สุดงง สาวหิ้วถังใส่น้ำปลาสาดหน้าบ้านกลางดึก อ้างเพื่อนบ้านทำเสียงดัง

สุดงง สาวหิ้วถังใส่น้ำปลาสาดหน้าบ้านกลางดึก อ้างเพื่อนบ้านทำเสียงดัง

สุดงง สาวหิ้วถังใส่น้ำปลาสาดหน้าบ้านกลางดึก อ้างเพื่อนบ้านทำเสียงดัง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผวา สาวหิ้วถังน้ำปลาสาดหน้าบ้านกลางดึก อ้างเสียงดังรบกวน เพื่อนบ้านแฉเคยทำมาแล้วเมื่อปีก่อน หวั่นครั้งหน้าจะไม่ใช่น้ำปลา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (18 ก.ย.) เมื่อเวลา 15.30 น. ได้ไปตรวจสอบที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 1 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.หนองคาย และได้พบกับ นางสาวกัลยา อายุ 41 ปี เจ้าของบ้าน ผู้โพสต์คลิปวิดีโอลงเฟซบุ๊ก เหตุการณ์ที่มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินข้ามถนนหิ้วถังน้ำปลามาสาดใส่หน้าบ้าน

น.ส.กัลยา เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา ช่วงเย็นตนกับสามีและเพื่อนได้นั่งรับประทานอาหารหน้าบ้าน ไม่ได้ส่งเสียงดังแต่อย่างใด แต่จู่ๆ ก็มีตำรวจขี่รถมาบอกว่าได้รับแจ้งว่าบ้านของตนส่งเสียงดัง จึงออกมาตรวจสอบ แต่พอตำรวจมาก็พบว่าบ้านของตนไม่ได้ส่งเสียงดัง ไม่มีการเปิดเพลงอึกทึก ซึ่งตนมีลูก 2 คน คนโต 7 ขวบ คนเล็กขวบเศษ เสียงดังไม่ได้อยู่แล้ว

จากนั้นมาตอนเช้าวันรุ่งขึ้น ตนเปิดประตูบ้านออกมาก็ได้กลิ่นเหม็นเหมือนน้ำปลา กลิ่นโชยอยู่หน้าบ้าน จึงได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดก็พบว่าเวลาประมาณ 02.00 น. หญิงสาวคนดังกล่าวหิ้วถังน้ำปลามาเทราดใส่หน้าบ้านของตน ตนจึงได้นำน้ำมาล้างทำความสะอาด ซึ่งส่งกลิ่นเหม็นไปรบกวนเพื่อนบ้านข้างเคียงได้รับความเดือดร้อนด้วย

น.ส.กัลยา เจ้าของบ้าน (เสื้อสีชมพู) ยืนเล่าเหตุการณ์ที่จุดเกิดเหตุน.ส.กัลยา เจ้าของบ้าน (เสื้อสีชมพู) ยืนเล่าเหตุการณ์ที่จุดเกิดเหตุ

ตนได้ไปพูดคุยกับพ่อแม่ของผู้ก่อเหตุ ก็บอกให้ตนไปแจ้งความเลย ต่อมาวันที่ 17 ก.ย. ตนจึงไปแจ้งความที่ สภ.เมืองหนองคาย และในวันนี้เวลาประมาณ 14.55 น. ตำรวจได้เรียกตนกับคู่กรณีไปสอบสวนที่ สภ.เมืองหนองคาย

ตำรวจได้ทำการเปรียบเทียบปรับฝ่ายตน 100 บาท ในฐานความผิด ก่อให้เกิดเสียงดังโดยไม่มีเหตุอันควร ส่วนคู่กรณีมีความผิดฐาน ทำให้ของโสโครกเป็นที่เดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น จ่ายค่าปรับ 1,000 บาท

น.ส.กัลยา ยังบอกอีกว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เมื่อปีที่แล้วหญิงสาวคนดังกล่าวก็ก่อเหตุเช่นเดียวกันนี้กับบ้านของตน ลักษณะเหมือนจงใจทำ และไม่ได้เกรงกลัวอะไรเลย ซึ่งตนหวาดระแวงว่า จะไม่ยอมหยุดเพียงแค่นี้ หากครั้งหน้าไม่ใช่น้ำปลา แต่เป็นวัตถุอันตรายอย่างอื่นตนจะอยู่อย่างไร จึงอยากให้ครอบครัวของคู่กรณีดูแลกันให้ดีด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook