เชียงใหม่ช็อก เด็ก 4-6 ขวบ นับสิบราย ติดโควิด-19 จากครูประจำศูนย์เด็กเล็ก

เชียงใหม่ช็อก เด็ก 4-6 ขวบ นับสิบราย ติดโควิด-19 จากครูประจำศูนย์เด็กเล็ก

เชียงใหม่ช็อก เด็ก 4-6 ขวบ นับสิบราย ติดโควิด-19 จากครูประจำศูนย์เด็กเล็ก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รายงานข่าวแจ้งว่าช่วงเย็นวันนี้(22 เม.ย.64) ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลแม่คือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลดอยสะเก็ด และฝ่ายปกครองอำเภอดอยสะเก็ด ลงพื้นที่ตรวจติดตามการเตรียมความพร้อมจัดตั้ง โรงพยาบาลสนามที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลแม่คือ หลังจากตรวจพบว่าครูประจำศูนย์ฯ เป็นหญิงอายุ 58 ปี ติดเชื้อโควิด-19 และจากนั้นมีการตรวจคัดกรองผู้สัมผัสเสี่ยง ที่เป็นกลุ่มเด็กเล็กในศูนย์ฯ 54 คน และเพื่อนร่วมงานในศูนย์ฯ รวมทั้งคนในชุมชนนับร้อยคน ซึ่งปรากฏว่ามีเด็กเล็กอายุ 4-6 ปี ติดเชื้อ 16 คน ขณะที่ครูของศูนย์ติดเชื้อ 3 คน จากทั้งหมด 4 คน และยังมีนักการภารโรงอีก 1 คนที่ติดเชื้อด้วย

ทั้งนี้โรงพยาบาลสนามที่จัดตั้งขึ้นที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลแม่คือนั้น เพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่เป็นกลุ่มเด็กเล็ก และครูของศูนย์ โดยนอกจากจะมีการจัดสรรพื้นที่ตามมาตรฐานการรักษาของโรงพยาบาลสนามแล้ว ยังจะมีการแบ่งกั้นโซนปลอดภัยให้เด็กเล็กสามารถออกทำกิจกรรมบริเวณด้านนอกได้ด้วย เช่น บริเวณสนามเด็กเล่น เป็นต้น เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเกิดความเครียดหรือกดดันมากเกินไป พร้อมกับให้ครูที่เป็นผู้ป่วยติดเชื้อและรักษาตัวในโรงพยาบาลสนามเช่นกันช่วยดูแลเด็กๆ ด้วย ซึ่งโรงพยาบาลสนามแห่งนี้จะเริ่มเปิดดำเนินการได้ตั้งแต่วันนี้ (23เม.ย.64)

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 หลายราย ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลแม่คือ จึงได้มาตรวจดูความพร้อมเพื่อจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ ซึ่งเบื้องต้นพบว่าที่ศูนย์ มีความพร้อมสามารถปรับเปลี่ยนจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามได้ทันที เพียงทำการติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็น และจัดสรรพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนเท่านั้น ขณะที่แพทย์พยาบาลมีความพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งเบื้องต้นจะรองรับเด็กทั้ง 16 คนและครู 3 คน ซึ่งจะได้ช่วยดูแลเด็กให้ด้วย และทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองอุ่นใจขึ้นบ้าง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook