"ไพบูลย์" ซัดม็อบ "คนก็น้อย ยังเอาแต่ใจ" สวนฝ่ายค้าน "ทำไมต้องโลกสวย?"

"ไพบูลย์" ซัดม็อบ "คนก็น้อย ยังเอาแต่ใจ" สวนฝ่ายค้าน "ทำไมต้องโลกสวย?"

"ไพบูลย์" ซัดม็อบ "คนก็น้อย ยังเอาแต่ใจ" สวนฝ่ายค้าน "ทำไมต้องโลกสวย?"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนที่จะลงมติรับหลักการนั้นว่า ไม่ได้เป็นการยื้อเวลา และไม่มีใบสั่งพร้อมย้ำว่าพรรคพลังประชารัฐมีความจริงใจในการแก้ไข การเสนอตั้งคณะกรรมาธิการเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมข้อที่ 121 วรรค 3

ไพบูลย์ ระบุว่า กมธ.ชุดนี้จะใช้เวลาไม่นานเพื่อพูดคุยให้เกิดความเข้าใจระหว่างกัน เพราะที่ผ่านมา ส.ว.ไม่เข้าใจต่อญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคฝ่ายค้านที่มีการยื่นเพิ่มเติมมา 4 ญัตติ และมีการเร่งพิจารณาเพื่อลงมติ การตั้งกมธ.เพื่อศึกษา 30 วัน เป็นผลดี เป็นการพบกันครั้งแรกทั้งสองฝ่าย

กรณีที่ฝ่ายค้านไม่ขอร่วมเป็น กมธ. ไพบูลย์ กล่าวว่าไม่เป็นอะไร สามารถเดินหน้าทำงานต่อได้และเมื่อครบกำหนด 30 วันจะนำผลการศึกษาเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภา

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการเสนอตั้ง กมธ.แสดงถึงความไม่จริงใจหรือไม่เพราะไม่มีการตกลงต่อที่ประชุมของวิปทั้งสามฝ่ายก่อนหน้านี้

ไพบูลย์ ระบุว่า พรรคพลังประชารัฐคิดมานานแล้ว แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดทุกอย่าง มีแผนที่จะนำไปสู่เป้าหมายในการแก้รัฐธรรมนูญ

"ไม่เข้าใจฝ่ายค้านว่าทำไมถึงโลกสวย ไม่มองตามข้อบังคับการประชุมที่เขียนชัดเจน ไม่ทราบว่าฝ่ายค้านอ่านไม่ออกหรือว่าอย่างไร การเสนอตั้ง กมธ.ชุดนี้ไม่มีการชี้นำจากใครเพราะมีการเตรียมแผนสำรองนี้ไว้แล้ว ฝ่ายค้านไม่เคยมาประชุมร่วมในประเด็นนี้กับ ส.ว.และยังไปด่าเขาด้วย ใครเขาจะมายกมือให้”

เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐ เห็นด้วยกับ 5 ญัตติของฝ่ายค้านหรือไม่หากไม่มีการปรับแก้ และเสนอเข้าไปพิจารณาสมัยประชุมหน้า

“ปกติผมก็ไม่เคยเห็นด้วยกับฝ่ายค้านอยู่แล้ว” ไพบูลย์กล่าว

ไพบูลย์ ยังกล่าวถึงกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาเรียกร้องและกดดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาเมื่อคืนนี้ ว่า "เป็นการคิดเองเออเองตามที่ตัวเองออกแบบไว้ เปรียบเสมือนเป็นการนำมวลชนมากดดันและนำไปขยายผล รู้ทันกลุ่มผู้ชุมนุมเพราะเป็นขบวนการแบบง่ายๆ"

เมื่อถามว่าการตั้ง กมธ.เป็นการเพิ่มอุณหภูมิทางการเมืองของผู้ชุมนุมหรือไม่ ไพบูลย์ระบุว่า

“เขาอยากเพิ่มอยู่แล้วผมก็เห็นว่าผู้ชุมนุมก็มีอยู่ไม่เท่าไหร่ แต่ไปอ้างว่าไปเป็นประชาชนทั้งประเทศ และผมก็ผ่านการชุมนุมมาเยอะจึงเห็นว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นนี้มันเล็กมากไม่มีผลอะไรต่อการตัดสินใจทั้งสิ้น

การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นต้องยึดผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นหลัก กลุ่มผู้ชุมนุมเปลี่ยนเป้าหมายในการเรียกร้อง เป็นเพียงกลุ่มที่ต้องการแย่งชิงอำนาจรัฐเท่านั้น ไม่ได้เรียกร้องสิทธิเสรีภาพตามปกติต้องการเป็นใหญ่ใช้เหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวานนี้เป็นการจุดชนวนที่จะมีการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 ตุลาคม”  ไพบูลย์ กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook