ถอดบทร้าย คุยบทรัก "วาววา ณิชารีย์" สวีทแฟนหนุ่มตาน้ำข้าว ตกหลุมรักในความต่าง

ถอดบทร้าย คุยบทรัก "วาววา ณิชารีย์" สวีทแฟนหนุ่มตาน้ำข้าว ตกหลุมรักในความต่าง

ถอดบทร้าย คุยบทรัก "วาววา ณิชารีย์" สวีทแฟนหนุ่มตาน้ำข้าว ตกหลุมรักในความต่าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทำเอาแฟนๆ อินจนละสายตาไม่ได้จริงๆ สำหรับ "น้องนิ่ม" จากละคร "ร้อยเล่ห์มารยา" ที่กำลังออนแอร์อยู่ทางช่อง 3 ผ่านการถ่ายทอด สื่ออารมณ์สุดเชือดเฉือนจาก นักแสดงสาวฝีมือดี วาววา-ณิชารีย์ โชคประจักษ์ชัด นางเอกสาวที่ข้ามสายมารับบทร้ายเรื่องแรกในชีวิต แถมเจ้าตัวยังตีบทแตกจนแฟนๆ พากันยกนิ้วให้ และชื่อของเธอถูกพูดถึงเป็นอย่างมากว่าถ่ายทอดบทนี้ออกมาดีเหลือเกิน

ในจอแซ่บขนาดนี้ พลาดไม่ได้ sanook.com ขอคว้าตัวสาววาววา มาพูดคุยถึงผลงานชิ้นนี้ พร้อมกับเปิดความรักนอกจอกับแฟนหนุ่มนักธุรกิจที่เปิดตัวออกมาสวีทหวานจนแฟนๆ ถามเรื่องแต่งงานกันรัวๆ 

เรื่องนี้ค่อนข้างต่างไปจากผลงานก่อนหน้านี้ของเรามากๆ เล่าให้ฟังหน่อยว่าการทำงานเป็นยังไงบ้าง?

"เรื่องนี้ต่างจากที่เคยเล่นๆ มาเยอะมากๆ เรื่องนี้ร้ายสุดๆ ไปเลย ความต่างที่เห็นชัดๆ เลย คือ ความเหนื่อย เราเหนื่อยกว่ามากเพราะเราต้องใช้ อารมณ์และความรู้สึกเยอะจริงๆ อย่างเวลาเราโกรธทีนึงร่างกายมันเกร็ง ใช้พลังทั้งสมอง มันไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่วาเล่นบู๊ เล่นเตะต่อย มีอภินิหาร เพราะนั่นเป็นความเหนื่อยที่ร่างกาย ซึ่งเหนื่อยกายแค่เป๊บเดียวเราก็หาย แต่บทนี้มันเหมือนเป็นความเครียดที่เราต้องแสดงออกมาไม่ว่าจะเป็น ร้องไห้ กรี๊ด หรือพูดสิ่งที่มันร้ายๆ ออกมา เพราะกว่ามันจะออกมาได้ข้างในเรามันต้องเยอะมากๆ มันถึงจะออกมาได้ตามที่ควรจะเป็นจริงๆ เพราะฉะนั้นตรงนี้แหละที่ต่างจากทุกเรื่องที่เล่นมาเลย"

จากความเครียดของบทมีเอ็ฟเฟ็กต์อะไรกับตัวเราบ้างไหม?

"มีค่ะๆ กลายเป็นคนโกรธง่าย โมโหเร็วอยู่พักนึงในช่วงที่ถ่าย เพราะเวลาเราเข้าฉากปุ๊บเราต้องโกรธเลยในทันที เหมือนทำให้ร่างกายชินกับอารมณ์แบบนั้นที่มาในทันทีทันใด อันนี้เป็นสิ่งที่เราสังเกตตัวเองได้เลย"

จากการเป็นนางเอกใสๆ บู๊ๆ มา ทำไมถึงรับเล่นบทแรงๆ บทนี้?

"บทนี้ท้าทายค่ะ เป็นบทที่ดีและมีมิติมากๆ วาก็อยากจะลองทำอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง รวมทั้งนักแสดงมีแต่คนเก่งๆ มีฝีมือกันทั้งนั้น แต่ละคนเป็นคนที่เราอยากเล่นด้วยทั้งนั้นเลย เราอยากร่วมงานกับคนเก่งเพราะเราอยากพัฒนาตัวเองด้วยค่ะ"

เรื่องนี้เค้าโครงเรื่องมาจากเรื่องจริง แอบตกใจไหมว่ามีคนแบบ "นิ่ม" อยู่จริงๆ ในสังคม?

"คิดนะ เพราะตัวละคนเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมากๆ เขาสามารถทำได้ทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา แสดงว่าต้องเป็นคนที่สุดโต่งมากๆ เขาขาดความรักมาตั้งแต่เด็ก เขาถูกเปรียบเทียบและเป็นที่ 2 มาตลอด เขาไม่มีความสุขมาตลอด ทำให้ตัวละครตัวเนี้ยเขาเครียดมากๆ จนเรามานั่งคิดว่าถ้าเป็นชีวิตเราจริงๆ เราจะมานั่งเครียดขนาดนั้นทำไม หรือ คนจริงๆ จะไปแย่ง จะไปพยายามเอาชนะอะไรของเขาขนาดนั้น (หัวเราะ) ถ้าเป็นคนจริงๆ คนนี้ก็เป็นคนที่ยึดติดมาก ซึ่งเราเป็นคนปล่อยวางเร็วเพราะฉะนั้นบทนี้ไกลตัววามากค่ะ"

"คือวาเป็นคนที่โอเคถ้าในที่ที่หนึ่งมีคนที่เราไม่ชอบอยู่ เราก็แค่ไปอยู่ที่อื่นที่ไม่มีเขา เหมือนเราเอาตัวเองออกไป แต่สำหรับนิ่มเขายึดติดเขาจะอยู่ตรงนั้น"

วาววา-หลุยส์ จากละครร้อยเล่ห์มารยา

เล่นร้ายเต็มตัวครั้งแรกชอบไหม?

"จริงๆ วาชอบทุกบทที่วาเล่นนะ เรารู้สึกว่าเสน่ห์ของอาชีพนักแสดงคือ เราได้เล่นหลายบทบาท ได้เป็นหลายคน ตัวละครที่เราเล่นเขาเป็นคนละคนกัน ชีวิตไม่จำเจ เพราะเราเปลี่ยนหมด ทั้งบท ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม การพูด เรื่องราว โลเคชั่น ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลยสักครั้ง แต่ละตัวละครเขามีความสนุกที่ไม่เหมือนกัน วาก็เลยมองว่าการจะเล่นร้าย หรือ เล่นดีมันคือสีสันของอาชีพนี้ค่ะ"

"และสำหรับวาวาไม่ได้ยึดติดว่าต้องเป็นนางเอกหรือนางร้าย วาให้ความสำคัญกับความน่าสนใจของบท คือ การเล่นละครแต่ละเรื่องเราใช้เวลาเป็นปี แล้วตอนนี้วาอายุ 29 แล้วการจะใช้เวลาหมดไปปีๆ นึง วาอยากหมดเวลาไปกับงานที่น่าสนใจและเราเองก็แฮปปี้กับผลงานเรา"

อยู่วงการมานานแล้วเหมือนกันวางแผนให้กับอาชีพนี้ไว้ยังไงบ้าง?

"จริงๆ วามีความฝันคือ เที่ยวรอบโลก แล้วก็ทำธุรกิจให้สำเร็จ ส่วนงานในวงการเท่าที่คิดไว้ก็น่าจะถ่ายละครไปอี 3-5 ปี จนตอนนี้อายุก็น่าจะ 33 เพราะอยางวาถ่ายละครตอนนี้ 3 เรื่องพร้อมกันวารู้สึกว่ามันเหนื่อยมาก เราก็คิดแล้วว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปโบท็อกซ์ก็เอาไม่อยู่ (หัวเราะ) ก็คิดไว้ว่าหลังจาก 3-5 ปี แล้วก็น่าจะไปอยู่นิวซีแลนด์สัก 2 ปี เพื่อที่จะได้เป็นพลเมืองของที่โน่นเพราะแฟนวาเป็นคนที่โน่น แต่ต้องดูว่าจะเป็นยังไงต่ออาจจะหยุดจากที่เมืองไทยไปมีผลงานอื่นๆ ก็ได้ ต้องดูจังหวะและโอกาส ณ ตอนนั้น (หัวเราะ)"

แสดงว่ามีแผนเรื่องการสร้างครอบครัวแล้วด้วย?

"ก็มีคร่าวๆ ค่ะ แต่ยังไม่ชัดเจนขนาดนั้น เพราะเราก็รู้สึกว่าอะไรก็ไม่แน่นอน แต่ที่วาคิดไว้ว่าอยากไปอยู่นิวซีแลนด์เพราะวาชอบประเทศเขา มันสวย สะอาด อากาศดี และสงบ อย่างแฟนวาเขาชอบกรุงเทพฯ เพราะมันวุ่นวายดี เพราะเขาอยู่บ้านเขาสงบมาทั้งชีวิต (หัวเราะ) ส่วนเราเราอยู่กับแบบนี้มาทั้งชีวิตเราก็อยากไปหาที่สงบๆ"

เหมือนเราเป็นคนที่มีแผนชีวิตที่ชัดเหมือนกันนะ?

"เมื่อก่อนเป็นคนที่คิดและอยากทำอะไรเยอะมาก แต่ไม่มีระเบียบแบบแผน แต่อาจจะด้วยแฟนเราที่เขาเข้ามาในชีวิตโดยที่ตัวเขาเป็นคนที่ทุกอย่างจะต้องมีแพลน ต้องมีตารางเวลาที่แน่นอน เขาทำงานอยู่กับตัวเลขสถิติ ส่วนเราคือ เพ้อฝันมาก อยากทำอะไรก็ทำ อยากกินอะไรก็กิน เหมือนพอเขาเข้ามาเราค่อยๆ ปรับจูนกันเราก็เหมือนได้ข้อดีของเขามาปรับใช้กับชีวิตเราด้วย วางแผนชีวิตตัวเองมากขึ้น"

"มันก็ดีนะเพราะเราจะได้รู้แผนชีวิตเรามากขึ้น ทำให้เราใช้ชีวิตง่ายขึ้น รู้ว่าวันนี้เราต้องไปไหน ยังไง มีเวลาว่างตอนไหนแล้วเราจะทำอะไรกับเวลาตรงนั้นอีกได้บ้าง อย่างเรื่องการใช้เงินเมื่อก่อนวาจะใช้แบบไม่มีแผนเลย แต่พอมาทำตรงนี้ชีวิตเราก็เรียบร้อยมากขึ้น เขาก็เข้ามาช่วยบอกว่าเราต้องแพลน เราจะได้ไม่ต้องเครียด"

จากภาพที่คนมองคู่เราแฮปปี้มากเลย ความจริงแล้วแฮปปี้แค่ไหน?

"ก็แฮปปี้บ้าง ไม่แฮปปี้บ้าง ไม่ใช่ว่าแฮปปี้มาก (ลากเสียงยาว) ขนาดนั้น คือ เหมือนวาเองก็มีชีวิตที่มีความสุขประมาณนึง และมีความทุกข์ประมาณนึง มาตลอด ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ไม่มีใครหรอกที่มีความสุขทุกวัน การที่มีเขาเข้ามาในชีวิตก็เหมือนเรามีความสุขบ้าง มีความสุขบ้างเป็นปกติ บาลานซ์กัน"

คบกันมาปีกว่าๆ แล้ว มีอะไรที่ต่างกันมากๆ อีกไหม?

"เรื่องมุข (หัวเราะ) เพราะมุข บ้านเรากับบ้านเขามันไม่เหมือนกัน เขาไม่เก็ทมุขเรา เราก็ไม้เก็ทเขา กลายเป็นว่าบางทีเขาเล่นมุขอะไรมาเราไม่เข้าใจเราก็หงุดหงิดด้วยซ้ำ หรือบางมุขของเราที่เราแซวเขาเล่นๆ เขาก็ไม่เก็ท มาจริงจังว่าไม่ใช่นะๆ เขาไม่ได้เป็นแบบนั้น เราก็ต้องมานั่งอธิบายอีกว่าเราแซวเฉยๆ (หัวเราะ)"

"แล้วก็มีเรื่องวัฒนธรรมนิดหน่อย ตอนแรกๆ เราก็ปรับกันยาก แต่วาก็ว่าทุกคู่เขาก็มีปัญหาแหละ ค่อยๆ ปรับไป ก็เรียกได้ว่าเขาก็มาเปลี่ยนเราในหลายๆ อย่าง"

วาววาและแฟนหนุ่ม

เขามาอยู่เมืองไทยนานหรือยัง?

"ประมาณปีนึงค่ะ หนีตามวามานี่แหละ"

เจอกันได้ยังไง?

 "เจอกันตอนวาไปเรียนเต้น เรียนเสร็จปุ๊บก็จะมีปาร์ตี้เต้นรำเป็นคู่ ตัวเขาเรียนมานานแล้ว แต่วาเพิ่งไป ตอนนั้นที่เขาปาร์ตี้เต้นรำเราก็ได้เจอกัน"

แล้วทำไมไปคลิกกับเขาตรงไหน?

"จริงๆ ตอนนั้นวาไปเรียนเต้น เรียนภาษา เรียนขี่ม้า รู้สึกว่าไปก็เอาแต่เรียนไม่ได้เที่ยวเลยในประเทศที่สวยมากขนาดนั้น เราก็เลยกลับไปอีกเพื่อไปเที่ยว เขาก็เป็นเพื่อนของเพื่อนที่วาไปอยู่ด้วยก็ได้เจอได้คุยกัน ได้รู้จักกันมากขึ้นแล้วเขาก็หนีตามวามาที่นี่ (หัวเราะ)"

ก่อนจะหนีตามวาววามามีโมเมนต์จีบกันไหม?

"มีนิดๆ เอาจริงๆ มันไม่เหมือนจีบ มีแค่คุยกัน มีชวนกันไปเดินขึ้นเขา ระหว่างเดินขึ้นเขามันใช้เวลาเกือบชั่วโมงเลยนะ เราก็ได้มีเวลาคุยกันแล้วกลายเป็นว่าคุยกันถูกคอ เขาเป็นคนที่มีความฝันใหญ่ มีเป้าหมายใหญ่ และเป็นคนมีแบล็คกราวด์ชีวิตที่ประสบความสำเร็จในทางของเขา เป็นคนหัวธุรกิจ คุยกับเรารู้เรื่อง เรื่องแรกๆ ที่คุยกันคือเรื่องโลก เรื่องจักรวาล เรื่องโลกร้อน คุยกันเรื่องธุรกิจที่วาอยากจะทำ คือ วาอยากทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ช่วยเหลือชาวนาและเขาเข้าใจในสิ่งที่วาพูดรวมทั้งช่วยเราออกไอเดียต่อยอดได้ คือ เรามีแนวคิดที่ไปในแนวทางเดียวกันและคิดว่ามันเป็นไปได้"

เขาเข้าใจวิถีชีวิตการเป็นนักแสดงของเราไหม?

"แรกๆ เขาก็ไม่เข้าใจ เพราะก่อนเราจะเปิดตัว เราเป็นนักแสดงเป็นนางเอกมา การจะโพสต์รูปแฟนมันก็ต้องยอมรับว่าค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่สำหรับสังคมบ้านเรา แต่ยุคนี้ดีขึ้น แล้วตัวแฟนวาเองเขาก็ไม่เข้าใจ เพื่อนๆ ครอบครัวเขาก็ไม่เข้าใจว่าในเมื่อเราคบกันทำไมถึงไม่เห็นเขาในชีวิตเราเลย ครอบครัวเขาก็อาจจะไม่แน่ใจว่าเราจริงจังกับลูกเขาหรือเปล่า เพราะสังคมเขาเวลาเขามีแฟนเขาก็เปิดเผยกันปกติ ต่อให้เป็นดาราดังแค่ไหนเวลาเขามีแฟนก็ใช้ชีวิตปกติ วาก็เลยตัดสินเปิดไปเลยแล้วกันทุกคนจะได้สบายใจ ก่อนหน้านี้เราก็อธิบายให้เขาฟังนะ เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก เขาก็คิดว่าในเมื่อเรามีความสามารถแล้วการมีแฟนมันเกี่ยวอะไร แต่เราตัดสินใจเปิดแล้วเราก็โอเค เราสบายใจ ไปไหนมาไหนก็ไปปกติ"

สวีทหนักมากจนโพสต์อะไรไปเพื่อนๆ แฟนๆ ก็แซวเรื่องแต่งงานถี่ยิบ?

"ใช่ๆ เพราะวาก็พาเขาไปเจอเพื่อนๆ ทุกกลุ่มเลย ซึ่งเขาก็เป็นคนน่ารัก เพื่อนๆ ก็จะเห็นวาเขาดูแลวาดีจริงๆ เพื่อนก็จะแซวบ่อยมากว่าเมื่อไหร่จะแต่ง แต่วาก็รู้สึกว่าเรายังไม่ได้พร้อมขนาดนั้น อยากให้พร้อมกว่านี้ก่อน พร้อมสำหรับวา คือ เราต้องมั่นใจว่าเราจะไปด้วยกันได้จริงๆ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่ายังมีเรื่องที่เราต้องปรับตัวกัน

วาววา ณิชารีย์

"รวมทั้งเราต่างคนต่างกำลังมุ่งในเรื่องของธุรกิจของตัวเอง คือ ตอนนี้เราก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งบนทางของตัวเองกันทั้งคู่ แต่มันยังไปได้อีก รอให้ต่างคนต่างสุดๆ ไปก่อน เราจะได้อยู่ด้วยกันแบบไม่ต้องกังวล เรื่องเงินเรื่องงาน อยากอยู่แบบชิลล์ๆ เพราะอย่างที่บอกวามีฝันว่าอยากไปเที่ยวรอบโลก ซึ่งเขาเองก็คิดแบบเดียวกับเรา"

เขาทำอะไรให้เรารู้สึกประทับใจไหม?

"ต่อให้ทะเลาะอะไรกันเขาจะสามารถอภัยให้เราได้ทุกอย่าง ทั้งที่ความจริงแล้วเขาเป็นคนที่ไม่ยอมใครนะ เขาเป็นคนสู้มากๆ เขาอีโก้สูงมากซึ่งวามองว่าการที่เขายอมอภัยให้เรามันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่นะคะ สำหรับคนที่มีอีโก้คนหนึ่ง คือ คำว่าอภัยของเขาที่วาหมายถึง มันไม่ใช่ยอมแบบไม่มีเหตุผลนะคะ มันเหมือนเวลาเราทะเลาะๆ กัน เขาก็จะยืนยันว่าถ้าเราผิดคือเราผิด"

"ซึ่งเราก็สู้ในขณะที่เราก็รู้ว่าเราผิด (หัวเราะ) พอเราผิดเราก็จะเงียบๆ ไปแต่ไม่ขอโทษ ซึ่งเขาก็ โอเคไม่เป็นไรเขาอภัยให้ได้ เขาบอกว่าความรักที่เขามีให้ มันมากพอที่จะให้อภัยได้ทุกอย่าง (ยิ้ม) ซึ่งเวลาทะเลาะกันเขาก็จะเคลียร์ให้มันจบ จะไม่ซุกปัญหาไว้ให้มันกลับมาทำร้ายเราอีก"

แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งที่เขาทำให้เรารู้สึกมั่นคง คือ เขาทำให้เห็นว่าเขาไม่ได้มองความสวยของเราแค่เรื่องของภายนอกอย่างเดียว เขาไม่ได้สนว่าเราจะดำ หรือ จะขาว เราเลยรู้สึกมั่นคงเพราะเรารู้ว่าทุกคนต้องแก่ ทุกคนต้องเปลี่ยนแปลง แต่เขาจะรักเราไม่ว่าเราจะเป็นยังไง เขาจะอ้วนจะอะไรเขาไม่ได้แคร์เพราะเขารัก ซึ่งไม่รู้จริงหรือเปล่า แต่เห็นพูดว่าแบบนั้นนะ (หัวเราะ)"

เหมือนวาเป็นคนชอบยืนหนึ่ง เอาแต่ใจตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่ก็ชอบความต่อต้าน ไม่ใช่ว่าอะไรก็ตามใจๆ เพราะเราจะรู้สึกท้าทาย เหมือนก่อนหน้านี้เจอแต่คนที่ตามใจนั่นแหละ ซึ่งเราก็ชอบแต่ก็รู้สึกเหมือนไม่ได้ลับเขี้ยวเล็บ (หัวเราะ) เหมือนว่าเขาก็เอาเราอยู่เหมือนกัน เพราะจริงๆ แล้วผู้หญิงก็ต้องการคนที่เป็นผู้นำประมาณหนึ่งเหมือนกัน"

นึกภาพตอนตัวเองไม่มีแฟนออกไหมว่าจะเป็นยังไง?

"ไม่ออก! เพราะไม่เคยไม่มีเลย ไม่เคยว่าง (หัวเราะ) นึกภาพตัวเองตอนไม่มีแฟน ไม่ออกเหมือนกัน เหมือนตอนเด็กๆ เป็นคนขี้เหงา อยากมีคนคุยด้วย แต่โตมาตอนนี้ถ้าไม่มีแฟนก็คงอยู่ได้แหละค่ะ"

 คาดหวังกับชีวิตในอนาคตยังไงบ้าง?

"เมื่อตอนเด็กๆ ก็คาดหวังนะ แต่เอาจริงๆ เรารู้แล้วว่าชีวิตที่เพอร์เฟ็กต์แบบที่วาดหวังมันเป็นแค่โปสเตอร์ โฆษณาชวนเชื่อ ไม่มีใครรู้หรอกว่าชีวิตเราจะเป็นยังไง ทุกวันนี้ก็เหมือนเราใช้ชีวิตแบบกึ่งรู้กึ่งไม่รู้ สิ่งที่รู้ตอนนี้คือเราต้องใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุดจนกว่าจะตาย อะไรที่อยากทำ อะไรที่เป็นความฝันก็ทำ แต่มันจะสำเร็จไหม ก็ทำเท่าที่เราจะทำได้ มีความสุขกับสิ่งที่เรามี เรื่องความรักก็เหมือนกันตอนนี้เรามีความรักอยู่เราก็ทำทุกวันให้ดีที่สุด ถ้าไปกันได้เราก็ไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ได้ก็เดี๋ยวค่อยว่ากัน"

 แม้ในละครน้องนิ่มของแฟนๆ จะร้ายสุดๆ แต่ในชีวิตจริงของสาว "วาววา" เธอช่างเป็นคนที่ชิลล์ๆ แถมติดตลกอีกต่างหาก แถมเรื่องความรักนั้นไม่ต้องสงสัยเพราะความสุขนั้นเปล่งประกายออกมาทางสายตาตลอดเวลา แต่จะมีข่าวดีเมื่อไหร่ต้องรอฟังกันดีๆ 

อัลบั้มภาพ 36 ภาพ

อัลบั้มภาพ 36 ภาพ ของ ถอดบทร้าย คุยบทรัก "วาววา ณิชารีย์" สวีทแฟนหนุ่มตาน้ำข้าว ตกหลุมรักในความต่าง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook