เชียงใหม่วิกฤต PM 2.5 ปกคลุมเมือง พุ่งขึ้นอันดับ 1 อากาศแย่ที่สุดในโลก

เชียงใหม่วิกฤต PM 2.5 ปกคลุมเมือง พุ่งขึ้นอันดับ 1 อากาศแย่ที่สุดในโลก

เชียงใหม่วิกฤต PM 2.5 ปกคลุมเมือง พุ่งขึ้นอันดับ 1 อากาศแย่ที่สุดในโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปัญหาหมอกควันไฟป่าที่เชียงใหม่อาการหนักขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุด ดันค่ามลพิษและฮอตสปอตพุ่ง ติดอันดับ 1 อากาศแย่ที่สุดในโลก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 มี.ค.) ข้อมูลของเว็บไซต์ IQAir ซึ่งมีการจัดอันกับเมืองที่มีค่ามลพิษในอากาศของโลกพบว่า เมื่อเวลา 15.00 น. จังหวัดเชียงใหม่ขึ้นมาจากอันดับที่ 3 ของโลก เมื่อช่วงเข้า ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 1 ของโลก เมืองที่มีค่ามลพิษในอากาศสูงที่สุด โดยวัดค่าดัชนีคุณภาพอากาศได้ 255 US AQI  อันดับ 2 เป็นเมืองกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล 171 US AQI 

ขณะที่ ข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษเช้านี้เมื่อเวลา เมื่อเวลา 15.00 น. พบว่าที่จังหวัดเชียงใหม่ ทุกสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ค่า PM 2.5 พุ่งสูงเกินค่ามาตรฐาน ต.ช้างเผือก อ.เมือง 111 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ต.ศรีภูมิ อ.เมือง 107 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร  ต.สุเทพ (ดอยสุเทพ) 90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และที่ รพ.เทพรัตนฯ อ.แม่แจ่ม 107 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เป็นค่าสูงสุดในรอบปีนี้แล้วที่มีค่ามลมพิษสูงเกินกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

วันนี้ (7 มี.ค.) ที่สโมสรยอดทัพบันเทิง กองพลทหารราบที่ 7 อำเภอเเม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พลตรี ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า เป็นประชุมติดตามสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมหน่วยบินกองทัพอากาศ,ฝนหลวงและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ,โดรนจิตอาสา และพารามอเตอร์ เพื่อร่วมจัดทำแผนร่วมกันในการเตรียมความพร้อมปฏิบัติงาน ภายหลังสถานการณ์ฝุ่นควันและปัญหาคุณภาพอากาศในพื้นที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นและเริ่มมีผลกระทบกับประชาชน

ทั้งนี้ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า กล่าวว่า จาการตรวจสอบคุณภาพอากาศทางภาคเหนือช่วงนี้พบว่า ปริมาณฝุ่นควันเริ่มมีผลต่อสุขภาพโดยเฉพาะ 3 จังหวัด ได้แก่ ต.จองคำ อ.เมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน, ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จังหวัดเชียงราย และ ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากพบยังคงมีการเผาในที่โล่งเกือบทุกจังหวัด และบางจังหวัดมีการบริหารจัดการเชื้อเพลิง

ถึงแม้ว่าจังหวัดจะมีประกาศปิดป่าในห้วง 61 วันห้ามเผา ซึ่งสิ่งที่ต้องดำเนินการทันทีคือการระดมกำลังลงพื้นที่ที่เกิดการเผาซ้ำซาก ทำให้เกิดจุดความร้อนสูง ประกอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้กฎหมายเข้าควบคุม เพื่อลดปริมาณการเผาพร้อมเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ 40 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า จัดกำลังชุดลาดตระเวนเพิ่มเติมจากกำลังทหาร และทหารพราน 7 ชุดปฏิบัติการ จากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 และกรมทหารพรานที่ 32,33, 35 ลงพื้นที่จังหวัดลำปาง แม่ฮ่องสอน โดยพร้อมออกปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง ซึ่งวันนี้ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือพบค่า PM 2.5 เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 23 - 239  ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ค่า PM 10 ระหว่าง 72 - 254  ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ ค่าAQI ระหว่าง 47 – 349  ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงเริ่มมีผลกระทบกับสุขภาพ ประกอบกับวันนี้เกิดจุดความร้อนจำนวน 798  จุด โดยเฉพาะใน พื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 495จุด พื้นที่ป่าสงวนฯ จำนวน 275 จุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook