แม่อุ้มลูกอ่อนติดโควิดไข้สูง ยืนร้องไห้หน้า รพ. กลางดึก หลังไปมา 3 ที่โดนปฏิเสธหมด

แม่อุ้มลูกอ่อนติดโควิดไข้สูง ยืนร้องไห้หน้า รพ. กลางดึก หลังไปมา 3 ที่โดนปฏิเสธหมด

แม่อุ้มลูกอ่อนติดโควิดไข้สูง ยืนร้องไห้หน้า รพ. กลางดึก หลังไปมา 3 ที่โดนปฏิเสธหมด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กเมื่อเวลา 02.30 น. วันอาทิตย์ (11 เม.ย.) ร้องไห้ด้วยความสิ้นหวังอยู่ในรถยนต์ ที่จอดอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร หลังจากพาลูกที่มีไข้สูงจากอาการของโรคโควิด-19 ไปรักษาที่โรงพยาบาล 3 แห่งแต่ถูกโรงพยาบาลเหล่านี้นั้นปฏิเสธรักษาหมดทุกที่

"ไปมา 3 โรงบาลแล้วอะ (สะอื้น) ไม่มีใครรับเลยอะ น้องไข้ขึ้นสูงมาก (สะอื้น) ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ไม่รู้จะไปหาโรงบาลที่ไหนแล้วอะ" คุณแม่กล่าว

หลังจากนั้น สามีที่มาด้วยกันลงไปเจรจากับพนักงานโรงพยาบาลคนหนึ่ง ทำให้คุณแม่คนนี้ลงไปด้วย และอธิบายว่าลูกของตนอาการไม่ดีแล้ว และโรงพยาบาลไม่ควรปฏิเสธคนไข้ไม่ใช่หรือ

"ไม่พี่ เด็กแค่ 10 เดือน เขาแย่แล้วอะ ความเป็นจริงโรงบาลเขาต้องรับมั้ยพี่"

"เขาบอกเข้าไม่ได้ ฉุกเฉินปิด แล้วเด็กเป็นโควิดอะ... (สะอื้น) เด็กไข้ขึ้น 39 อะ บอกฉุกเฉินปิด"

ด้านสามีก็พยายามเจรจากับพนักงานโรงพยาบาลคนดังกล่าว แต่ดูเหมือนไม่เป็นผล ต่อมาพนักงานคนดังกล่าวโทรศัพท์คุยกับคนหนึ่ง แล้วยื่นโทรศัพท์ให้หญิงรายนี้คุยด้วย ทันใดนั้นหญิงรายนี้ก็ตอบกลับว่า

"โหล... ฮัลโหลค่ะ... พี่สักครู่ไรอะ นี่เด็กติดโควิดนะเว่ย (ร้องไห้) พี่สักครู่อะไรมา 2 ชั่วโมงแล้วอะ นี่โรงพยาบาลที่ 4 แล้วนะพี่ ทำไม ทำไมไม่ลงมารับคนไข้อะ พี่ต้องรอประสานงานอะไรกันอีกอะ นี่มันฉุกเฉินนะพี่ แล้วลูกหนูก็แย่อะ ลูกหนูไข้ 39 เลยะนเว่ย พี่ลงมารับลูกหนูก่อนไม่ได้เหรอ ช่วยลูกหนูก่อนไม่ได้เหรอ ทำไมอะ ทำไมต้องบอกรอ 8 โมงทั้งๆ ที่เด็กมันแย่อะพี่ หนูไปที่อื่นไม่ไหวแล้ว ไปมาหลายที่แล้วด้วย ตกลงพี่จะมารับใช่มั้ย ตกลงหมอที่นี่จะไม่รับใช่มั้ย หนูจะได้ไปที่อื่น มันเสียเวลามาก"

ต่อมาครอบครัวนี้ก็เดินกลับไปขึ้นรถ และออกไปจากโรงพยาบาลนี้ ซึ่งผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ถ่ายทอดสดอีกครั้งหนึ่งเมื่อเวลา 03.40 น. วันเดียวกัน ว่าตนมาถึงโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งแล้ว แต่ก็ถูกปฏิเสธเช่นกัน

คลิปถ่ายทอดสดนี้ มีการแชร์ออกไปมากกว่า 11,000 ครั้ง เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. วันอาทิตย์ (11 เม.ย.) และ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook