ทิพยฯ ปรับพอร์ตต้านกำไรหด เลี่ยงตั้งสำรองเพิ่ม-ลุยประกันรถใหม่

ทิพยฯ ปรับพอร์ตต้านกำไรหด เลี่ยงตั้งสำรองเพิ่ม-ลุยประกันรถใหม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
บริษัท ทิพยประกันภัยฯ ปรับกลยุทธ์เลี่ยงตั้งสำรองเพิ่ม รับเกณฑ์ RBC ใหม่กำไรครึ่งแรกปีหด 39.39% และอัตราการสูญเสียรวมเพิ่ม 10% จากประกันภัยรถ ส่งผลให้ครึ่งปีหลังนี้ เร่งแก้ปัญหาหันลุยตลาดรถใหม่ กลุ่มข้าราชการใช้รถน้อย เปิดตลาดประกัน 3 พลัสใหม่ครั้งแรกเดือนก.ย.นี้ ตั้งเป้า 100 ล้านบาท หวังพยุงอัตราสูญเสียต่ำกว่า 65% และเบี้ยรับรวมสิ้นปีนี้ไม่ต่ำกว่าปีก่อน

นายมารุต สิมะเสถียร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลังว่า ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ บริษัทต้องควบคุมต้นทุนการดำเนินงานมากขึ้น เพื่อให้ผลกำไรและเบี้ยประกันภัยรับรวมสิ้นปีนี้ยังเติบโตเท่าปีก่อน โดยเฉพาะการปรับปรุงระบบบัญชีและการดำเนินงานให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์มาตรฐานใหม่ของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่ต้องดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (RBC)

ขณะนี้กำลังปรับปรุงระบบใหม่ เพื่อบริษัทจะไม่ต้องสำตั้งรองเพิ่มเติมตามเกณฑ์ใหม่ และเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย โดยเตรียมปรับพอร์ตการลงทุน ประเภทหุ้นกู้ลงโดยเฉพาะหุ้นกู้ระยะยาวหันมาถือพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้นภายในปีหน้า

ที่ผ่านมาบริษัทได้ตั้งสำรองสินไหมเพิ่ม 50 ล้านบาท ส่งผลให้ผลประกอบการช่วง 6 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 184.18 ล้านบาท ลดลง 39.39% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่กำไรจากการรับประกันภัยลดลง 127.90 ล้านบาทหรือเพิ่ม 18.09% และมีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนเพิ่มขึ้น 172.51 ล้านบาทหรือ 24.27% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน

เช่นเดียวกับกำไรจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 88.75 ล้านบาท หรือ 51.46% เนื่องจากในภาวะที่ตลาดผันผวน ขณะที่เบี้ยประกันภัยรับรวมของบริษัท แม้จะปรับเพิ่มขึ้น 415.07 ล้านบาทหรืออยู่ที่ 4,106.04 ล้านบาท แต่ยังพบว่า อัตราความสูญเสียรวมของบริษัท ปรับเพิ่มเป็น 70% จาก 60% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ในส่วนของประกันภัยมอเตอร์ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน

ดังนั้น นายมารุต ได้กล่าวถึงกลยุทธ์การตลาดว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา โดยจะเร่งสร้างฐานลูกค้าใหม่ ที่มีอัตราการสูญเสียต่ำมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดประกันภัยมอเตอร์ เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นลูกค้าพันธมิตรทางธุรกิจในเครืออยู่แล้ว ปัจจุบันฐานลูกค้ากลุ่มนี้ มีสัดส่วนประมาณ 30% ของพอร์ตประกันมอเตอร์ทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นรถที่ใช้งานน้อยหรือใช้ไปกลับระหว่างบ้านและที่ทำงาน และเพื่อชดเชยพอร์ตงานรับประกันมอเตอร์ที่มีอัตราการสูญเสียมากกว่า 60% บริษัทจึงได้ใช้วิธีเพิ่มเบี้ยหรือไม่รับประกันภัย อีกทั้งเตรียมออกประกันภัยรถยนต์ ประเภท 3 พลัสใหม่ เป็นครั้งแรก ด้วยเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 6,800-6,990 บาทต่อปี พร้อมแคมเปญส่งเสริมการขายที่จูงใจ คาดว่าจะเริ่มทำตลาดต้นเดือนกันยายนนี้ เจาะฐานลูกค้าประกันภัยรถยนต์ใหม่ ที่เคยทำประกันภัยรถประเภท1 และ 3 ที่จะเปลี่ยนมาเป็นประเภท 3 พลัสมากขึ้นในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ตั้งเป้ายอดขายถึงสิ้นปีไว้ที่ 100 ล้านบาท ด้วยจุดแข็งของบริษัทที่มีเครือข่ายสาขากว่า 24 และส่วนใหญ่เป็นฐานลูกค้าสถาบันการเงิน และเชื่อว่าการขายสินค้าประเภท 3 พลัสใหม่นี้ จะไม่กระทบฐานลูค้าประเภท 1เดิมของบริษัทหายไปแน่นอน เพราะกลุ่มนี้ยังมีศักยภาพในการจ่ายเบี้ย และส่วนใหญ่ยังเป็นฐานลูกค้าจากสถาบันการเงิน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook