เปิดผลตรวจแหม่มฝรั่งเศสติดโควิด-19 ที่เกาะสมุย บ่งชี้น่าจะติดเชื้อภายในประเทศ

เปิดผลตรวจแหม่มฝรั่งเศสติดโควิด-19 ที่เกาะสมุย บ่งชี้น่าจะติดเชื้อภายในประเทศ

เปิดผลตรวจแหม่มฝรั่งเศสติดโควิด-19 ที่เกาะสมุย บ่งชี้น่าจะติดเชื้อภายในประเทศ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กระทรวงสาธารณสุข เผยผลสอบสวนโรคแหม่มฝรั่งเศสติดเชื้อโควิด-19 ที่เกาะสมุย ผลการตรวจเลือดไม่พบภูมิคุ้มกัน บ่งชี้ว่าน่าจะเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ

วันนี้ (24 ต.ค.) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในผู้ป่วยเพศหญิงสัญชาติฝรั่งเศสติดเชื้อโควิด-19 ภายหลังเดินทางมาถึงประเทศไทย และผ่านการกักกันโรคระยะเวลา 14 วันแล้ว และได้รับการวินิจฉัยพบเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา

โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด ทำการสอบสวนโรคอย่างละเอียดและโปร่งใส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

ทีมสอบสวนโรคได้ติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายนี้ ประกอบด้วยสมาชิกครอบครัวที่ร่วมเดินทางมาด้วย 2 ราย และเพื่อนต่างชาติที่ขับรถไปรับที่สนามบินอีก 1 ราย ซึ่งทั้ง 3 ราย ไม่มีอาการทางเดินหายใจ ผลการตรวจโควิดไม่พบเชื้อ

ส่วนผู้โดยสารและลูกเรือบนเที่ยวบินเดียวกันรวม 12 ราย พบผู้โดยสาร 1 รายมีอาการทางเดินหายใจ และได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจโควิด ผลไม่พบเชื้อ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการเฝ้าระวังอาการและรอตรวจหาเชื้อ

ผลการตรวจเลือดของผู้ป่วยไม่พบภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด-19 แต่พบสารพันธุกรรมจำนวนมาก สอดคล้องกับลักษณะการติดเชื้อเฉียบพลันของโรคโควิด 19 ส่วนการถอดรหัสพันธุกรรมอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าน่าจะเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ

สำหรับการสอบสวนในสถานที่กักกันโรค จังหวัดสมุทรปราการ ที่ผู้ป่วยเข้าพักระหว่าง วันที่ 30 กันยายน ถึง 15 ตุลาคม 2563 พบผู้ปฏิบัติงานจำนวน 68 คน เก็บตัวอย่างส่งตรวจแล้ว 67 ราย ผลไม่พบเชื้อโควิด-19 รวมทั้งผลตรวจเลือดก็ไม่พบภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด-19

ส่วนการเก็บตัวอย่างจากสิ่งแวดล้อม จำนวน 7 ตัวอย่าง พบเชื้อโควิด-19 ที่พื้นผิวอุปกรณ์ออกกำลังกายภายในห้องฟิตเนส จำนวน 1 ตัวอย่าง จึงมีความเสี่ยงจากการที่ผู้ถูกกักกันไม่ครบ 14 วันออกมาแพร่เชื้อในห้องฟิตเนส และพื้นที่ส่วนกลางบางจุด

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ ดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรคตามมาตรฐานสูงสุด และเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ต่อเนื่องจนครบ 14 วัน รวมทั้งจะได้ประสานกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ คุมเข้มมาตรฐานของโรงแรมที่เข้าร่วมเป็นสถานที่กักตัวที่รัฐกำหนด (Alternative State Quarantine) อย่างเคร่งครัด ไม่ให้เป็นจุดเสี่ยงเกิดการแพร่กระจายเชื้อ

และขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทยที่มีความเข้มแข็งและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook