น่าเวทนา 4 แม่เฒ่า ถูกไล่ออกจากบ้าน หลังหลานเอาโฉนดที่ดินไปค้ำประกันเงินกู้

น่าเวทนา 4 แม่เฒ่า ถูกไล่ออกจากบ้าน หลังหลานเอาโฉนดที่ดินไปค้ำประกันเงินกู้

น่าเวทนา 4 แม่เฒ่า ถูกไล่ออกจากบ้าน หลังหลานเอาโฉนดที่ดินไปค้ำประกันเงินกู้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

4 แม่เฒ่า ถูกไล่ออกจากบ้าน หลังหลานนำที่ไปจำนองหาเงินไปทำงานไต้หวัน วอนเจ้าหนี้ใจอ่อนขายบ้านคืนให้

ที่บ้านเลขที่ 4 ม. 4 ต.สามเรือน อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นบ้านเรือนไม้ขนาดใหญ่ ใต้ถุนสูง ปลูกบนพื้นที่ 3 งานเศษ พบแม่เฒ่า 4 คน ทุกคนนั่งเศร้าสร้อย ร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตา เพราะเจ้าหนี้จะไล่ให้ออกไปจากบ้านที่ตนเคยอยู่อาศัยตั้งแต่เล็กจนโต โดยแม่เฒ่าทั้ง 4 คนจะต้องออกไปจากบ้านหลังนี้ในวันที่ 17 มิถุนายน นี้แล้วโดยไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหนต่อไป 

นางโปรย อายุ 94 ปี น.ส.ศรีนวล อายุ 82 ปี  น.ส.แฉล้ม อายุ 80 ปี และนางตะล่อม อายุ 77 ปี แม่เฒ่าสี่พี่น้อง ที่หวังใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ในบ้านหลังที่พ่อแม่สร้างไว้ให้เมื่อวัยเด็กและอยู่มาจนแก่ชรา ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา เพราะไม่รู้ว่าต่อไปนี้พวกตนจะอยู่อย่างไร จะไปอยู่ที่ไหน ไม่มีที่ไปแล้ว พูดได้คำเดียวว่าหากต้องถูกไล่ออกจากบ้านหลังนี้คงตายคาบ้านหรือไม่ก็ยอมตายในคุก ด้วยความผูกพันที่อยู่ด้วยกัน 4 พี่น้อง ตั้งแต่เด็กมาจนแก่เฒ่า คงต้องถึงที่สุดของชีวิตคือเสียใจจนตาย ด้วยความแก่ชรา อีกทั้งต่างคนต่างก็มีโรครุมเร้า เดินก็ไม่ค่อยไหว ซ้ำร้ายเป็นมะเร็ง โรคหัวใจ และคนเล็กเป็นโรคหอบหืด หวังจะได้เห็นหน้ากัน ฝากผีฝากไข้กัน ต่อไปจะอยู่กันอย่างไร  แม่เฒ่าทั้ง 4 คนวอนขอความช่วยเหลือจากทนายจิตอาสา ที่ช่วยเหลือประชาชน และผู้ใจบุญ มาช่วยเหลือ แม่เฒ่าแก่ๆ ไม้ใกล้ฝั่งทั้ง 4 คนได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ไปจนกว่าจะตายด้วยเถอะ

เมื่อถามถึงสาเหตุที่ต้องมาถูกไล่ที่ในครั้งนี้ แม่เฒ่าทั้ง 4 กล่าวว่า ด้วยความรักและหวังเห็นอนาคตของหลาน เมื่อหลานมาขอใช้โฉนดในการไปกู้เงินเพื่อไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน แม่เฒ่าทั้ง 4 จึงให้หลานเอาโฉนดที่ดิน จำนวน 4 แปลง ของคนในครอบครัว ไปค้ำประกันเงินกู้จำนวน 450,000 บาท จากเจ้าหนี้รายหนึ่ง โดยเป็นที่ดินทำกิน 3 แปลง รวมประมาณ 12  ไร่เศษ และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 3  งาน 97 ตารางวา คือบ้าน 3 หลังที่แม่เฒ่าทั้ง 4 อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่  แต่หลานชายที่ไปทำงานที่ไต้หวันก็ถูกหลอกไม่มีเงินกลับมาใช้หนี้ได้ จนกระทั่งทางเจ้าหนี้จึงแต่งตั้งทนายมาทวงถาม และในที่สุดมีการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวไป เมื่อปี 2562 รวม 3 แปลงเป็นเงิน 980,500 และมีส่วนต่างเงินคืนให้ลูกหนี้ จำนวน 365,000 บาท

ขณะที่นายลวง อายุ 54 ปี ลูกชายของนางโปรย ยายวัย 94 ปี  ผู้ชายคนเดียวของบ้าน ที่ต้องดูแลแม่ และน้า 3 คน และพี่สาวอีกคน กล่าวว่า ตนในฐานะคู่ความแทนพี่ชายซึ่งเป็นลูกหนี้ และเสียชีวิตไปแล้ว ได้ไปอ้อนวอนขอซื้อที่ดินพร้อมบ้านที่พวกตนได้อยู่นี้คืน โดยจะนำเงินที่ได้รับคืนจากสำนักงานบังคับคดี และจากบางส่วนที่พอจะหามาได้ เพื่อขอซื้อบ้านสามหลังกลับมาให้แม่ น้า ทั้ง 4 คน และพี่สาวอีกคน ได้ มีที่อยู่อาศัย เป็นที่ซุกหัวนอนในยามบั้นปลายชีวิตก่อนจะหมดลมหายใจไป

นายลวง เล่าว่าตนเอง ได้ใช้ความพยายามทุกวิธี  ทั้งวิ่งเต้นหาเงิน  วิ่งขอความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงาน เพื่อขอซื้อบ้านหลังนี้กลับมา หลังจากปี พ.ศ.2545 ที่หลานชายลูกของพี่สาวต้องการเดินทางไปทำงานประเทศไต้หวัน และได้นำที่ดินไปค้ำประกันเงินกู้จำนวน 450,000 บาท จนกระทั่งเจ้าหนี้ ยื่นคำขาดว่าจะเข้ามายึดบ้านหลังนี้ในวันที่ 17 มิถุนายน 64 วอนทนายจิตอาสา ช่วยเหลือประชาชนที่ทุกข์ยาก หรือใครก็ได้ช่วยคุยกับเจ้าหนี้ให้ใจอ่อนขายคืนบ้านให้ แม่และน้าๆ ตนเองในส่วน 3 งานนี้ เท่านั้น เพราะที่ผ่านมาตนเองก็สู้สุดชีวิต แต่ทำได้เพียงเท่านี้

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้รับทราบข้อมูลว่า ทางเจ้าหนี้อาจขายบ้าน 3 หลัง ให้ในราคาประมาณ 2 ล้านบาท แต่ลูกหนี้มีเงินอยู่ประมาณ 6 แสนบาท หากผู้ใจบุญต้องการช่วยเหลือ สามารถติดต่อ นายลวง อนุเคราะห์ เบอร์โทร. 080-797-5696

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook