เสื้อตัวจิ๋วของเถ้าแก่เนี๊ยตัวน้อย

เสื้อตัวจิ๋วของเถ้าแก่เนี๊ยตัวน้อย

เสื้อตัวจิ๋วของเถ้าแก่เนี๊ยตัวน้อย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โดย : ภัทรดา ฤทธิ์แตง

จะมีใครเคยคิดบ้างว่า การพาลูกสาวไปเดินเที่ยวงานโอท็อป จะนำมาสู่ธุรกิจหลักล้านของครอบครัว ด้วยฝีมือเด็กหญิงวัยไม่ถึงสิบขวบ

นับจากวันที่หนูน้อยวัย 9 ขวบคนหนึ่ง ได้จุดประกายความฝัน อยากเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองจ ากการไปเดินเที่ยวชมงานโอท็อป ถึงวันนี้ 'มายด์' ชยนา ชุมะศารทูล นักเรียนชั้นม. 3 โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ กรุงเทพ ได้ทำฝันของเธอให้เป็นจริง และกลายมาเป็นเถ้าแก่เนี๊ยวัยกระเตาะ เจ้าของแบรนด์เสื้อตัวจิ๋วอายุ 7 ปีที่มีชื่อว่า 'MINISHIRT THAILAND'

เสื้อจิ๋ว รายได้ไม่จิ๋ว


"แค่อยากขาย อยากมีกิจการเป็นของตัวเอง แต่ตอนนั้นยังไม่รู้จะขายอะไร รู้เพียงอยากทำ (หัวเราะ)" คือคำตอบจากสาวน้อยวัย 16 ปีเมื่อถูกถามถึงการสร้างแรงบันดาลใจในเส้นทางธุรกิจตั้งแต่ตอนอยู่ ป.3 จากการเดินชมงานสินค้าโอท็อปกับครอบครัว ที่เมืองทองธานีในปี 2546

เมื่อมีความใฝ่ฝันแล้วเธอจึงเริ่มลงมือทำให้เป็นจริงหลังจากนั้นไม่นาน โดยนำเศษผ้าเหลือจากที่คุณแม่ตัดเครื่องแบบนักเรียน ไปตัดเย็บเป็นเสื้อนักเรียนย่อขนาด สอดไส้ถุงผ้าใส่การบูนหอมที่หาได้ในบ้าน เพื่อให้อาจารย์ประจำชั้น วันไหว้ครู แต่พอเพื่อน ๆ เห็นแล้วกรี๊ดอยากได้ไว้ครอบครอง จึงลองทำวางขายที่สหกรณ์โรงเรียน แต่เปลี่ยนจากไส้การบูนเป็นไส้น้ำหอมหลากกลิ่นประมาณสิบกว่าตัว สนนราคาตัวละ 120 บาท โดยคุณแม่และคุณลูกช่วยกันผลิต ปรากฎว่า ผลตอบรับดีมากจนทำแทบไม่ทัน

แล้วด้วยความสามารถด้านวาดภาพของเธอ จึงได้ออเดอร์แรกจาก FORD MOTOR COMPANY ให้ผลิตชุดนักแข่งรถฟอร์มูล่าวันมีกลิ่นหอมขนาดเท่าฝ่ามือ หลายพันชิ้น ซึ่งมายด์เป็นคนออกแบบเอง เพื่อเป็นของชำร่วยในงานมอเตอร์โชว์ปี 2547

"ไปแข่งวาดรูปของฟอร์ดชนะ จึงต้องไปรับเงินที่บริษัทเขา เลยลองเอาตัวอย่างสินค้าไปเสนอดู โดนสั่งแก้แบบหลายเที่ยว จากเสื้อตัวเดียวให้ตัดเป็นชุดนักแข่งรถ ก็หวังนะว่าเขาจะเอา แล้วไม่ถึงเดือนก็เรียกไปรับออเดอร์ ซึ่งวันนั้นดีใจมาก (ยิ้ม)" มายด์เล่าถึงออเดอร์แรกในฐานะสินค้าโอท็อปจากย่านสาธร

มายด์บอกต่อว่า หลังจากงานนั้น ก็มีลูกค้าหลั่งไหลเรื่อยมา จากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ สั่งทำชุดครุย ชุดนักเรียนขนาดจำลองจากของจริง เพื่อแจกนักเรียน นักศึกษาเมื่อจบการศึกษา หรือสั่งล็อตใหญ่ ๆ อย่างวางขายที่ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำให้ธุรกิจในครัวเรือนกลายเป็นธุรกิจเอสเอ็มอี ที่กระจายงานและรายได้สู่กลุ่มแม่บ้านหลายเขตในกรุงเทพมหานคร

เมื่อธุรกิจขยายตัวแบบนี้แล้ว คุณแม่ผู้เคยเป็นนักธุรกิจ จึงเข้ามาดูแลด้านการเงินและการตลาด ส่วนข้าราชการบำนาญอย่างคุณพ่อจะดูแลทางพีอาร์ เช่น การแต่งรูปลงเว็บไซท์ ประกาศขายสินค้าทางอินเตอร์เน็ต ส่วนมายด์รับผิดชอบการพัฒนาสินค้า ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า "เห็นพัฒนาการหลายด้าน อย่างแพ็คเกจจิ้ง เมื่อก่อนเป็นแค่ถุงพลาสติกติดแถบกาว แต่ตรงนี้มีกล่องสวยขึ้นล่ะ"

ทั้งเรียนทั้งเล่น เต็มที่ทุกอย่าง


เห็นรายได้หลัก ล้านต่อปีของเธอแล้ว ทำให้ใคร ๆ คิดว่ามายด์ต้องทุ่มเทกับงานแบบหามรุ่ง หามค่ำ ประมาณเรื่องงานเป็นหลัก เรื่องเรียนเป็นรอง งดเรื่องเล่น ทว่าผิดถนัด เพราะนักธุรกิจรุ่นเยาว์คนนี้มีกิจกรรมยามว่างหลากหลาย แต่ยังคงรักษาเกรดเฉลี่ยไว้ได้ที่ 3.8 มาโดยตลอด

"เป็นคนไฮเปอร์ (หัวเราะ) อยู่เฉย ๆ ไม่ได้ เลยต้องทำนั่น คิดนี่ตลอดเวลา ไม่งั้นจะเบื่อ" มายด์ตอบหลังร่ายยาวงานอดิเรก เช่น เล่นโบว์ลิ่ง วาดรูป เขียนเรียงความ ร้องเพลง เล่นอินเตอร์เน็ต และท่องเที่ยวกับครอบครัว โดยสถานที่สุดโปรดคือ 'ทะเล'

คุณแม่วัฒนาเสริมว่า "คนอื่นเล่นเน็ตเข้าไฮไฟว์ แต่น้องมายด์ เสริช์หาโครงการที่สามารถส่งผลงานร่วมประกวด (หัวเราะแล้วหันไปทางลูกสาวคนโปรด) อย่างที่ได้รางวัลชมเชยจากการประกวดเรียงความหัวข้อโลกร้อนสร้างวิกฤติ ที่ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์เมื่อกันยายนที่ผ่านมา โครงการหน้านี่เห็นว่าอยากประกวดร้องเพลง AF"

เมื่อโดนคุณแม่แซว ทำเอาน้องมายด์อายเล็ก ๆ แล้วยอมรับว่า "ใช้เวลาเล่นเน็ตวันละประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อเสริช์หาโครงการส่งผลงานเข้าประกวด ส่วนใหญ่เป็นประกวดวาดภาพ เพราะทำแล้วสนุก ใช้สีทุกแบบตั้งแต่สีน้ำ ยันสีอะคิลิก และประกวดเขียนเรียงความ เนื่องจากได้ใช้ความคิดแล้วเพลินดี"

แต่วันว่างของเธอก็ยังวนเวียนกับเรื่องงานไม่ห่าง โดยใช้ความสามารถทางด้านศิลปะและการ ออกแบบผลิตภัณฑ์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ด้วยเหตุว่า ทำด้วยโน๊ตบุ๊คง่ายต่อการจัดเก็บผลงานอย่างมีระบบ และมีมาตรฐานมากกว่าทำในกระดาษ ซึ่งการออกแบบตอนแรกจะไม่คำนึงว่าจะขายได้หรือเปล่า แต่วาดในสิ่งที่คิดแล้วก็จะเอาไปให้คุณแม่ คุณพ่อดู เพื่อช่วยวิจารณ์ และปรับแบบให้ดีขึ้นต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมของครอบครัวที่ทำร่วมกันคือ การเสาะหาวัตถุดิบเพื่อผลิตสินค้าตามสำเพ็ง พาหุรัด รวมทั้งตระเวนไปไกลถึงจ.ราชบุรี เพื่อหาตุ๊กตาหมีมาทำหมีสวมชุดครุย สินค้ายอดนิยมอีกประเภทของ MINISHIRT THAILAND

โตขึ้นอยากเป็น...


"อยากเข้าสายศิลป์ฝรั่งเศส หรือสายวิทย์ ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แล้วสอบเข้าคณะสถาปัตย์ จุฬาฯ เปิดแกลลอรี่น่ารัก ๆ ก่อนจบมหาวิทยาลัยเพื่อขายรูป โดยมีผลงานของเราและผลงานคนอื่นมาแจม อีกทั้งอยากพัฒนาให้สินค้าดีขึ้น มีแบบเยอะ ๆ แพ็คเกจสวย ๆ มีลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเยอะขึ้น" มายด์ยิ้มละไมเล่าถึงความฝันใหญ่จากหัวใจดวงเล็ก

แล้วขยายความต่อว่า สำหรับเรื่องเรียนก็จริงจังในระดับหนึ่ง เช่น อ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้าโรงเรียนเตรียมฯ วันละ 2 ชั่วโมง (หรือเมื่อเวลามีอารมณ์เท่านั้น) และอยากไม่เรียนสายบริหารธุกิจ ทั้งๆ ที่มีกิจการเป็นของตัวเอง เพราะไม่ชอบตัวเลข ชอบใช้ความคิดสร้างสรรค์มากกว่า แต่อาจจะเรียนต่อปริญญาโทด้านบริหาร รวมทั้งมีอีกฝันที่อยากเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเป็นเวลา 1 ปี ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่คุณแม่ไม่ให้ไปด้วยเหตุผลว่า ไม่มีคนช่วยดูแลกิจการที่สร้างมากับมือ

ส่วนเรื่องธุรกิจ ไม่ได้กำหนดว่าเดือนหนึ่งต้องยิงคอลเลคชั่นใหม่กี่แบบ เพราะถ้ามัวแต่บังคับตัวเอง งานดี ๆ จะไม่ออกมา ต้องใช้แรงบันดาลใจ และใจรัก จากการสังเกตสิ่งรอบตัว แล้วจดไว้ในสมุดที่พกไว้ประจำ จากนั้นค่อยทำตัวอย่างสินค้าด้วยมือของตัวเอง เหมือนกับที่เลือกให้กลุ่มแม่บ้านผลิตสินค้าเพราะเขาใจเย็น และทำอย่างใส่ใจ

แต่ก็โดนคุณแม่อำว่า "งานที่น้องมายด์ว่าดีน่ะ ต้องเนี๊ยบร้อบเปอร์เซนต์ บางทีบอกคุณแม่อันนี้เดินด้ายเบี้ยวนิดนึง อันนี้ไม่ตรงหน่อยนึง (คุณแม่ทำเสียงล้อมายด์เวลาเจอสินค้าชิ้นที่ไม่สมบูรณ์แบบ) ละเอียดมาก ถ้าเขาลงมือทำได้ทุกชิ้น คงทำแล้วละ" ซึ่งอาการล้อเล่นของคุณแม่เรียกเสียงหัวเราะเขินๆ จากน้องมายด์ได้ทีเดียว

คำถามว่า สภาพเศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อยอดขายหรือไม่ ทำเอาเวิคกิ้งวู้แม้นรุ่นน้อยยิ้มร่าแล้วตอบว่า "ไม่ แต่กลับมีอออเดอร์เพิ่มขึ้น เพราะกลุ่มลูกค้าเราเป็นนักเรียน นักศึกษา ที่พอรุ่นหนึ่งจบ รุ่นหนึ่งก็มาต่อ จึงขายของได้ตลอด"

จากคำบอกเล่าของผู้บริหารแบรนด์ จะเห็นว่าตลาดของ MINISHIRT THAILAND กำลังขยายตัวกระทั่งตัดสินใจเปิดโชว์รูมแห่งแรก ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลง่าย ๆ แต่เล็งการณ์ไกลของมายด์ว่า เป็นสถานที่ซึ่งมีการจัดงานนิทรรศการต่าง ๆ เป็นประจำ จะได้มีคนมาเห็นของและอาจเพิ่มยอดขายบ้าง

ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองไกลเกินอายุ พร้อมปรัชญาการทำงานที่ว่า 'จุดประกายเทียนแห่งความฝัน ด้วยพลังไฟสร้างสรรค์ที่ไม่เคยดับ' ทำให้มายด์ และแบรนด์ของเธอกำลังเติบโตอยางงดงามในเส้นทางธุรกิจ ซึ่งเธอกระซิบแถมท้ายว่า ตลาดนี้ยังไปได้เพราะคู่แข่งไม่เยอะ ด้วยจดสิทธิบัตรเสื้อสอดไส้น้ำหอมไว้แล้วตั้งแต่ปี 2546 ส่วนหมีสวมชุดครุยก็มีลูกค้าประจำอยู่แล้ว จึงไม่น่าเป็นห่วง

เต็มไปด้วยความฝัน และมุ่งมั่นทำให้เป็นความจริงอย่างนี้ ชื่อของ 'มายด์' คงจะได้รับการพูดถึงอีกแน่นอนในอนาคต...

 

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ ของ เสื้อตัวจิ๋วของเถ้าแก่เนี๊ยตัวน้อย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook