ฟ้องอีก500โครงการเข้าข่ายขัดรธน.ยื่นอุทธรณ์ค้านคำสั่งศาล

ฟ้องอีก500โครงการเข้าข่ายขัดรธน.ยื่นอุทธรณ์ค้านคำสั่งศาล

ฟ้องอีก500โครงการเข้าข่ายขัดรธน.ยื่นอุทธรณ์ค้านคำสั่งศาล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เอ็นจีโอยื่นอุทธรณ์รัฐบาลคัดค้านคำสั่งศาลปกครองระงับ 76 โครงการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด 15 ต.ค.นี้ พร้อมเดินหน้าฟ้อง 500 โครงการเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ ด้านนายกฯ เร่งดันร่างกฎหมายสิ่งแวดล้อมเข้า ครม.13 ต.ค.นี้

นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวว่า การที่รัฐบาลให้สำนักงานอัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลเท่ากับไม่เห็นความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งในส่วนของประชาชนคงจะมีการยื่นคัดค้านแน่นอน โดยวันที่ 15 ตุลาคม 2552 สมาคมจะยื่นเรื่องคัดค้านคำอุทธรณ์ของรัฐแน่นอน และเชื่อว่าการคัดค้านน่าจะเป็นผล ซึ่งเป้าหมายไม่ได้อยู่ที่ 76 โครงการเท่านั้น แต่หมายถึงโครงการอุตสาหกรรมทั้งหมดทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) จากสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) หลังรัฐธรรมนูญปี 2550 เริ่มบังคับใช้ ตรวจสอบแล้วมีประมาณ 500 โครงการ ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลว่ามีโครงการไหนบ้างที่เข้าข่ายตามมาตรา 67 รัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อจะยื่นฟ้องให้กฎหมายสามารถบังคับใช้ได้ต่อไป

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ว่า จากการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งรัดการวางกติกาดำเนินโครงการลงทุนที่เข้าข่ายมาตรา 67 วรรคสอง โดยการแก้ไขกฎหมายสิ่งแวดล้อม ซึ่งคาดว่าจะนำร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ภายในปลายเดือนตุลาคมนี้ หรือต้นเดือนพฤศจิกายน หากโครงการใดมีผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ต้องมีรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และเปิดโอกาสให้องค์กรอิสระ ทั้งองค์กรที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อม นักวิชาการในสถาบันอุดมศึกษามาให้ความเห็นก่อนที่จะดำเนินการ

"ยอมรับว่าเห็นใจทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ โดยประชาชนได้รับความเดือดร้อนมาเป็นเวลานาน หากขยายลงทุนเพิ่มเติมอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากขึ้น ขณะที่ภาคธุรกิจก็ได้รับผลกระทบต้องหยุดชะงักการลงทุน กระทบต่อการจ้างงาน และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง" นายอภิสิทธิ์ กล่าวและว่า ระหว่างนี้จะอาศัยกฎหมายที่มีอยู่ไปออกระเบียบ ให้สอดคล้องกับร่างกฎหมายใหม่และต้องทำความเข้าใจกับนักลงทุนต่างชาติให้เข้าใจว่า เรื่องการใช้อำนาจศาลเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับและเคารพ ซึ่งประเทศที่พัฒนาแล้วและมาลงทุนในประเทศไทยต่างก็เข้าใจดี

ทั้งนี้ นอกจากปัญหาภายในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ในจังหวัดอื่นๆ ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่จำนวนมากและส่งผลกระทบต่อประชาชน เช่น ที่ สระบุรี ก็ได้สั่งการให้ 3 กระทรวงหลักที่มีส่วนในการับผิดชอบดูแล เข้าไปตรวจสอบดูผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ เพื่อหาแนวทางป้องกันแก้ปัญหาต่อไป

ด้านนายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ได้เตรียมจะเสนอการปรับแก้ไขร่าง พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม ในมาตรา 51 ให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาในวันที่ 13 ตุลาคมนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook