กรมควบคุมโรคเลื่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้นายกฯ ออกไปก่อน เหตุติดปัญหาด้านเอกสาร

ผอ.สำนักโฆษก เผย กรมควบคุมโรคแจ้งเลื่อนการฉีดวัคซีนโควิดเข็มแรกให้นายกฯ ออกไปก่อน เหตุติดขัดด้านเอกสารยังไม่สมบูรณ์

ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้าที่ผ่านมาของวันนี้ (27 ก.พ.) สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจ้งต่อสื่อมวลชนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังไม่มีกำหนดการจะไปเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด ที่สถาบันบำราศนาดูร ในวันที่ 28 ก.พ.นี้ ตามกำหนดการเดิม อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการแจ้งเหตุผลของการเลื่อนในครั้งนี้แต่อย่างใด

ล่าสุดในเวลาต่อมา นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมควบคุมโรค เป็นผู้แจ้งขอเลื่อนการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มปฐมฤกษ์ให้นายกฯ มายังทำเนียบรัฐบาล ส่วนรายละเอียดนั้นทางกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ชี้แจงเอง เบื้องต้นทราบว่าสาเหตุเกิดจากการติดขัดปัญหาในเรื่องของธุรการที่เป็นส่วนของเอกสาร เนื่องจากวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าล็อตแรกนี้มาจากประเทศเกาหลีใต้ แม้จะผ่านการรับรองจากประเทศต้นสังกัดแล้ว แต่เป็นการรับรองให้ทางเกาหลีเท่านั้น การที่ประเทศไทยตัดยอดนำเข้ามาจึงยังไม่มีเอกสารรับรองอย่างเป็นทางการ ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการ ทั้งนี้ หากขั้นตอนทางธุรการด้านเอกสารของแอสตร้าเซนเนก้าผ่านได้ทัน และผ่านขั้นตอนของวิทยาศาสตร์การแพทย์ของไทยแล้ว ก็คาดว่าจะสามารถฉีดได้ทันตามที่ประกาศเอาไว้

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ตนสมัครใจและพร้อมเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เสมอ ขึ้นอยู่กับว่าสถาบันวัคซีนแห่งชาติและกรมควบคุมโรคจะมีความพร้อมวันไหน เมื่อใดที่พร้อมก็จะเชิญตนไปฉีดเอง

ทั้งนี้ นายกฯ จะได้รับการฉีดวัคซีนโควิดของ "แอสตร้าเซนเนก้า" เนื่องจากอายุมากกว่า 60 ปี ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข จะฉีดวัควีน "ซิโนแวค" เนื่องจากอายุยังไม่ถึง 60 ปี โดยวัคซีนโควิดของบริษัทซิโนแวค มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์กำหนดไว้ว่าผู้ที่มีสิทธิได้รับวัคซีนต้องมีอายุระหว่าง 18 – 59 ปี ไม่สามารถฉีดในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีหรือมากกว่า 59 ปี ได้ เนื่องจากยังไม่มีผลการวิจัยที่เพียงพอมารองรับ นอกจากนี้ ยังมีข้อกำหนดไม่ให้ฉีดในหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่เคยแพ้วัคซีนมาก่อนอีกด้วย