ไหม้ชุมชนวัดเชิงท่าลพบุรีสูญ 5 ล.

ไหม้ชุมชนวัดเชิงท่าลพบุรีสูญ 5 ล.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เมื่อเวลา 10.40 น.วันที่ 12 ต.ค. พ.ต.ท.ภูวเดช ปานจันทร์ ร้อยเวร สภ.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี รับแจ้งเหตุเพลิงลุกไหม้บ้านเรือนประชาชน เหตุเกิดภายในชุมชนวัดเชิงท่า ในเขตเทศบาลเมืองลพบุรี ต.ท่าหิน จึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี นายคำนึง อิสโร รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมกำลังอีกจำนวนหนึ่งและอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งลพบุรี พร้อมกันนี้ก็ได้ประสานขอสนับสนุนรถดับเพลิงเทศบาลเมืองลพบุรี และใกล้เคียงรวม 10 คัน มาดับไฟ พบชาวบ้านกำลังช่วยกันขนทรัพย์สินที่พอจะขนได้ออกมากองเอาไว้บนถนน โดยพบว่ามีเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้าดำทะมึนมองเห็นด้วยตาเปล่าในระยะไกลหลายกิโลเมตร และกำลังจะขยายวงกว้างออกไป เนื่องจากในที่เกิดเหตุลักษณะเป็นชุมชมหนาแน่น บ้านที่ปลูกส่วนใหญ่ด้านหลังเป็นบ้านไม้เก่า ส่วนด้านหน้าเป็นห้องแถว 2 ชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงรีบช่วยกันระดมฉีดน้ำดับไฟ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไม่ให้ขยายวงกว้างออกไปได้ และพบว่าเพลิงได้ลุกไหม้บ้านเรือนประชาชนวอดวายไปประมาณ 10 หลังคาเรือน ค่าเสียหายประมาณ 5 ล้านบาท จากนั้น พ.ต.ท.ภูวเดช ปานจันทร์ สารวัตรเวรฯเข้าตรวจสอบบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้พบว่า ต้นเพลิงเกิดจากบ้านเช่าไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่บริเวณกลางชุมชน ซึ่งต้องเดินเข้าไปในซอยแคบ เป็นบ้านของนายสมาน โพธิ์ศรี อายุ 55 ปี อยู่บ้านเดิมเลขที่ 223 หมู่ 3 ต.บ้านแป้ง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งประกอบอาชีพขับรถเมล์รอบเมืองลพบุรี ของบริษัท ศรีนคร จำกัด นายสมานกล่าวว่า เช่าบ้านหลังดังกล่าวพักอาศัยอยู่กับภรรยาชื่อนางแดง อินทวงษ์ อายุ 48 ปี เพียง 2 คน โดยตนประกอบอาชีพรับจ้างขับรถเมล์โดยสารสายรอบเมืองลพบุรี ส่วนภรรยาประกอบอาชีพทำขนมขาย โดยจะนำขนมไปขายที่อำเภอท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ทุกวัน โดยจะออกจากบ้านในเวลาประมาณ 03.00 น ส่วนตนออกจากบ้านเวลา 06.30 น. และในวันนี้ก็ออกจากบ้านตามปกติ และปิดประตูบ้านล็อคเอาไว้ ภายในบ้านมีตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศ แต่ไม่ค่อยได้เปิดใช้เนื่องจากภรรยากลัวว่าจะเสียค่าไฟฟ้าแพง ซึ่งทรัพย์สินภายในบ้านถูกไฟไหม้เสียหายหมดเช่นกัน

เพื่อนบ้านที่เช่าห้องพักอยู่ใกล้กันกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ ได้ยินเสียงระเบิดดังบึ้มสนั่นขึ้นภายในห้องพักของนายสมาน จากนั้นก็มีควันไฟพวยพุ่งออกมาพร้อมกับประกายไฟ จากนั้นก็ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับบริเวณดังกล่าวเป็นบ้านไม้ ซึ่งนับว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ไฟจึงลุกไหม้อย่างรวดเร็วติดบ้านข้างเคียงวอดไป 10 หลังดังกล่าว เบื้องต้น พ.ต.ท.ภูวเดช ปานจันทร์ สารวัตรเวรฯ นำเชือกมากั้นห้ามคนไม่เกี่ยวข้องเข้าไปรื้อค้นหาทรัพย์สินในที่เกิดเหตุ จากนั้นจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการ ภ.จว.ลพบุรี เดินทางมาตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook