ฮึบไว้! ญี่ปุ่นยันไม่ประกาศภาวะฉุกเฉิน แม้ยอดติดเชื้อโควิด พุ่งสูงสุดในรอบ 2 เดือน

ฮึบไว้! ญี่ปุ่นยันไม่ประกาศภาวะฉุกเฉิน แม้ยอดติดเชื้อโควิด พุ่งสูงสุดในรอบ 2 เดือน

ฮึบไว้! ญี่ปุ่นยันไม่ประกาศภาวะฉุกเฉิน แม้ยอดติดเชื้อโควิด พุ่งสูงสุดในรอบ 2 เดือน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รัฐบาลญี่ปุ่นเผยว่าจะไม่ประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อจัดการกับการระบาดของโควิด-19 อีก แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงโตเกียวช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พุ่งสูงสุดในรอบ 2 เดือน

รายงานระบุว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงโตเกียว 124 รายในวันนี้ ถือเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นสูงกว่า 100 ราย และยังเป็นยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่สูงที่สุดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาอีกด้วย ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มีรายงานพบผู้ติดเชื้อมากขึ้นมาจากการเพิ่มการตรวจหาเชื้อในหมู่พนักงานกลางคืนในย่านชินจูกุและอิเกบูกูโระ โดยถึงแม้จำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้น แต่โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นก็ระบุว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงนั้นลดลง และไม่มีความจำเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอีกครั้ง

อัตราการติดเชื้อของญี่ปุ่นยังคงต่ำกว่าของหลายประเทศ แต่จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นและความเป็นไปได้ที่จะประกาศใช้ข้อห้ามต่างๆ ก็สร้างความกังวลให้กับทั้งทางการและธุรกิจต่างๆ ขณะที่กรุงโตเกียวยังคงระดับเตือนภัยสีเหลืองเข้ม ซึ่งถือเป็นความรุนแรงสูงสุดระดับ 3 จากทั้งหมด 4 ระดับ โดยสถานพยาบาลต่างๆ ถูกจัดลำดับให้อยู่ในสีเหลืองอ่อนลงมา ชี้ว่าไม่มีความเสี่ยงฉับพลันที่จะมีผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล ซึ่ง ‘ยูริโกะ โคอิเกะ’ ผู้ว่าการกรุงโตเกียวที่คาดว่าจะคว้าชัยเป็นสมัยที่ 2 ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นวันอาทิตย์นี้ระบุว่า ทางการจะป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไปพร้อมกับคงการใช้ชีวิตประจำวันปกติเอาไว้

เมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งให้อำนาจผู้ว่าการ 47 จังหวัด ในการขอให้ประชาชนกักตัวอยู่บ้านและปิดธุรกิจต่างๆ แต่ไม่มีการลงโทษปรับหรือจับกุมผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามแต่อย่างใด ก่อนจะยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่มาตรการป้องกันต่างๆ ได้ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นต้องเข้าสู่ภาวะถดถอยในไตรมาสแรก และคาดว่าการหดตัวจะยิ่งมากขึ้นในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

ทั้งนี้ เว็บไซต์ worldometers รายงานว่ายอดผู้ติดเชื้อสะสมล่าสุดในญี่ปุ่นอยู่ที่ 18,874 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 975 ราย 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook