กำลังใจดีมาก "น้องแมนยู" เด็กตาบอดยอดกตัญญู หมอต่อแขนซ้ายที่ขาดให้แล้ว

กำลังใจดีมาก "น้องแมนยู" เด็กตาบอดยอดกตัญญู หมอต่อแขนซ้ายที่ขาดให้แล้ว

กำลังใจดีมาก "น้องแมนยู" เด็กตาบอดยอดกตัญญู หมอต่อแขนซ้ายที่ขาดให้แล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 "น้องแมนยู" เด็กตาบอดยอดกตัญญู ดีใจได้กลับบ้านมาเจอหน้าแม่ เผยหมอต่อแขนซ้ายที่ขาดให้แล้ว

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 ต.ค.63 เจ้าหน้าที่ รพ.สต.แห่งหนึ่งใน จ.เลย โพสต์เรื่องราวอันสะเทือนใจของ "น้องแมนยู" เด็กชายอายุ 9 ขวบ ดวงตาข้างซ้ายบอด เคราะห์ซ้ำเกิดอุบัติเหตุจนแขนซ้ายขาด อีกทั้งยังมีแม่ตาบอด พ่อหูไม่ดีต้องพูดดังๆ จึงจะได้ยิน เรื่องราวอันน่าสงสารนี้ทำให้มีผู้ใจบุญโอนเงินช่วยเหลือ "น้องแมนยู" ที่กำลังรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู รพ.ศูนย์อุดรธานี เป็นเงินกว่า 4,000,000 บาท  

ล่าสุด (4 ต.ค.63) เวลา 12.30 น. ผู้สื่อข่าวทราบว่า เด็กชายธีรศักดิ์ วรรณไชย หรือ น้องแมนยู วัย 9 ขวบ ได้ออกจาก รพ.อุดรธานี กลับบ้านที่ จ.เลย เรียบร้อยแล้ว จึงลงพื้นที่ไปยังบ้านของน้องแมนยู พบน้องแมนยู พร้อมด้วยอาสาว และญาติเพิ่งกลับจากการไปซื้อของที่ตลาดเมืองเลย พบว่าน้องแมนยูมีท่าทีที่ร่าเริง แจ่มใส หัวเราะ ยิ้มตลอด และชู 2 นิ้ว สู้ๆ โดยที่แขนซ้ายยังเข้าเฝือก

น้องแมนยู เล่าว่า ดีใจมากที่ได้กลับบ้าน เมื่อเจอหน้าแม่ดีใจมาก เพราะอยู่ห่างกันเป็นเวลา 2 เดือน เมื่อคืนก็นอนกับแม่ ส่วนแขนซ้ายที่ขาดตอนนี้หมอต่อให้เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถขยับแขนและนิ้วได้ และไม่มีความรู้สึกท่อนแขนที่ขาด จะมีความรู้สึกเฉพาะแขนท่อนบน และตอนเช้าอาสาวพร้อมด้วยญาติก็พาไปซื้อของที่ห้างในเมืองเลย ซื้อของที่จำเป็นเช่น กระติกน้ำร้อน หมอนเพื่อมารองแขนที่ยังเจ็บอยู่ น้ำ ขนม ตอนที่อยู่โรงพยาบาล 2 เดือน 2 วัน น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 8 กก. เป็น 58 กก.  หักเหล็กที่ดามแขนออกเหลือน้ำหนัก 57.5 กก. สร้างเสียงหัวเราะให้กับแม่และญาติๆ และบอกว่าอยากกลับไปเรียนไปหาเพื่อนๆ คิดถึงเพื่อนๆ

ส่วนนางคำหล้า วรรณไชย อายุ 43 ปี แม่ของน้องแมนยู ผู้พิการทางสายตา บอกว่าน้องกลับมาจากโรงพยาบาลเมื่อวานตอนเย็น ดีใจมากและนั่งรอรับลูก เมื่อเจอหน้าได้ยินเสียงน้องแมนยูเรียกแม่ดีใจสุดๆ น้องวิ่งมาหาและสวมกอด และมีการสอบถามถึงบาดแผลที่แขนว่าเจ็บไหม แต่น้องแมนยูบอกว่าไม่เจ็บสู้ๆ ส่วนข้างบ้านตอนนี้มีการต่อเติมบ้านเพื่อให้เป็นที่อยู่ของน้องแมนยู เพื่อสะดวกในการที่จะไม่ต้องเดินขึ้นบ้าน และบ้านก็คับแคบกลัวน้องจะเดินแล้วหกล้ม เพราะน้องยังต้องรักษาแขนอีกนาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook