ภูมิรัฐศาสตร์ 4: "เทคโนโลยี" หัวใจชนะสงครามตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์

ภูมิรัฐศาสตร์ 4: "เทคโนโลยี" หัวใจชนะสงครามตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์

ภูมิรัฐศาสตร์ 4: "เทคโนโลยี" หัวใจชนะสงครามตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การรบกันของกลุ่มบุคคลที่เราเรียกว่า "ทหาร" นั้นจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเป็นหลักสำคัญยิ่งเพราะผลการแพ้-ชนะในสมรภูมิและสงครามนั้นส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีแทบทั้งสิ้น

เทคโนโลยี คือ  คือ การใช้ความรู้ เครื่องมือ ความคิด หลักการ เทคนิค ความรู้ ระเบียบวิธี กระบวนการตลอดจนผลงานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ่งประดิษฐ์และวิธีการมาประยุกต์ใช้ในระบบงานเพื่อช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการทำงานให้ดียิ่งขึ้นและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานให้มีมากยิ่งขึ้น

เดิมการต่อสู้ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์นั้นมนุษย์เราก็ใช้ไม้และหินเป็นอาวุธโดยการตอกและลับหินให้แหลมและคมแล้วนำไปประกอบขึ้นเป็นอาวุธเป็นกระบอง ธนู หน้าไม้  ต่อมาในยุคโลหะก็เริ่มทำอาวุธจากทองแดงก่อนแล้วจึงเอาทองแดงผสมกับดีบุกเพื่อสร้างอาวุธจากจากสำริด (บรอนซ์) ซึ่งมีความคงทนและแข็งกว่ากว่าอาวุธที่ทำจากไม้และหินหรือทองแดงเมื่อปะทะกันอาวุธที่ทำจากสำริดย่อมได้เปรียบจนกระทั่งมีการพัฒนาอาวุธต่าง ๆ จากเหล็กและเหล็กกล้าขึ้นภายหลังซึ่งถือเป็นหลักในการสร้างอาวุธในปัจจุบัน

สำหรับชนิดของอาวุธเมื่อมีเหล็กและเหล็กกล้าแล้วจึงได้มีการพัฒนาปืนคาบชุด (Matchlock) มีการนำมาใช้ในทวีปยุโรปในช่วงปี พ.ศ. 1993  ชาวโปรตุเกสได้นำปืนคาบชุดเข้ามาในกรุงศรีอยุธยาประมาณ 100 ปีหลังจากนั้น ซึ่งอยู่ในรัชสมัยของสมเด็จพระไชยราชาธิราช ซึ่งนำมาใช้สู้รบกับพม่าจนได้รับชัยชนะอย่างง่ายดายในปี พ.ศ. 2089 จนมีการตั้งกองอาสาโปรตุเกสขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่สู้รบโดยใช้อาวุธปืนคาบชุด และสอนการใช้อาวุธปืนไฟให้กับชาวไทย ปืนคาบชุดก็มามีบทบาทในการสู้รบกับพม่าเป็นอย่างมาก 

ปืนคาบชุด: เครื่องมือรวมชาติญี่ปุ่น

นอกจากนี้ปืนคาบชุดนี้เองที่เป็นส่วนสำคัญในการรวมชาติญี่ปุ่นที่ประกอบด้วยเกาะหลักใหญ่ 4 เกาะและหมู่เกาะโอกินาวาให้เป็นปึกแผ่นเนื่องจาก ชาวโปรตุเกสได้นำปืนเข้ามาในญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2086

ไดเมียวโอดะ โนบุนางะ ผู้เป็นหนึ่งในขุนศึกที่สัประยุทธ์ในสงครามกลางเมืองญี่ปุ่นได้ตระหนักในคุณค่าและประสิทธิภาพของปืนคาบชุดซึ่งมีโครงสร้างที่เป็นลำกล้องเหล็กติดตั้งเข้ากับด้ามไม้มีกระทะเล็กๆ สำหรับใส่ดินแก๊ปอยู่ที่ด้านขวาและมีสายชนวนที่ติดไฟช้าและนานเมื่อไกปืนถูกเหนี่ยว ปากคีบที่ง้างค้างไว้ส่งสายชนวนที่ติดไฟ ลงไปยังกระทะดินแก๊ปก็สามารถยิงได้ทันที      

YOSHIKAZU TSUNO / AFPชาวญี่ปุ่นสวมชุดซามูไร สาธิตการยิงปืนคาบหินในสมัยเอโดะ (2146-2411) ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

โอดะ โนบุนางะ จึงจัดให้มีการถูกจดจำและเลียนแบบปืนคาบชุดของโปรตุเกสจนสามารถผลิตปืนคาบชุดได้เองเป็นจำนวนมาก และยังได้เกณฑ์บรรดาชาวนาชาวไร่มาเป็นทหารราบเรียกว่า "อาชิการุ"จัดการฝึกชาวนาชาวไร่เหล่านี้ให้กลายเป็นหน่วยทหารที่น่าเกรงขามขึ้นมา  โดยอาวุธปืนในช่วงแรกมีระยะยิงที่หวังผลอยู่ที่ 50-75 เมตร ปืนคาบชุดเลยเป็นอาวุธที่อยู่แนวหน้า หนุนหลังโดยพลธนู ซึ่งถูกหนุนหลังอีกทีโดยพลหอกซึ่งพร้อมที่จะบุกไปข้างหน้าทุกเมื่อ

หลังจากนั้นเพียง 22 ปีที่ปืนคาบชุดได้เข้ามาในญี่ปุ่น โอดะโนบุนากะได้พิสูจน์ให้เห็นคุณค่าของปืนคาบชุดในสมรภูมิที่นางาชิโนะในปี 2118 ตามที่บันทึกไว้ว่า พลปืนสามพันคนเข้าแถวสามชั้นเพื่อจะได้ยิงทีละแถวแบบต่อเนื่องใส่ข้าศึกที่บุกเข้ามา ผลลัพธ์คือความพินาศย่อยยับของข้าศึก ทำให้โอดะ โนบุนางะ สามารถรวบรวมญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่นได้สำเร็จ

อาณาจักรอิสลามขยายเขตแดนด้วย "ดินปืน"

ดินปืน (Gunpowder หรือ Black powder) เชื่อกันอย่างมีหลักฐานว่าได้ถูกนำไปใช้เริ่มแรกโดยนักเคมีชาวจีนเมื่อราวศตวรรษที่ 9 โดยเอามาใช้ทำดอกไม้เพลิง, พลุ และประทัด และจีนได้ประดิษฐ์ปืนที่ใช้ดินปืนรุ่นแรกๆ ซึ่งได้แพร่หลายไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งบรรดาจักรวรรดิดินปืนแห่งอิสลามทั้ง 3 จักรวรรดิอันได้แก่ ออตโตมาน ซาฟาวิด และโมกุล ได้นำเอาปืนมาพัฒนาเป็นอาวุธหลักของจักรวรรดิในการทำสงครามโดยทหารราบถือปืนเล็กยาวและมีปืนใหญ่เป็นจำนวนมากในการรบทำให้ขยายอาณาเขตของจักรวรรดิได้อย่างรวดเร็ว

Dibyangshu SARKAR / AFPหญิงอินเดียบรรจุดินปืนใส่โอ่งประทัดสำหรับเทศกาลทิวาลี

จักรวรรดิดินปืนแห่งอิสลามคือจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นร่วมสมัยกัน 3 อาณาจักร และอาวุธหลักในการสร้างจักรวรรดิคือใช้ปืนใหญ่และปืนเล็กเป็นอาวุธหลักแทนหอก ดาบ ซึ่งต้องใช้ดินปืนจำนวนมหาศาลในการรบแต่ละครั้ง ได้แก่

  1. จักรวรรดิออตโตมานซึ่งมีอาณาเขตที่ครอบคลุมถึง 3 ทวีป ได้แก่ เอเชีย แอฟริกา และยุโรป ซึ่งขยายไปไกลสุดถึงช่องแคบยิบรอลตาร์ทางตะวันตก นครเวียนนาทางทิศเหนือ ทะเลดำทางทิศตะวันออก และอียิปต์ทางทิศใต้อาณาเขตได้แผ่ขยายออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล ทิศตะวันตกจรดดินแดนออสเตรียทิศตะวันออกจรดคาบสมุทรอาระเบีย ทิศเหนือจรดคาบสมุทรไครเมีย ทิศใต้จรดซูดานในแอฟริกาเหนือ มีพื้นที่รวม 12,000,000 ตารางกิโลเมตร

  2. จักรวรรดิโมกุลมีอาณาเขตครอบครองดินแดนส่วนใหญ่ในอนุทวีปอินเดีย นับแต่อ่าวเบงกอลทางตะวันออกไปจนถึงแคว้นบาลูจิสถานในทางตะวันตก และจากแคว้นแคชเมียร์ทางเหนือไปจนถึงแม่น้ำโคเวอริในทางใต้ ประชากรของจักรวรรดิในยุคนั้นมีประมาณ 110-150 ล้านคน ดินแดนในครอบครองมีมากกว่า 3.2 ล้านตารางกิโลเมตร มีประชากรมากกว่า 150 ล้านคน หรือคิดเป็นเกือบ 1 ใน 4 ของประชากรโลกทั้งหมดในขณะนั้นทีเดียว

  3. จักรวรรดิซาฟาวิดเป็นผู้ก่อตั้งอิสลามนิกายชีอะห์ (อิหม่าม 12) เป็นลัทธิทางการของจักรวรรดิ ซึ่งเป็นจุดสำคัญของประวัติศาสตร์ของศาสนาอิสลาม จักรวรรดิซาฟาวิดมีเนื้อที่ประมาณ 2,850,000 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมอิหร่านทั้งหมด อิรัก จอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน อัฟกานิสถาน คอร์เคซัส บางส่วนของปากีสถาน ตุรกีและเตอร์กเมนิสถาน

จักรวรรดิดินปืนแห่งอิสลามทั้ง 3 จักรวรรดินี้ คนไทยเราส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะรู้จักกันมากนักทั้ง ๆ ที่จักรวรรดิดินปืนทั้ง 3 จักรวรรดินี้เกิดขึ้นมาร่วมสมัยกับราชอาณาจักรศรีอยุธยาแท้ ๆ และทั้ง 3 จักรวรรดินี้ล่มสลายไปในช่วงปลายของราชอาณาจักรศรีอยุธยาและในสมัยราชอาณาจักรรัตนโกสินทร์ทั้งสิ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook