แม่ใจสลาย ถูกสามีชาวอียิปต์พาลูกหนีไม่รู้ชะตากรรม ช้ำถูกกล่าวหาป่วยทางจิต

แม่ใจสลาย ถูกสามีชาวอียิปต์พาลูกหนีไม่รู้ชะตากรรม ช้ำถูกกล่าวหาป่วยทางจิต

แม่ใจสลาย ถูกสามีชาวอียิปต์พาลูกหนีไม่รู้ชะตากรรม ช้ำถูกกล่าวหาป่วยทางจิต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กรณีคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวชายอียิปต์ ออกมาโพสต์ขอความช่วยเหลือ อ้างภรรยาเป็นโรคจิต ลักตัวลูกสาวไป ก่อนหน้านั้นที่อยู่ด้วยกันภรรยามีพฤติกรรมแปลกๆ เป็นคนอันตราย ให้อยู่กับลูกไม่ได้ และมักหายจากบ้านไปนานๆ ก่อนขโมยลูกหนีหายไป

ล่าสุด กลายเป็นหนังคนละม้วน ฝ่ายภรรยาออกมาเผยว่าตนไม่ได้มีอาการทางจิต แต่ฝ่ายสามีต่างหากที่กดขี่ข่มเหงตนและลูกจนทนไม่ไหว ฝ่ายสามีก็มาเอาตัวลูกสาวไปแล้ว ต้องการเรียกร้องขอความเป็นธรรม

รายการโหนกระแสวันที่ 22 เม.ย. 64 "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ "คุณแอ้ มัชฌิมา" แม่เด็ก และ "คุณประเทืองทิพย์" คุณยาย รวมทั้ง "ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล" รองประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมสภาทนายความ

คุณแอ้ยืนยันว่าเป็นคนที่ก่อนหน้านี้สามีชาวอียิปต์ออกมาพูดว่าคุณขโมยลูกไป?

แอ้ : ใช่ค่ะ

คุณหย่ากันหรือยัง?

แอ้ : ยังไม่ได้หย่าค่ะ

ลูกสาวอายุเท่าไหร่?

แอ้ : 3 ขวบค่ะ

คุณคบหาสามีนานแค่ไหน?

แอ้ : 4 ปีค่ะ 

ทำไมก่อนหน้านี้สามีคุณออกมาประกาศว่าคุณอุ้มลูกหนีไป?

แอ้ : แอ้ทนไม่ไหวแล้วที่จะต้องปล่อยให้ลูกอยู่ในสภาวะแวดล้อมกับพ่อที่บีบบังคับ คือเขาควบคุมลูกและแอ้กับการใช้ชีวิตในบ้าน เขามีพฤติกรรมก้าวราวกับครอบครัว เพื่อนบ้าน และสภาพแวดล้อม

อย่างเช่นถ้าอยู่ในบ้านถ้าโมโหจะปิดประตูดัง ใช้เสียงก้าวร้าว เดินกระแทก เดินกระทืบเท้า ขว้างปาของ พอไปข้างนอกวิธีการเดินถนน เราเดินครั้งละ 3-10 กิโลเพราะเราไม่มีรถ ถ้าเจอแผงลอยเขาวางเก้าอี้เอาไว้ก็ไปเตะเก้าอี้เขา และห้ามแอ้เดินแยก เขาบอกเป็นครอบครัวเขา ต้องเดินกับเขา ควบคุมแทบทุกอย่าง

เวลาข้ามถนน ถ้ารถมาแล้วไม่ยอมเบรกให้เขาข้าม เขาจะใช้มือทุบกระโปรงรถคนๆ นั้น แล้วมีครั้งนึงลูกเกือบถูกรถชน เพราะเขาอุ้มลูกตลอดเวลา ถ้ารถมาไม่เบรกเขาก็ไม่สนใจ ไปเอาเรื่องกับคนขับจนคนขับร้องไห้เลย เป็นผู้หญิง

และโดนผู้ชายในห้างกระโดดถีบยอดอก เพราะเขาเดินชนลูกโดยไม่ได้เจตนา สามีแอ้ไปด่าว่าตาบอดหรือไง มองไม่เห็นคนหรือไง โง่ ผู้ชายคนนั้นเขาก็มาเตะที่ยอดหน้า เขาก็มีลูกออติสทิกด้วย แอ้ต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาล ไปช่วยเหลือให้ออกมา

นั่นคือเหตุการณ์ที่ไม่ไหวแล้ว?

แอ้ : มีอีกเยอะ พฤติกรรมการกิน การให้เข้าออกของญาติ พี่น้องของแอ้ พ่อแม่ไปมาหาสู่ต้องขออนุญาตเขาก่อน คุณตาได้เจอหลานสามครั้งในชีวิตค่ะ ตอนหลานเกิด จนตอนนี้ลูก 3 ขวบ

ตาได้เจอหลานสามครั้งเพราะไม่มีเวลาหรือเปล่า?

แอ้ : เพราะเขาไม่อนุญาตให้เข้า เขาบอกว่าต้องขออนุญาตเขาก่อน แล้วช่วงจุดแตกหัก ที่แอ้ต้องเลือกว่าอยู่กับเขาหรือพ่อแม่ เขาบอกด้วยซ้ำว่าถ้าเธอจะอยู่กับฉัน เธอต้องตัดพ่อแม่ออกไป

สิ่งที่คุณบอกเป็นหนังคนละม้วนกับสิ่งที่สามีชาวอียิปต์ประกาศออกมา เขาเคยประกาศในเฟซบุ๊กขอความช่วยเหลือ เขาบอกว่าตัวคุณเองมีอาการป่วยทางจิต หลังลูกเกิดได้ 2 สัปดาห์ พฤติกรรมคุณเปลี่ยนไป ก้าวร้าวต่อลูกและตัวเขาเอง ช่วงแรกภรรยาไม่ได้ให้ความสนใจดูแลลูกเลย ไม่ให้อาหาร ไม่อาบน้ำ หรือเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ หรือแม้แต่เล่นกับลูก มักตะโกนเสียงดังใส่ลูก มักมีอารมณ์ฉุนเฉียว มักปาข้าวของใบ้าน กวัดแกว่งมีด และกรรไกรต่อหน้าต่อตาลูก ขู่จะทำร้ายตัวเองหลายครั้ง ชกต่อยตบตีใบหน้าตนเอง คุณทำมั้ย?

แอ้ : ไม่ได้ทำค่ะ ยืนยันค่ะ

แล้วเขามาลงแบบนี้ได้ยังไง?

ยาย : พฤติกรรมครั้งแรกตอนเขาไปอยู่หัวหิน ต้องการอยู่กับลูกสาวในฐานะขอวีซ่าได้ง่าย ซึ่งเขาเคยมีประวัติว่าโดนภรรยาที่เกาหลีฟ้องหย่ามา และเขาก็มาพูดให้ลูกสาวฟังว่าเขาผิดหวัง อย่างโน้นอย่างนี้ ทำนองอยากมาอยู่กับลูกสาว แต่พอมาอยู่แล้ว นิสัยเขาเปลี่ยนไปเลย อาทิตย์แรกที่เห็น ดิฉันและญาติพี่น้องไปหาลูกสาว ให้ไปทำอาหารทานกัน มีโกลเด้นอยู่ 2 ตัว เขาสั่งลูกสาวว่าอย่าให้หมาขึ้นไปข้างบน

ทีนี้เป็นธรรมดาญาติพี่น้องมา ลูกสาวก็เดินโน่นนี่ หมามันซนก็วิ่งขึ้นไป เขาไม่พอใจ เขากระชากตัวมันอุ้มลงมา และมาดึงลูกสาวไปยืนพูดใต้ถุนบ้าน ดิฉันก็ตกใจ เสียงดังกัน ดิฉันก็ลงมา ดิฉันเห็นลูกสาวยืนตกตะลึง เขาก็ใส่เอาๆ ทั้งเสียง ตา การหายใจผิดปกติมาก ดิฉันไม่เข้าใจภาษาที่ด่า ก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เราตกใจกลัวเขาทำร้ายลูกเรา

สรุปเขาโกรธอะไร โกรธที่หมาวิ่งขึ้นไป ไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ เขาสั่งไว้แล้ว คือเขาเป็นคนเจ้าระเบียบ?

ยาย : ใช่ค่ะ เป็นเหมือนทางจิตประสาทด้วย ไม่ใช่เจ้าระเบียบอย่างเดียว

เป็นความรุนแรงในครอบครัว ไม่คิดว่าจะมาถึงขั้นนี้ คุณแอ้ร้องมาด้วยว่าลูกถูกอุ้มไปโดยสามีชาวอียิปต์ วันนี้คุณจะบอกว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น คุณเองต่างหากที่เป็นผู้ถูกกระทำ สุดท้ายเขาบอกตัวคุณเองไปอุ้มลูกออกมา วันนั้นคุณออกมาแล้วหนีเลย จริงมั้ย?

แอ้ : คือวันนั้นเป็นวันที่เราจะย้ายบ้าน เราตัดสินใจอยู่ด้วยกันอีก เพราะความสัมพันธ์เราไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ครอบครัวแตกแยก ก็เลยตัดสินใจว่าโอเค กลับไปอยู่เพื่อดูแลลูก เขาบอกให้ไปอยู่ เขาจะไปเอาของที่บ้านหลังเก่า แต่บ้านหลังเก่าที่เช่ามีปัญหากับเจ้าของบ้าน เขาอยากให้ทำความสะอาด สกปรกมาก อึกระต่าย แมว สุนัข งานศิลปนะทั้งหมด ขยะรีไซเคิล เขาเก็บขยะทุกชิ้น พลาสติก แก้ว ไม่ทิ้งเลย และสุมๆ ไว้ในห้อง

เจ้าของบ้านบอกว่าให้มาทำความสะอาด และพวกก๊อกน้ำที่เสียหายมากมาย แอ้เสนอว่าจะเอาช่างมาช่วยเปลี่ยนช่วยซ่อม แต่ช่างเขาหวังดีเขาไปซื้อมาเปลี่ยน แต่สามีไม่พอใจเป็นอย่างมากกับเรื่องแค่นี้ ด่าแอ้เป็นวันๆ ว่าไม่เคารพฉัน ฉันจะไม่ให้คนนี้มาเปลี่ยนอีก หลังจากนั้นเขาก็ไล่แอ้กลับไปอยู่ที่บ้าน พอเขาจวนตัวต้องไปขนของจริงๆ จึงเรียกแอ้กลับมาอีกที

ก่อนหน้านี้คุณแม่เข้าไปในบ้านก่อน แม่เขาอยากช่วยเหลือเรื่องเงินทอง ไปซื้อเครื่องทำความสะอาด ไม้ถูพื้น ปรากกฎว่าสามีด่าแอ้ให้ลูกฟังว่าแม่ไม่รักลูก แม่ไม่เคยสนใจลูกเลย แม่เขานั่งอยู่ เขาเอาหมอนขว้างต่อหน้าแม่

ยาย : ลูกสาวเล่าแบบนิ่มนวลจริงๆ เขาขว้างแล้วเสียงดังลั่น ด่าว่าแม่ไม่ดี ไม่รักลูก หลานเขาจะกลัวพ่อมาก นั่งจนหน้าฟุบไปกับพื้น ดิฉันก็ทำอะไรไม่ได้จะไปจับหลานก็ไม่ได้ มันคลั่งแล้ว หยิบหมอนปาโน่นนี่ หลานตกใจก็เดินก้มหน้าผ่านดิฉันไปชั้นบน ดิฉันนั่งตกตะลึง ดิฉันก็ถามว่ายูจะให้เราช่วยอะไรมั้ย มันบอกโน เราก็บอกงั้นจะกลับบ้าน พอกลับมาก็บอกว่าแม่คิดว่าไม่ไหวแล้วนะลูก

อย่างอื่นไม่เล่านะคะ เอาแค่ประเด็นสำคัญ เราจะเอาลูกเป็นเครื่องต่อรองแบบนี้ไม่ไหวแล้วนะ แม่สงสารหลานที่สุด ตอนนี้หลานเป้นคนเก็บกด ก็เลยบอกว่าเอางี้ พรุ่งนี้มันจะให้แอ้ไปเฝ้าลูก แล้วให้มาคนเดียว แอ้ไป ดิฉันก็วางแผนว่าไปเลย เดี๋ยวแม่ตามไปทีหลัง พอดิฉันเอารถจอดรอให้เขาออกจากบ้าน พอเขาออกจากบ้านก็ให้แอ้เอาลูกออกมา อะไรเอามาได้ก็เอามาแค่สิ่งที่จำเป็น และออกจากบ้านเลย

คุณแม่คุณแอ้บอกให้เอาลูกออกมา เด็กซึมซับพฤติกรรมความรุนแรงจากพ่อ ไม่ไหวแล้ว เด็กเริ่มซึมเศร้า เดินหัวห้อย สุดท้ายสามีเอาเรื่องมาพูดอีกแบบลงในโซเชียล เพื่อให้คนไปด่าคุณ ให้มองว่าคุณเอาลูกไปโดยไม่มีเหตุผลอะไรเลย ทำไมไม่ออกมาพูดก่อนหน้านี้?

ดร.มนต์ชัย : ใช่ครับ เป็นสิ่งที่สงสัย ช่วงเวลานั้นคุณควรโต้แย้ง

เป็นข่าวไปเยอะมาก ทำไมไม่ออกมาพูด?

แอ้ : ตอนนั้นกระแสสังคมแรงมากที่ด่ามาทางแอ้ ประมาณหมื่นกว่าหรือ 5 หมื่น ไม่มีใครเข้าข้างแอ้เลยสักคนเดียว แอ้มองว่าเราไม่ใช่ดารา ไม่ใช่บุคคลสาธารณะ เราไปดำเนินการทางกฎหมายดีกว่า ตอนนี้พยายามหาหนทางให้กฎหมายมาช่วย ไม่ออกมาพูดเพราะคิดว่าพูดไปก็เหมือนแก้ตัวมากกว่า

ทำไมไม่ฟ้องหย่า?

แอ้ : หาหนทางอยู่ค่ะ มันมีหลายปัจจัยในการหย่า

สิ่งที่เล่ามา เป็นปัจจัยไม่ได้เหรอ?

ดร.มนต์ชัย : ผมคิดว่าอาจรู้สึกผูกพัน แต่ถ้าเท่าที่ฟังมาเหตุนี้เป็นเหตุหลักได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการต่อว่าบุพการี พฤติกรรมการแสดงความก้าวร้าว รุนแรง ฟ้องหย่าได้ทันที

ล่าสุดตัวสามีมาเอาตัวลูกไป เกิดอะไรขึ้น?

แอ้ : วันนั้นมีผู้หญิงคนนึงอยู่ดีๆ ก็มาอุ้มลูกไป คุณยายเห็นทัน เลยวิ่งไปเอากลับมา ถามว่าทำไมมาอุ้มหลานฉันแบบนี้ เขาบอกเห็นเด็กน่ารักดี แล้วทำทีว่ามาซักผ้าข้างบ้าน พอตอนเที่ยงลูกไปเล่นกับข้างบ้าน เพราะลูกติดข้างบ้านมาก

ปรากฎว่าคุณยายเผลอหลับ ผู้ใหญ่ในนั้นก็เผลอหลับ คาดว่าผู้หญิงคนนั้นมาอุ้มไป เพราะล่าสุดแอ้ไปเช็กจากจุดคัดกรองโควิดว่าเขามาจากไหน มีรายนี้ แอ้ก็แจ้งความที่ตรงนั้น ปรากฎว่าสามีมาแจ้งความตอนเช้าแล้วว่าจะเอาลูก เลยชัดเจนว่าเป็นสามีมาเอาลูก

เราได้ติดต่อสามีไปมั้ย?

แอ้ : ติดต่อไม่ได้ค่ะ เขาอยู่เชียงใหม่ ก็มีญาติพี่น้องที่เชียงใหม่ก็ให้ไปขับรถวนดู และติดต่อเจ้าของบ้านที่เชียงใหม่ด้วย เพราะชื่อผู้เช่าเป็นแอ้

สามีทำอะไร?

แอ้ : เป็นฟรีแลนซ์สอนศิลปะ

คุณกลัวสามีเอาลูกสาวออกนอกประเทศไป?

แอ้ : ใช่ค่ะ และเราจะช่วยลูกไม่ได้เลย

ทนายมองยังไง?

ดร.มนต์ชัย : ต้องแยกเป็นสองส่วน ส่วนแรกกรณีสามีใช้การกระทำต่างๆ ความรุนแรงในครอครัว ซึ่งบุคคลภายนอก คนข้างบ้านหรือญาติพี่น้องสามารถไปแจ้งความกับทางกระทรวงพัฒนาสังคมได้ ในสิ่งแรกคือเขาเรียกว่าพระราชบัญญัติ ส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว

ส่วนอันที่สองคือการโพสต์ข้อความต่างๆ ที่กล่าวร้ายว่าคุณ ส่วนนี้ก็มีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพ์ หรือหมิ่นประมาทแล้วแต่กรณี ในส่วนการเอาลูกไป มีการกักขังหน่วงเหนี่ยว ตรงนี้เป็นเรื่องที่คุณซึ่งเป็นแม่โดยชอบธรรมก็มีสิทธิ์แจ้งความดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญาได้อีกฐานนึงครบ

ปัญหาคือคุณพร้อมฟ้องหย่าหรือเปล่า?

แอ้ : กำลังหาคนช่วยเหลืออยู่ค่ะ หาหนทางฟ้องหย่าอยู่ค่ะ

ต้องถามใจตัวเองว่าคุณยังมีความรักกับชายคนนี้อยู่หรือเปล่า?

แอ้ : ที่ผ่านมา เขามาแต่งกับแอ้เพราะหวังอยู่เมืองไทย เพราะพ่อแม่เขาตัดขาด ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครเลย ถูกแฟนทิ้งจากเกาหลี มีเงินมานิดหน่อย

แล้วเขาอยู่ยังไงทุกวันนี้?

แอ้ : สอนศิลปะค่ะ ส่วนวีซ่าเป็นวีซ่าแต่งงานค่ะ

ดร.มนต์ชัย : เรื่องการฟ้องหย่ากรณีนี้ต้องค่อยๆ คิด สถาบันครอบครัว เด็กต้องมีพ่อแม่ แต่ถ้าเราตัดสินใจแล้ว เราก็ให้ศาลเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ดำเนินการฟ้องและเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู ให้ศาลมีคำสั่งว่าใครเป็นผู้ปกครองก็ได้

ไปพูดคุยกับ "ผศ. ดร. สมบัติ ตาปัญญา" ประธานมูลนิธิศานติวัฒนธรรม จังหวัดเชียงใหม่ ท่านเองมีโอกาสคุยกับทางสองฝ่าย ทั้งฝ่ายชายและคุณแอ้ ?

ดร. สมบัติ : ใช่ครับ คุยนานแล้วครับ ตั้งแต่ผู้ชายออกสื่อเรียกร้องขอความช่วยเหลือ โดยให้เหตุผลว่าเลี้ยงลูกอยู่คนเดียว ไม่ไหวแล้ว เมียหนี ผมก็เลยแนะนำตัวว่าเป็นนักจิตวิทยา และคุ้มครองเด็ก มีมูลนิธิอยู่ใกล้บ้านเขา ขอเชิญมาคุยกันหน่อย ตามวิธีการทำงานของผม คือต้องเจอตัว

คุยแล้วเป็นยังไง?

ดร. สมบัติ : ก็สัมภาษณ์ เขาพาลูกมาด้วย เราต้องประเมินดูสภาพจิตใจ ดูท่าทาง วิธีปฏิสัมพันธ์กับลูก เป็นยังไง สภาพของเด็กเป็นยังไง

ประเมินแล้ว ทางฝั่งสามีเป็นยังไง?

ดร. สมบัติ :  ผมคิดว่าน่าเป็นห่วง เขาเป็นคนมีความคิดแบบติดอยู่มุมเดียว แง่เดียว และไม่รับข้อมูลอื่นเลย วิธีปฏิบัติกับลูกและภรรยา เป็นไปด้วยความพยายามควบคุมโดยไม่คำนึงถึงสภาพจิตใจของคนถูกกระทำ การคุ้มครองเด็ก

ผมรู้สึกว่าเด็กจะไม่ปลอดภัย ถ้าเด็กอยู่กับเขาครับ เพราะในแง่ของจิตใจ ผมทำงานเรื่องการเลี้ยงดูเด็ก ให้ความรู้พ่อแม่ การเลี้ยงดูเด็กที่ดี เด็กต้องได้รับความอบอุ่น ไม่ใช่พ่อกอดอยู่คนเดียว ไม่ใช่ห้ามคนอื่นมายุ่ง มีกฎเกณฑ์ละเอียด เข้มงวดทุกอย่าง ถ้าเด็กอยู่แบบนี้หลายปี เด็กจะแย่มากเลย และมีการบอกเด็กว่าแม่มีปัญหา แม่ไม่ดี เป็นสิ่งไม่ควรทำ และบอกสังคมประกาศไปทั่ว ซึ่งเป็นวิธีที่เป็นผลเสียอย่างยิ่ง

อาจารย์แนะนำพ่อไปยังไงบ้าง?

ดร. สมบัติ : ผมก็แนะนำไปว่าเด็กควรได้รับการดูแลจากพ่อแม่ ยิ่งมีปู่ย่าตายายจากพ่อแม่จะยิ่งดี ยิ่งอบอุ่น พ่อแม่ต้องมีความเห็นร่วมกัน ทำด้วยกัน แต่มุมมองของเขาต้องฝั่งพ่ออย่างเดียว แม่ต้องเงียบๆ ไป ทำตามที่สั่งแค่นั้นพอ รวมทั้งตายายอย่ามายุ่ง

ดร.มนต์ชัย : ได้คุยกับพ่อกี่ครั้งครับ

ดร. สมบัติ : 3-4 ครั้ง เจอตัวจริงๆ 2 ครั้ง แต่ละครั้ง 1 ชม. ที่คุยกัน แล้วก็โทร ระยะแรกผมก็เหมือนหลายคน สงสารเขา สงสารเด็ก สงสารฝ่ายชาย แต่เมื่อดูในรายละเอียด คิดว่าเด็กอยู่กับเขาไม่ปลอดภัยแน่นอน

เด็กโดนฝ่ายชายเอาตัวไปแล้ว อาจารย์พอมีการพูดคุยกับเขาอีกครั้งได้มั้ย ติดต่อเขาได้มั้ยว่าให้เอาเด็กมาอยู่กับแม่เถอะ ประนีประนอมกันได้มั้ย?

ดร. สมบัติ : เขาไม่มีทางฟังหรอกครับ เพราะเขาส่งข้อความยาวมาหาผม พูดเหมือนเดิมทุกอย่าง บอกว่าคุณต้องรับผิดชอบ เป็นมุมมองเขาที่ตายตัว ไม่สามารถมองแบบอื่นได้เลย

ในฐานะที่อาจารย์เป็นนักจิตวิทยา ประเมินแล้วมั่นใจว่าเด็กอยู่กับเขาไม่ปลอดภัย?

ดร. สมบัติ : จะมีปัญหาอย่างมา ทั้งระยะสั้นระยะยาว ระยะยาวถ้าเป็นปีแล้วปีเล่าแล้วอยู่สภาพแบบนี้ ลองคิดดูสิครับ

คุณเป็นห่วงลูกมาก ต้องการเอาลูกกลับคืนมา ทำยังไงถึงจะช่วยได้?

ดร.มนต์ชัย : เบื้องต้นต้องไปร้องเจ้าพนักงานที่กรมสวัสดิการพัฒนาสังคมก่อน เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีหนังสือแจ้งไปยังตัวฝ่ายชาย อีกอย่างที่ผมคิด กรณีการกักขังเด็ก ส่วนนี้อยากให้คุณแอ้ไปดำเนินการแจ้งความเป็นคดีอาญาที่เชียงใหม่ดู ลองให้พนักงานสอบสวนเป็นธุระให้ดู เราเป็นแม่สามารถดำเนินการแทนลูกได้ การกักขังหน่วงเหนี่ยวถึงแม้เด็กอยู่สบาย แต่การจำกัดเสรีภาพทำให้เด็กหวาดกลัวถือเป็นความผิด เป็นเรื่องที่คุณแอ้ต้องใช้กฎหมายบังคับกับชาวอียิปต์คนนี้

คุณแอ้จะเอายังไงต่อไป?

แอ้ : ต้องสู้ให้ถึงที่สุด แอ้เสียน้ำตามามากแล้ว พ่อแม่มีมลทินหมด ตอนนี้เป็นเวลาที่แอ้จะสู้เพื่อความปลอดภัยของลูก และเพื่อความยุติธรรมของแอ้และครอบครัวด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook