เจ้าหนี้ตกลงให้ 4 แม่เฒ่า อยู่บ้านเก่าได้อีก 30 วัน แต่ไม่ขายคืนที่คืนให้

เจ้าหนี้ตกลงให้ 4 แม่เฒ่า อยู่บ้านเก่าได้อีก 30 วัน แต่ไม่ขายคืนที่คืนให้

เจ้าหนี้ตกลงให้ 4 แม่เฒ่า อยู่บ้านเก่าได้อีก 30 วัน แต่ไม่ขายคืนที่คืนให้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เจ้าหนี้ตกลงให้ แม่เฒ่า 4 พี่น้อง อยู่บ้านเก่าได้อีก 30 วัน แต่ยืนยันไม่ขายคืนที่คืนให้ หลานชายซึ้งยอดเงินบริจาคนับล้าน

จากกรณีข่าวสุดสะเทือนใจ 4 ยายโดนไล่ที่ วอนทนายช่วยเจรจา หลังเจ้าหนี้จะยึดบ้าน 17 มิ.ย.นี้ (อ่านข่าว : น่าเวทนา 4 แม่เฒ่า ถูกไล่ออกจากบ้าน หลังหลานเอาโฉนดที่ดินไปค้ำประกันเงินกู้)

สืบเนื่องจากช่วงเช้าวานนี้ (17 มิ.ย 64) นายลวง อนุเคราะห์ ลูกชายของคุณยาย โปรย อนุเคราะห์ พร้อมด้วยนายกิตตินพ สุวรรณโรจน์ ทนายความ เดินทางไปยังศาลจังหวัดสุโขทัย เพื่อยื่นคำร้องต่อศาล ขอขยายระยะเวลาให้ยายทั้ง 4 คน และครอบครัวได้พักอาศัยอยู่ในบ้านต่อไปอีก 60 วัน

ล่าสุด นายกิตตินพ สุวรรณโรจน์ ทนายความที่ดูแลคดีนี้ได้เปิดเผยหลังออกมาจากการไกล่เกลี่ยของศาลจังหวัดสุโขทัย ว่า ศาลได้ไกล่เกลี่ยพูดคุยกันทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลย โดยโจทก์ก็ยินดีที่จะให้จำเลยขยายระยะเวลาออกไปได้ 30 วัน เพื่อที่จะได้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่พิพาท ซึ่งจะครบกำหนดในเวลา 09.00 น. ของวันที่ 16 ก.ค. 64 นี้ โดยจำเลยมีหน้าที่จะต้องมาแถลงให้ศาลทราบเมื่อถึงเวลานั้นว่า ได้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่พิพาทเรียบร้อยแล้ว

อีกทั้ง โจทก์ยังได้แจ้งว่า ไม่ประสงค์จะขายทรัพย์ ซึ่งลูกหนี้ก็ได้เข้าใจในเรื่องนี้ ก็ต้องหาพื้นที่ใหม่ที่จะต้องออกไปอยู่

นอกจากนี้ ทีมข่าวอีจันได้พูดคุยกับ นายลวง อนุเคราะห์ หลานชายของคุณยายทั้ง 4 ท่าน เผยว่า จากการตรวจสอบยอดบัญชีธนาคารออมสิน สาขาศรีสำโรง จ.สุโขทัย พบว่า มียอดเงินบริจาคจากผู้ใจบุญทั่วประเทศช่วยเหลือเข้ามาเป็นจำนวนเงิน 1,511,939.75 บาท แล้ว และดีใจที่ศาลขยายเวลาให้ 30 วัน แต่ทางเราก็ต้องหาทางขยับขยายที่ ถ้าเจ้าหนี้ไม่ยอมขายคืนให้เราต้องไปหาที่อยู่ใหม่สร้างบ้านหลังเล็ก ๆ ให้คนแก่ได้อยู่อาศัยกัน

“ผมขอขอบคุณคนไทยทุกคน ที่ได้ช่วยเหลือในการบริจาคเงิน ขอบคุณที่ให้ความอนุเคราะห์ให้ความสงสารคนแก่ในครั้งนี้”

ด้าน คุณยายตะล่อม กล่าวว่า ยายดีใจที่ศาลขยายเวลาให้ แต่ก็อยากได้ที่อยู่อาศัยคืนมา ตัวเองก็ยกมือไหว้เจ้าหนี้ขอเขาคืน แต่เขาก็เฉยๆ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายปรีชา สุทนต์ นายอำเภอศรีสำโรง เผยว่า การหาที่อยู่ให้ใหม่ก็จะเกิดขึ้นในจำนวนเงินที่ได้รับมา 1 ล้านเศษ ก็จะพอดำเนินการได้ ซึ่งเงินที่ได้รับบริจาคมาเราจะมีการดำเนินการตามกฎหมายตาม พรบ.ควบคุมการเรี่ยไร ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการเข้ามาดูแลในการใช้จ่าย เงินจำนวนนี้ไม่สามารถเบิกจ่ายเองได้ การใช้เงินต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคไม่เช่นนั้นจะเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเราบอกผู้เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน ขอให้ผู้บริจาคสบายใจทางเราจะมีการตั้งคณะกรรมการเข้ามาดูแลจำนวน 5 ท่าน และการเบิกจ่ายต้องมีลายเซ็นของกรรมการอย่างน้อย 3 ท่าน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook