Sanook คลุกข่าวเช้า 13 ส.ค. 63 รัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ-สาวขับเบนซ์ชนดะ รอดนอนคุก

Sanook คลุกข่าวเช้า 13 ส.ค. 63 รัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ-สาวขับเบนซ์ชนดะ รอดนอนคุก

Sanook คลุกข่าวเช้า 13 ส.ค. 63 รัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ-สาวขับเบนซ์ชนดะ รอดนอนคุก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สวัสดีค่ะ พบกับ Sanook คลุกข่าวเช้าประจำวันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม 2563 เช้าวันนี้เราได้รวบรวมข่าวสารประเด็นร้อนทั้งเรื่องการเมืองในไทย รวมถึงข่าวต่างประเทศมาอัปเดตให้ฟังกัน ง่ายๆ แค่กดปุ่มลำโพงคุณก็สามารถฟังเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างครบรสจบทุกประเด็นในที่เดียว เอาละถ้าพร้อมแล้วเราไปลุยกันเลย

ในหลวง ทรงรับสั่งให้กำลังใจ ครม.ใหม่ ทำงานให้ประชาชนมีความสุข

เมื่อวานนี้รัฐมนตรีชุดใหม่ 7 คน ได้เดินทางเข้ามาถ่ายรูปเพื่อติดบัตรประจำตัวคณะรัฐมนตรี ก่อนเดินทางไปเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ โดยนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังถวายสัตย์ปฏิญาณ ว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระกระแสรับสั่งให้กำลังใจ ทำงานให้ประชาชนมีความสุข ทุกคนซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ส่วนแนวทางการทำงานสำหรับการเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ว่า การแก้ไขปัญหาคนว่างงาน ต้องรอรับนโยบายจากนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการฯ ก่อน แล้วจะให้ข้อมูลในรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางการทำงานต่อไป

สาวขับเบนซ์ชนดะ รอดนอนคุก! ด.ต.เข้าระงับเหตุยืนยันไม่มีใครทำร้ายผู้ก่อเหตุ

จากกรณี น.ส.วิชุดา อายุ 37 ปี ขับรถเก๋งเบนซ์สีดำป้ายแดง เฉี่ยวชนยานพาหนะผู้อื่น ตั้งแต่แยกแคราย จ.นนทบุรี เข้าถนนวิภาวดี ถนนพหลโยธิน จนมาถูกล้อมจับและจนมุมที่ย่านเตาปูน กรุงเทพมหานคร เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. เมื่อวันที่ 11 ส.ค. นี้ โดยมีรถได้รับความเสียหายและผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ก่อนตำรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์พบว่าสูงถึง 257 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น โดยสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ พนักงานสอบสวนได้ให้ประกันตัว น.ส.วิชุดา แล้ว หลังจากสอบปากคำ น.ส.วิชุดา เพิ่มเติม พร้อมทั้งตรวจร่างกายและสารเสพติด ส่วนอีก 2 พื้นที่ ที่น.ส.วิชุดาก่อเหตุ คือ สน.เตาปูน และสน.รัตนาธิเบศร์ ยังไม่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความทำให้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก

ด้านหนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งปฏิบัติหน้าที่ระงับเหตุการณ์ครั้งนี้ คือ ดาบตำรวจอ่อนสี ประสานทอง ผู้บังคับหมู่งานจราจร สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ เปิดเผยว่า ใช้เวลาติดตาม น.ส.วิชุดา หรือผู้ก่อเหตุรวมกว่า 1 ชั่วโมง ส่วนที่ผู้ก่อเหตุบอกว่าระหว่างหลบหนี เพราะมีคนจะทำร้ายและเข้าทุบรถ

ดาบตำรวจอ่อนศรี ยืนยัน ไม่มีใครจะเข้าไปทำร้าย แต่คาดว่า น่าจะเป็นช่วงที่มีพลเมืองดี เข้าไปเคาะกระจกรถเพื่อให้ผู้ก่อเหตุหยุดรถเท่านั้น โดยตลอดทั้งเหตุการณ์ ทุกคนต่างพยายามบอกให้หยุดรถ แต่ผู้ก่อเหตุไม่ได้สนใจ มีอาการคลุ้มคลั่ง และยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบของตน ไม่มีใครทำร้ายร่างกายผู้ก่อเหตุเลย

สำหรับสาเหตุที่ตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนฝากระโปรงรถนั้น เป็นช่วงที่เอารถมอเตอร์ไซด์ตำรวจไปขวางเพื่อให้รถหยุด แต่ผู้ก่อเหตุไม่หยุด ขับรถพุ่งเข้ามาในจุดที่ยืนอยู่ทำให้ต้องกระโดดหนีขึ้นฝากระโปรงรถและเบี่ยงลงด้านข้าง จุดนี้มองว่าผู้ก่อเหตุพยายามฆ่าตนเองเลยก็ว่าได้แต่ก็ให้อภัย และในระหว่างที่เกิดเหตุในพื้นที่ได้ขอกำลังเสริม แต่ติดภารกิจเหตุอื่นๆ

จนกระทั่งมีกู้ภัยเข้ามาช่วยสกัดแต่ไม่ได้ผล กระทั่งผู้ก่อเหตุยอมหยุดรถและเปิดกระจก กรีดร้องเสียงดัง จากนั้นก็ปิดกระจกลงอีก ก่อนที่จะขับรถหลบหนีต่อไป ออกนอกพื้นที่เขตรับผิดชอบทำให้ไม่ได้ติดตามต่อ แต่ทราบอีกครั้งว่า ผู้ก่อเหตุหยุดที่ย่านเตาปูน จึงกลับมาเตรียมเครื่องวัดแอลกอฮอล์ และได้วัดแอลกอฮอล์ด้วยตัวเอง

ฟิลิปปินส์รับข้อเสนอวัคซีนโควิด-19 จากรัสเซีย "ดูแตร์เต" อาสาเป็นหนูทดลองเอง

นายโรดริโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ได้ตัดสินใจรับข้อเสนอวัคซีนต้านโรคโควิด-19 จากรัสเซีย โดยอาสาฉีดวัคซีนดังกล่าวให้ประชาชนเห็นเพื่อแสดงความขอบคุณและความเชื่อใจในวัคซีนของรัสเซีย พร้อมเสนอช่วยรัสเซียในการทดลองทางคลินิกและการผลิตวัคซีนดังกล่าวในประเทศ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังรัสเซียวางแผนที่จะจดทะเบียนวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในวันที่ 10-12 ส.ค.นี้ ซึ่งอาจทำให้รัสเซียเป็นชาติแรกของโลกที่อนุมัติอย่างเป็นทางการให้ใช้วัคซีนต้านโควิด-19

วัคซีนดังกล่าวซึ่งพัฒนาโดยสถาบันวิจัย Gamaleya ของรัสเซีย และกองทุนเพื่อการลงทุนโดยตรงของรัสเซีย (Russian Direct Investment Fund หรือ RDIF) นั้น อาจได้รับอนุมัติให้นำมาใช้กับประชาชนได้ภายในระยะเวลา 3-7 วันหลังจากวัคซีนดังกล่าวได้รับการจดทะเบียน

อย่างไรก็ดี วัคซีนดังกล่าวยังไม่ผ่านพ้นขั้นการทดลองทางคลินิก ส่งผลให้บริษัทยาหลายแห่งได้ออกมาเตือนเรื่องความปลอดภัย

ส่วนฟิลิปปินส์นั้นมีผู้ป่วยโควิด-19 สะสม 136,638 ราย ซึ่งมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook