ศาลจำคุก 3 เดือน ซูโม่ตุ๋ย เมาแล้วขับ

ศาลจำคุก 3 เดือน ซูโม่ตุ๋ย เมาแล้วขับ

ศาลจำคุก 3 เดือน ซูโม่ตุ๋ย เมาแล้วขับ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ซูโม่ตุ๋ย" เมาแอ๋อาละวาดลั่นด่านตรวจ อดีตดาราคนดังขับรถเก๋งเจอด่านตรวจแอลกอฮอล์แล้วพยายามขับหลบหนีจนตร.ต้องใช้จยย.จอดขวางถนน ก่อนซูโม่ตุ๋ยจะโวยวายด่าแหลก ขู่ลั่นจะฟ้องสรยุทธพิธีกรช่อง 3 ไม่ยอมเป่าเครื่องวัดแอลกอฮอล์ สุดท้ายตร.ต้องจับใส่กุญแจมือคุมตัวไปสงบสติอารมณ์บนโรงพักมักกะสันนานหลายชั่วโมงจนสงบแล้วจึงยอมเป่าเครื่องวัด ผลออกมาปริมาณแอลกอฮอล์สูง 91 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินกฎหมายกำหนดเลยโดนหลายกระทงทั้งเมาแล้วขับ-ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน-ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ส่งตัวขึ้นศาลตัดสินจำคุก 3 เดือน ปรับ 7,250 บาท ให้รอลงอาญา 2 ปี พักใช้ใบขับขี่ 6 เดือน

เมื่อเวลา 03.10 น. วันที่ 25 ส.ค. ขณะที่ ร.ต.ท.ธนกร พิมพ์ชัย รองสว.จร. สน.มักกะสันพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กำลังตั้งด่านตรวจแอลกอ ฮอล์ บริเวณถ.ประดิษฐ์มนูธรรม ใกล้แยกพระราม 9 ตัดถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวง บางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. ได้พบรถเก๋งโตโยต้า รุ่นอัลติส สีน้ำเงิน-ดำ ทะเบียน ษข-9146 กทม. ขับเข้ามาใกล้ถึงบริเวณด่าน เจ้าหน้าที่จึงได้เรียกเพื่อขอตรวจ แต่รถคันดังกล่าวพยายามหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้รถจักรยานยนต์ขวางถนน

จากนั้นคนขับรถโตโยต้าอัลติส ซึ่งอยู่ในสภาพที่เมาแอ๋ ทราบชื่อภายหลังคือนายอรุณ ภาวิไล อายุ 46 ปี หรือซูโม่ตุ๋ย อยู่บ้านเลขที่ 417/149 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ดารานักแสดงชื่อดัง ยืนเอะอะโวยวายด่าทอตำรวจเสียงดังลั่น เจ้าหน้าที่จึงได้กอดปล้ำแล้วใส่กุญแจมือ แล้วนำตัวขึ้นรถจักรยานยนต์ไปที่สน.มักกะสัน

เมื่อถึงโรงพัก มีพ.ต.ท.ปกรณ์ ภาวิไล พงส. (สบ3) สน.มักกะสัน ซึ่งเป็นญาติของนายอรุณ เดินทางเข้ามาพูดคุย และได้ขอให้นายอรุณสงบสติอารมณ์และเข้าไปภายในห้องสอบสวน แต่นายอรุณไม่ยอมเป่าเครื่องตรวจแอลกอฮอล์ และยังโวยวายว่า "ผมผิดอะไร ผมอายุเท่าไรแล้ว ผมไม่ใช่เด็กนะ อายุจะ 50 ปีแล้ว มาเอากุญแจมือออกโดยเร็ว ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่ ลูกเมียผมใครจะดูแล พวกคุณมาทำกับผมอย่างนี้ได้อย่างไง และถ้าคุณทำกับผมอย่างนี้ ผมจะเข้าพบคุณสรยุทธ พิธีกรช่อง 3 เพื่อเล่นงานพวกคุณ ในเมื่อพวกคุณทำกับผมอย่างนี้ ผมผิดอะไร" เมื่อผู้สื่อข่าวถามดื่มสุรามาหรือไม่ นายอรุณได้หยุดพูดแล้วตะโกนขึ้นว่า "ดื่ม ผมไปกินเลี้ยงมา แล้วก็ขับรถจะกลับบ้าน ก็มาเจอด่านตรวจ ก็เป็นเรื่อง"

ต่อมาพ.ต.ท.ปกรณ์ได้สั่งให้ทางเจ้าหน้าที่ถอดกุญแจมือออก ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงานมีโทษแค่ปรับเท่านั้น ส่วนข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยสามารถใช้เงินสดในการประกันตัวได้ 20,000 บาท

พ.ต.ท.ปกรณ์กล่าวว่า ตนเป็นญาติกับนายอรุณ แต่เป็นญาติห่างๆ กันเท่านั้น เคยเจอกันเฉพาะในงานรวมญาติ นายอรุณคงจำตนไม่ได้ แต่ตนจำนายอรุณได้เพราะเป็นนักแสดง

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่อยู่ตรงจุดเกิดเหตุ เปิดเผยถึงนาทีจับกุมนายอรุณว่า ตอนที่นายอรุณอยู่ที่ด่านตรวจนั้น เอะอะโวย วายมาก ด่าเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยถ้อยคำที่หยาบคายจนตนได้อัดเทปปากกาเอาไว้ ซึ่งพล.ต.ต. ภาณุ เกิดลาภผล รองผบช.น. เคยกำชับไว้ให้ตำรวจรอบคอบ ดังนั้นตนมีหลักฐานแน่นอน ไม่ต้องห่วง

ต่อมาเวลา 08.00 น. พ.ต.อ.ศรัญญู ชำนาญราช ผกก.สน.มักกะสัน ได้เข้าไปพูดจาเกลี้ย กล่อมนายอรุณภายในห้องสอบสวน ซึ่งนายอรุณเริ่มมีท่าทีอ่อนลง ก่อนจะยอมเป่าเครื่องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ พบมีปริมาณแอล กอฮอล์สูง 91 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินที่กฎหมายกำหนดไว้ที่ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาเพิ่มอีกข้อหาคือขับรถในขณะเมาสุรา โดยนายอรุณยอมรับผิดตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายอรุณไปพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติ รวมทั้งเปรียบเทียบปรับในข้อหาไม่พกใบอนุญาตขับขี่เป็นเงิน 500 บาท ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะควบคุมตัวนายอรุณส่งฟ้องที่ศาลแขวงพระ นครเหนือ

พ.ต.อ.ศรัญญูกล่าวว่า เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.มักกะสันได้ตั้งด่านที่บริเวณถนนพระราม 9 พบรถยนต์ของผู้ต้องหาขับมาที่บริเวณด่านตรวจ ทางเจ้าหน้าที่พบผู้ขับขี่มีอาการเหมือนเมาสุรา จึงเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ โดยไม่รู้ว่าผู้ขับขี่เป็นใคร แต่ผู้ต้องหาไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ พร้อมแสดงอาการไม่พอใจพูดจากล่าวหาเจ้าหน้าที่และขัดขืนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องจับใส่กุญแจมือ จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวมาที่ สน.มักกะสัน เพื่อสงบสติอารมณ์ จนในช่วงเช้าได้เข้าไปคุยกับผู้ต้องหา ซึ่งเริ่มสร่างเมาและมีท่าทีอ่อนลง จนในที่สุดจึงยอมให้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ พบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ 91 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงได้แจ้งข้อหาขับรถในขณะเมาสุราเพิ่ม

นายอรุณ กล่าวถึงสาเหตุที่ไม่ยอมเป่าเครื่องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ว่า ก็ไม่อยากเป่า คือเจตนาที่จะไม่เป่า แต่ยอมรับว่าดื่มมาจริง โดยไปงานเลี้ยงมา ส่วนที่ภายหลังยอมเป่าก็เพราะกลัวสน.เสียชื่อเสียง และผู้กำกับมาขอร้อง ตนไม่ได้เป็นดาราดัง ทำไมต้องมาทำข่าวด้วย

ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอรุณ ภาวิไล เป็นจำเลย ในความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานจราจรที่ทดสอบปริมาณแอลกอฮอล์โดยลมหายใจ, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ และขับรถในขณะมึนเมาสุรา โดยระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 25 ส.ค.52 จำเลยกระทำผิดกฎหมายหลายกรรมโดยขับรถโตโยต้า อัลติส สีดำ ทะเบียน ษข-9146 กทม. ไปตาม ถนนพระราม 9 เมื่อมาถึงด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของสน.มักกะสัน ซึ่งมีด.ต.ดำรงค์ อยู่นุช ผู้เสียหายกับพวกตั้งด่านตรวจอยู่ พบจำเลยมีอาการคล้ายคนเมาสุรา จึงขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่จำเลยกลับฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง และพูดจาโวยวายเสียงดัง อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ใช้มือดัน ปัดข้อมือ อันเป็นการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติน้าที่ ซึ่งจำเลยมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย 91 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย เหตุเกิดแขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

ศาลพิเคราะห์แล้วจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง มีความผิดหลายกรรมให้เรียงกระทงลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานขับรถขณะเมาสุรา จำคุก 2 เดือน ปรับ 5,000 บาท ฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานปรับ 250 บาท และฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานจำคุก 1 เดือน ปรับ 2,000 บาท รวม 3 กระทง จำคุก 3 เดือน ปรับ 7,250 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี และให้พักใช้ใบอนุญาตขับขี่มีกำหนด 6 เดือน

ภายหลังนายอรุณ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตนไม่พร้อมที่จะเป่าเครื่องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ จนเรื่องบานปลายออกไป ก่อนเกิดเหตุนั้นไปร่วมงานเลี้ยงแต่งงานมา โดยขอยืนยันว่ายังมีสติดี ไม่ได้เมา เพราะปกติตนเป็นคนดื่มสุราเป็นประจำอยู่แล้ว แต่จะดื่มที่ร้านรัฐบานหุ่น ของตนเอง ย่านถนนวัชรพล ที่เป็นทั้งบ้านและออฟฟิศ หากเมาก็จะนอนหลับที่ร้านเลย และปกติจะไม่ออกไปดื่มนอกบ้าน แต่เมื่อคืนนี้เพื่อชวนออกไปดื่มนอกบ้านจึงเกิดเรื่องขึ้น โดยเริ่มดื่มตั้งแต่ 21.00 น. ไปจนถึงประมาณเที่ยงคืน ก่อนจะขับรถไปส่งเพื่อนที่ย่านอ่อนนุช ขณะกำลังกลับไปบ้าน ผ่านถนนพระราม 9 จึงถูกจับกุมดังกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook