพบกันใหม่พรุ่งนี้ครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook