"คุณหญิงสุดารัตน์" เสนอแผนสยบโควิดในสิ้นปี แนะเลิกใช้ "ซิโนแวค" เปลี่ยน mRNA เป็นวัคซีนหลัก

"คุณหญิงสุดารัตน์" เสนอแผนสยบโควิดในสิ้นปี แนะเลิกใช้ "ซิโนแวค" เปลี่ยน mRNA เป็นวัคซีนหลัก

"คุณหญิงสุดารัตน์" เสนอแผนสยบโควิดในสิ้นปี แนะเลิกใช้ "ซิโนแวค" เปลี่ยน mRNA เป็นวัคซีนหลัก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พรรคไทยสร้างไทยเสนอ "พิมพ์เขียวสยบโควิด” ภายในสิ้นปีนี้  เพื่อคืนชีวิตปกติสุข เปิดเมือง เปิดประเทศ ให้ประชาชนได้กลับมาทำมาหากิน เป็นของ “ขวัญปีใหม่” ให้พี่น้องชาวไทย

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย แถลงข่าวการนำเสนอ “พิมพ์เขียวสยบโควิดให้ได้ภายในสิ้นปีนี้” เพื่อคืนชีวิตปกติสุข เปิดเมือง เปิดประเทศ ให้ประชาชนได้กลับมาทำมาหากิน เป็นของ “ขวัญปีใหม่” ให้พี่น้องชาวไทย บนหลักการ “โครงการ 30 บาท รักษาโควิดถ้วนหน้า” เพื่อคุ้มครองการตรวจ -รักษา-ฉีดวัคซีนประสิทธิผลสูง ให้คนไทยทุกคนได้อย่างแท้จริง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

“คนไทยทุกคนที่ต้องการตรวจเชื้อต้องได้ตรวจ ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษา และต้องได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพ ต้องไม่มีประชาชนตายคาบ้าน หรือตายกลางถนนอีกต่อไป” ประธานพรรคไทยสร้างไทยกล่าวย้ำ

พร้อมกันนี้ได้ เสนอ บันได 3 ขั้น “สยบโควิด”

ขั้นที่ 1 “ด้านการควบคุมการแพร่ระบาด”
ต้องเร่ง “ตรวจหาผู้ติดเชื้อ” และนำผู้ติดเชื้อเข้าระบบให้เร็วที่สุด
การสั่งLock Down โดยไม่เร่งตรวจหาผู้ติดเชื้อ จะไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ในเวลาที่รวดเร็ว แต่จะกลับจะซ้ำเติมปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนคือ “เจ็บแล้วไม่จบ”
1.ต้องสั่ง “เลิกการผูกขาด” การนำเข้า ชุดตรวจ / ยา / วัคซีน ของหน่วยงานรัฐทั้งหมด
เลิกกฎระเบียบที่ขวางกั้นการตรวจ และการรักษาของประชาชนทันที โดยเฉพาะระเบียบการเบิกจ่ายเงินของสปสช.
2.ให้นำ Rapid Antigen Test ตรวจประชาชนกลุ่มเสี่ยงทุกคนในพื้นที่สีแดง/แดงเข้ม เพื่อเร่งนำผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบ ตัดวงจรการระบาด
3.ทำระบบ Application ให้ผู้ที่ตรวจแล้วมีผลเป็นบวก ได้เข้าระบบการดูแลรักษาทันที

ขั้นที่2 “ด้านการรักษาผู้ติดเชื้อ”
เพื่อลดอัตราการป่วยหนัก การตาย และแก้ปัญหาเตียงไม่พอ โดยนำผู้ติดเชื้อเข้าระบบให้เร็วที่สุด
• ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ หรืออาการน้อยให้เข้า Program Home Isolation และเร่งทำ Community Isolation ให้เพียงพอกับผู้ติดเชื้อ โดยใช้โรงเรียน,วัด,หรือหอประชุมที่อยู่ใกล้ชุมชน
• ผู้ที่มีอาการไม่มากเข้าโรงพยาบาลสนาม (เตียงเขียว) โดยต้องให้ “ยาฟาวิพิราเวียร์”ทันที เพื่อลดอาการป่วยหนัก และการเสียชีวิตของประชาชน “ต้องตั้งเป้าให้คนหายป่วยกลับบ้านได้ตั้งแต่เตียงเขียว”

ขั้นที่3 “ด้านการป้องกัน”
โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการสร้าง “ภูมิคุ้มกันหมู่” ที่จะทำให้คนไทยสามารถมีชีวิตอยู่กับโรคโควิดได้อย่างปลอดภัย
1) ต้องเร่งจัดหาวัคซีน mRNA ที่สามารถต่อสู้กับเชื้อกลายพันธุ์ Delta ที่กำลังระบาด มาเป็นวัคซีนหลักคู่กับ AZ ให้คนไทยมีสิทธิเลือกวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ
2) ปรับแผนบริหารวัคซีน โดยต้องจัดหาวัคซีนให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 15 ล้านโดส หรือฉีดให้ได้วันละ 500,000 โดส ให้คนไทยอย่างน้อย 70% หรือ 50ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทย ได้เปิดเมือง เปิดประเทศ ได้กลับมาทำมาหากินอีกครั้ง

“ตามแผนที่พรรคไทยสร้างไทยเสนอ ประชาชน 50 ล้านคนจะได้ฉีดวัคซีนหนึ่งเข็มทุกคนภายในเดือนธันวาคม และครบสองเข็มภายในเดือนมกราคม แต่ถ้ายังใช้แผนเดิมในอัตราการฉีดเฉลี่ยในปัจจุบันประชาชนจะได้รับวัคซีนครบสองเข็มในเดือนกรกฎาคมปีหน้า ซึ่งนานเกินไป เสี่ยงต่อการไม่เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และจะทำให้เป็นอันตรายต่อชีวิต และทำลายเศรษฐกิจอีกยาวนาน”

สุดท้ายคุณหญิงสุดารัตน์ได้กล่าวย้ำว่า “ข้อเสนอที่พรรคไทยสร้างได้จัดทำนี้ เป็นความห่วงใยอย่างที่สุดต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เดินมาถึงจุดที่เป็นอันตรายอย่างที่สุดต่อชีวิตของพี่น้องชาวไทย และต่อเศรษฐกิจไทย จึงถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมแรงร่วมใจ ช่วยกันนำพาประชาชนให้ออกจากมหาวิกฤตินี้ให้ได้ พรรคไทยสร้างไทยจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลจะได้รับแผนงานนี้ไปดำเนินการ เพื่อแก้มหาวิกฤตของประเทศในครั้งนี้ให้ได้เร็วที่สุด”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook