หัวอกพ่อ หนุ่มจีนติดป้ายรอบรถกระบะ วอนเมียขอพบหน้าลูกชายวัย 4 ขวบ

หนุ่มจีนติดป้ายรอบกระบะ "ลูกอยู่ไหน พ่อคิดถึงลูกมากๆ" ขอพบหน้าลูกชายวัย 4 ขวบ หลังภรรยาพาหนีออกจากบ้าน  

วานนี้ (23 ต.ค.) นายเจี่ยง เชาว์ อายุ 31 ปี นักธุรกิจชาวจีนในจังหวัดเชียงใหม่ ใช้รถยนต์กระบะ ติดป้ายไวนิลรอบคัน เป็นภาพถ่ายของของตัวเองกับน้องเจค็อป ลูกชายวัย 4 ขวบ พร้อมข้อความ "ลูกอยู่ไหน พ่อคิดถึงลูกมากๆ" ขับไปจอดไปจอดหน้าประตูบ้านญาติของภรรยา สาวชาวไทยในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ หลังทราบว่าภรรยาพาหนีออกจากบ้านลูกชายมาอยู่ที่นี่     

โดยนายเจี่ยงที่สวมเสื้อยืดสกรีนภาพลูกชายได้ไปนั่งเฝ้าประตูบ้านหลังดังกล่าวเพื่อขอพบลูกชายนานหลายชั่วโมง แต่ก็ไม่ได้พบ พยายามโทรศัพท์ไปหาภรรยาแต่ก็ไม่ยอมรับสาย จนสุดท้ายถูกเจ้าของบ้านแจ้งตำรวจสายตรวจให้มาขับไล่ออกจากหน้าบ้าน สุดท้ายภรรยาได้อุ้มลูกชายออกมาให้เห็นหน้าและพูดคุยประมาณ 10 นาที แต่ไม่ได้อุ้มลูก ทำได้เพียงใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพลูกชายไว้ โดยมีประตูบ้านเป็นกำแพงกั้น   

นายโชติวิทย์ ชนะรัตน์กิติกุล ล่ามชาวไทยของนายเจี่ยง บอกว่า นายเจี่ยงอยากขอความเห็นใจผ่านสื่อให้ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความเป็นธรรมกับเขาบ้าง แม้จะเป็นชาวต่างชาติ แต่ก็ต้องการขอใช้สิทธิ์ในความเป็นพ่อ อยากมาพบเจอหน้าลูกทุกวันอย่างน้อยวัน 2–3 ชั่วโมง โดยยินยอมทำข้อตกลงกับภรรยาให้ถูกต้อง

ยืนยันไม่ก่อกวนแต่แค่อยากเจอลูกเท่านั้น ที่ผ่านมาไม่ได้พบหน้าลูกมานานกว่า 20 วัน หลังทะเลาะกับภรรยาและภรรยาอุ้มลูกชายหนีออกจากบ้าน จนทำให้ร้อนใจตามหามาตลอดจนพบว่ามาอยู่ที่นี่ อยากให้ภรรยาเข้าใจหัวอกความเป็นพ่อบ้าง  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่วันที่ 13 ต.ค. 63 ที่ผ่านมา นายเจี่ยงได้ร้องเรียนเรื่องเดียวกันนี้กับสื่อมวลชน เรียกร้องให้เข้ามาเป็นสื่อกลางช่วยตามหาลูกชายที่ภรรยาพาหนีออกจากบ้าน โดยนายเจี่ยงอ้างว่าได้แต่งงานกับ นางเอ (นามสมมุติ) ภรรยาสาวชาวไทย ที่ประเทศจีนเมื่อหลายปีก่อน จนมีบุตรชาย 1 คน คือ น้องเจค็อป 4 ปี

ซึ่งตนก็ลงทุนให้ภรรยาสาวทำธุรกิจมากมายในเชียงใหม่ ส่วนตัวเองก็ส่งออกผลไม้ไปประเทศจีน ต่อมาราวต้นเดือน ต.ค. 63 ได้ทะเลาะกับภรรยา และภรรยาได้อุ้มลูกชายหายไปจากบ้าน ทำให้ตนเองร้อนใจออกตามหา

ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นปัญหาภายในครอบครัว แต่ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ ตนเองพร้อมเลี้ยงดูส่งเสียทุกอย่าง ขอเพียงได้พบหน้าลูกชายบ้างเท่านั้น