ตำรวจสรุปสำนวนฟ้อง "ทนายตั้ม" ปลอมลายเซ็น คดี "เอมี่ อาเมเรีย"

ตำรวจสรุปสำนวนฟ้อง "ทนายตั้ม" ปลอมลายเซ็น คดี "เอมี่ อาเมเรีย"

ตำรวจสรุปสำนวนฟ้อง "ทนายตั้ม" ปลอมลายเซ็น คดี "เอมี่ อาเมเรีย"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจ สน.มีนบุรี สรุปสำนวนฟ้อง "ทนายตั้ม" ปลอมลายเซ็น เพื่อให้ศาลลดโทษคดียาเสพติด “เอมี่ อาเมเรีย จาคอป” นักแสดงดัง ให้อัยการฯ แล้ว

พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี สรุปสำนวนคดี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความผู้ต้องหา นำเอกสารบัตรข้าราชการตำรวจ สน.ศาลาแดง ไปปลอมแปลงลายเซ็น เพื่อใช้ในการยื่นต่อศาลในการขอลดโทษ พ.ร.บ.ยาเสพติด มาตรา 100/2 ในคดี น.ส.อาเมเรีย จาคอป หรือ เอมี่ อดีตนางเอกสาวชื่อดัง ตกเป็นจำเลย ส่งให้กับพนักงานอัยการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และคาดว่าพนักงานอัยการจะมีความเห็นสั่งฟ้อง นายษิทรา ต่อศาลมีนบุรี ในเร็วๆ นี้ เกี่ยวกับความผิดตามมาตรา 180 ผู้ใดนำสืบ หรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ในการพิจารณาคดี ถ้าเป็นพยานหลักฐานในข้อสำคัญในคดีนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำหรับคดีดังกล่าวนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 พ.ค.62 ด.ต.สิทธิศักดิ์ สุทธิประสิทธิ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ศาลาแดง ผู้กล่าวหา ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ให้ดำเนินคดีกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด กับพวกรวม 4 คน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ผู้ต้องหาที่ 1, นายอาคม คงสวัสดิ์ ผู้ต้องหาที่ 2, นายปุณยวัจน์ หิรัณย์เตชะ ผู้ต้องหาที่ 3, นายทอมมี่ จาคอป ผู้ต้องหาที่ 4

ในฐานความผิด ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารปลอม ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ในการพิจารณาคดีอาญา ในกรณีแห่งข้อหาว่าผู้ใดกระทำความผิดที่มีระวางโทษถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต

ซึ่งคดีดังกล่าว จากก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมตัว นายปุณยวัจน์ หิรัณย์เตชะ และ น.ส.อาเมเรีย จาคอป ในคดีร่วมกันครอบครองยาเสพติดฯ ส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ดำเนินคดี หลังจากนั้นได้ส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการ และมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสอง ไปยังศาลจังหวัดมีนบุรี

และศาลจังหวัดมีนบุรี ได้มีคำสั่งลงโทษจำคุก นายปุณยวัจน์ฯ มีกำหนด 25 ปี ส่วน น.ส.อาเมเรีย ยกฟ้อง ในฐานความผิดร่วมกันครอบครองยาเสพติดฯ ต่อมามีการเสนอข่าวเรื่องมีการวิ่งเต้นล้มคดี และทำเรื่องมาตรา 100/2 ของ พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ ทำให้ผู้กล่าวหาในคดีนี้ได้ถูกดำ เนินการทางวินัยว่าได้มีการนำสำเนาบันทึกการจับกุม

ผู้ต้องหารายหนึ่ง พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 40,000 เม็ด โดย ด.ต.สิทธิศักดิ์ฯ เป็นผู้ร่วมจับกุม พร้อมด้วยสำเนา บัตรข้าราชการที่มีการรับรองสำเนาถูกต้องยื่นต่อศาลจังหวัดมีนบุรี แล้วให้ นายปุณยวัจน์ เบิกความว่าเป็นผู้ให้ข้อมูลรายสำคัญ กับ ด.ต.สิทธิศักดิ์ จนเป็นเหตุให้มีการจับกุมนายศุภกิจ

ซึ่ง ด.ต.สิทธิศักดิ์ ไม่เคยรู้จักกับกลุ่มผู้ต้องหานี้ และไม่เคยนำสำเนาบันทึกจับกุม นายศุภกิจ และสำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการไปให้กลุ่มผู้ต้องหา แต่อย่างใด เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในความผิดฐานใช้ หรืออ้างเอกสารปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook