หมอยง เตือนอย่าเพิ่งตื่นกลัวไข้หวัดหมูพันธุ์ใหม่ เพราะยังไม่ระบาดในคน เชื่อทำวัคซีนง่าย

หมอยง เตือนอย่าเพิ่งตื่นกลัวไข้หวัดหมูพันธุ์ใหม่ เพราะยังไม่ระบาดในคน เชื่อทำวัคซีนง่าย

หมอยง เตือนอย่าเพิ่งตื่นกลัวไข้หวัดหมูพันธุ์ใหม่ เพราะยังไม่ระบาดในคน เชื่อทำวัคซีนง่าย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นพ.ยง ภู่วรวรรณ เตือนสติ อย่าตื่นตระหนกไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ติดในหมู เนื่องจากยังไม่พบว่าแพร่ระบาดในคน เป็นเพียงการศึกษาในจีน ย้ำการพัฒนาวัคซีนทำได้ง่าย

จากกรณีที่มีกระแสข่าวนักวิจัยในจีนค้นพบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในสุกร ที่อาจพัฒนาไปเป็นโรคระบาดใหญ่ในคนได้ โดยไวรัสดังกล่าวมีวิวัฒนาการมาจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่เกิดการระบาดขึ้นเมื่อปี 2009 ตามที่มีการเสนอข่าวกันอย่างแพร่หลายในขณะนี้นั้น

ล่าสุดวันนี้ (2 ก.ค.) ศาสตราจารย์นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หรือ หมอยง หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และที่ปรึกษาศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กโดยมีเนื้อหาใจความเตือนสติให้ไม่ต้องตื่นตระหนกกับเชื้อไวรัสดังกล่าว โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

"ไข้หวัดใหญ่หมู สายพันธุ์ใหม่ที่เป็นข่าว G4EAH1N1

เป็นข่าวที่ตื่นตระหนกแต่ในความจริงที่ยังไม่เกิด ขออธิบายให้เข้าใจเป็นสเต็ป อาจจะเข้าใจยากเสียหน่อย

หมูเป็นสัตว์ที่พบไข้หวัดใหญ่อยู่แล้วและมักจะไม่มีอาการ หมูจะเป็นตัวกลางที่ผสมให้เกิดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่และเข้าสู่มนุษย์ได้ เมื่อเข้าสู่มนุษย์ถ้าเป็นสายพันธุ์ใหม่ทุกคนยังไม่เคยเป็นไม่มีภูมิต้านทานก็จะระบาดใหญ่ทั่วโลกได้

ไข้หวัดใหญ่ G4EAH1N1 เป็นสายพันธุ์ลูกผสมที่พบในหมูประเทศจีน ชิ้นส่วนพันธุกรรมของไข้หวัดใหญ่จะมีทั้งหมด 8 ชิ้น จึงมีการแลกเปลี่ยนกันได้ G4 คือ Genotype ที่ 4 EA คือ Eurasian Avian และ H1N1 จึงเรียกเป็น G4EAH1N1 เป็นการผสมผสานของไวรัสไข้หวัดใหญ่ในหมู ในนก และในคน เข้าเกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ คล้ายกับครั้งหนึ่งที่เคยมีจุดเริ่มต้นที่เม็กซิโกแล้วระบาดใหญ่ทั่วโลกเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009

แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ยังไม่เกิด เป็นเพียงการศึกษาไข้หวัดใหญ่ในหมูในประเทศจีนตั้งแต่ปี 2011 ถึง 2018 ไข้หวัดใหญ่ในหมูมีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอดในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา จากเดิมในอดีตไข้หวัดใหญ่ในหมูจะเป็นสายพันธุ์เดิม Classical Swine ต่อมามีการผสมผสานเอาชิ้นส่วนของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ Euratian avian-like ซึ่งพบได้ตั้งแต่ก่อน 2010 เป็นสายพันธุ์ G1 หลังเกิดการระบาดด้วยไข้หวัดใหญ่ทั่วโลก ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ H1N1 2009 ชิ้นส่วนพันธุกรรมของ H1N1 2009 จึงเข้าไปผสมเป็นไส้ในของไข้หวัดหมู จึงเรียกสายพันธุ์นี้ว่า G2

ส่วน G4 มีการสอดแทรกสายพันธุ์อีก 1 ชิ้น Triple-reassortant และพบมากขึ้นในช่วงระยะหลัง สายพันธุ์นี้จึงแตกต่างจาก G1 และ G2 ส่วน G 3, 5 และ 6 จะไม่ขอกล่าวในที่นี้

ทางการจีนทำการศึกษาพบว่า สายพันธุ์ลูกผสม G4 + EA (Eurasian avian-like) + Triple reassortant คือ การผสมชิ้นส่วน 3 สายพันธุ์ G4EAH1N1 ภูมิต้านทานที่เกิดจากการฉีดวัคซีนในปัจจุบัน ไม่สามารถป้องกันสายพันธุ์ที่พบนี้ได้ การทดลองในสัตว์พบการติดต่อได้ง่ายผ่านละอองฝอยและการสัมผัสโดยตรง สัตว์ทดลองมีอาการค่อนข้างรุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่นและศึกษาในเซลล์เพาะเลี้ยง ไวรัสตัวนี้เข้าติดเชื้อได้ง่ายในเซลล์เยื่อบุ

โดยสรุป ก็คือว่า G4EAH1N1 สายพันธุ์นี้พบในหมูที่ประเทศจีนในระยะหลังจนถึงปี 2018 และจากการทดลองภูมิต้านทานที่ฉีดวัคซีนประจำฤดูกาลในคน ไม่สามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์นี้ได้และไวรัสสายพันธุ์นี้ยังก่อโรคในสัตว์ทดลองมีอาการมากกว่าสายพันธุ์อื่น และสามารถติดต่อได้ทั้งสัมผัสโดยตรงและทางฝอยละออง

เหตุการณ์ทั้งหมดยังอยู่ในหมู ยังไม่เคยพบติดในคนและยังไม่มีการแพร่ระบาดในคนแต่อย่างใด เป็นการทดลองและมีสมมติฐานด้วยเหตุผลดังกล่าวในสัตว์ทดลอง ถึงจะพบในคนการพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ก็สามารถทำได้ง่าย เป็นเพียงเปลี่ยนสายพันธุ์ให้ตรงกับสายพันธุ์ที่มีการระบาด

ข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงทางการจีนเสนอผลงานทางวิชาการในวารสารที่มีชื่อเสียง PNAS และเป็นงานวิจัยที่ทำมายาวนานและศึกษาแบบลึกซึ้ง เราอยากเห็นงานวิจัยแบบนี้ในบ้านเราแต่ต้องเป็นการลงทุนที่เป็นจำนวนมาก และหวังว่าคงจะไม่ถูกถามว่าทำวิจัยแบบนี้แล้วเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นไหม เพราะเป็นงานวิจัยพื้นฐาน ผมเคยถูกถามมาแล้วว่าทำแล้วขายได้หรือเปล่า"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook