อุตุฯเตือนฉ.10 ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน

อุตุฯเตือนฉบับที่ 10 ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน ขณะที่ พายุดีเปรสชันประเทศฟิลิปปินส์ ทวีกำลังแรงขึ้น คาดส่งผลกระทบต่อลมฟ้าอากาศของประเทศไทย 30 ก.ย.-3 ต.ค. ด้าน กาฬสินธุ์ ประกาศเตือนภัยน้ำป่าไหลหลากน้ำล้นตลิ่ง เขื่อนลำปาวปริมาณน้ำฝนพุ่งสูงเหลือเพียง 200 ล้าน ลบ.ม.เกินปริมาณเก็บกัก

กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัย "ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับ พลัน"ฉบับที่ 10 (150/2009) วันที่ 26 กันยายน ว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณภาคเหนือตอนล่างได้อ่อนกำลังลงแล้ว แต่หย่อมความกดอากาศต่ำนี้ยังอยู่ในแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร หนองคาย นครพนม มุกดาหาร สกลนคร อุดรธานี และกาฬสินธุ์ ต้องระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่จะเกิดขึ้นได้ในระยะนี้

สำหรับ คลื่นลมที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือใน ระยะ 1-2 วันนี้ไว้ด้วย อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้และจะทวีกำลังแรงขึ้น คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อลมฟ้าอากาศของประเทศไทยได้ในช่วงวันที่ 30 ก.ย.-3 ต.ค. 2552

ขณะที่การติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนลำปาวจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากน้ำป่าในหลายจังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จะเป็นสัญญาณเตือนภัยน้ำป่าไหลหลากน้ำล้นตลิ่ง ล่าสุดเขื่อนลำปาวแจ้งว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่ที่ระดับ 1 , 202 ล้าน ลบ.ม.จากปริมาณเก็บกักที่ 1 , 430 ล้าน ลบ.ม.ที่เหลืออยู่เพียง 200 ล้าน ลบ.ม.ก็จะเกินปริมาณเก็บกัก ที่ยังคงมีน้ำป่าไหลจาก จ.อุดรธานี จ.สกลนครและจากอิทธิพลของพายุฝนไหลเข้าเขื่อนถึงวันละ 24 ล้าน ลบ.ม.

ด้าน นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ ปลัดจังหวัดกาฬสินธุ์ แจ้งว่าได้แจ้งวิทยุเตือนภัยไปยังนายอำเภอทุกแห่งโดยเฉพาะ พื้นที่ราบลุ่มและพื้นที่ติดเขตเทือกเขาภูพาน ให้ระมัดระวังน้ำท่วมฉับ พลันน้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ประชาชนที่ออกหาปลาควรใช้ความระมัดระวังเนื่องจากเขื่อนลำปาวที่อยู่ระหว่าง การปรับปรุงยังคงระบายน้ำออกถึงวันละ 19 ล้าน ลบ.ม. ทั้งนี้จากปัญหาฝนที่ตกลงมาอย่างหนักยังทำให้ ถนนเชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านและถนนเส้นทางการเกษตรเสียหายแล้วกว่า 300 แห่งที่ทางจังหวัดกำลังดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนแล้ว