อย่าหาทำ กู้ภัยเล่าประสบการณ์เจอญาติผู้ป่วยโควิดปกปิดข้อมูล ทำ 3 อาสาต้องกักตัว

อย่าหาทำ กู้ภัยเล่าประสบการณ์เจอญาติผู้ป่วยโควิดปกปิดข้อมูล ทำ 3 อาสาต้องกักตัว

อย่าหาทำ กู้ภัยเล่าประสบการณ์เจอญาติผู้ป่วยโควิดปกปิดข้อมูล ทำ 3 อาสาต้องกักตัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กู้ภัยวอนอย่าปกปิดข้อมูล หลังเจอญาติผู้ป่วยติดเตียงไม่ยอมบอกว่าผู้ป่วยติดโควิด-19 ชี้หากบอกกันก่อนเจ้าหน้าที่จะได้สวมชุดป้องกัน

วานนี้ (22 เม.ย.) เฟซบุ๊กแฟนเพจ กู้ภัยร่วมกตัญญู ฐานโลตัสพระราม 3 ได้ออกมาเผยเหตุการณ์ หลังไปช่วยเหลือผู้ป่วยแต่ญาติปกปิดข้อมูลโควิด-19 โดยระบุข้อความว่า “เป็นอีกวัน อีกเคส ที่ทีมเรารู้สึกแย่มาก #เรื่องเศร้าที่เราเข้าถึง ผู้ป่วยเป็นโควิด ญาติผู้ป่วยปกปิดข้อมูล

รับแจ้ง ผู้ป่วยเจ็บแน่นหน้าอก หญิง 86 ปี ขอความช่วยเหลือ เจริญกรุง ซ.82 แรกพบตอนเราไปถึงบ้านผู้ป่วย ติดเตียง สอบถามญาติ มีท่านใดไปที่สุ่มเสี่ยงมาหรือไม่ มีใครเป็นโควิดหรือไม่ ญาติตอบเราว่า ไม่มีใครในบ้านเป็นโควิด (ทีมเราถามถึง 3 ครั้ง)

ญาติยังคงยืนยันคำเดิมว่า ไม่มีใครในบ้านติดโควิด ทีมเราจึงดำเนินการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยส่ง รพ.เจริญกรุง พอถึงรพ.เจริญกรุง พยาบาลตรงจุดคัดกรองสอบถาม ญาติแจ้งกับพยาบาลตรงจุดคัดกรองว่า ผู้ป่วยที่ทีมเราได้การช่วยเหลือเคลื่อนย้ายมาติดโควิด แล้วผู้ป่วยติดเตียง เดินไม่ได้ ไม่สามารถออกไปพบผู้คนนอกบ้านได้ เค้าติดโควิดได้อย่างไรหากไม่มีบุคคลในบ้านนำมาติด แสดงว่าเคสนี้ ต้องมีคนเป็นโควิดมากกว่า 1 ราย

คุณรอรถพยาบาลมา 2 วัน คุณรักชีวิต ญาติปกปิดข้อมูลเพื่อให้เราช่วยเหลือส่งรพ.เอาคนเป็นโควิดออกจากบ้าน เราก็รักชีวิต เรามาช่วยด้วยใจ ครอบครัว ลูก เมีย พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ของเราก็มี

แล้วถ้าเราติดเชื้อจากการมาช่วยคุณเพราะคุณปกปิดข้อมูล กลับไปพบครอบครัวที่เรารัก แล้วพวกเค้าเหล่านั้นติดจากเรา ใครจะรับผิดชอบ

เคสนี้ ทีมเราออกปฏิบัติหน้าที่ 3 ท่าน ตอนนี้ทั้ง 3 ท่าน รับผิดชอบต่อสังคม หยุดออกปฏิบัติงานอาสาสมัคร แยกย้ายกันกักตัว ดูอาการ เพื่อความปลอดภัยของครอบครัว คนรัก และเพื่อนๆ อาสาสมัคร

รถที่ใช้ออกให้การช่วยเหลือ ช่วงนี้ทางกู้ชีพเจริญกรุงได้ทำการพ้นยาฆ่าเชื้อให้เบื้องต้น

ฝากถึงทางญาติว่า ต้องให้ประวัติตรงไปตรงมา ถ้าเสี่ยงก็บอกว่าเสี่ยง ถ้ารู้ผลว่าติด ก็บอกว่าติด เพราะเจ้าหน้าที่จะได้เตรียมอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสมมาใช้ในการเคลื่อนย้าย แบบถ้าเป็นเคสที่ชัวร์ๆ แล้วว่าโควิด เขาก็จะได้ใส่ชุด PPE มาขนคนไข้ ขนเสร็จก็เอารถไปทำความสะอาด รอรับเคสต่อไป”


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook