หุ้นไทยปิดลบ8จุด แรงขายพลังงานฉุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันที่ 2 พ.ย. ดัชนีอ่อนตัวในแดนลบตามตลาดต่างประเทศที่ดิ่งลง ส่งผลให้มีแรงเทขายออกมาต่อเนื่อง โดยระหว่างวันดัชนีทะยานขึ้นสูงสุดที่ 677.22 จุด ลดลงต่ำสุดที่ 667.52 จุด จนมาปิดตลาดที่จุดสูงสุด 677.22 จุด ลดลง 8.02 จุด หรือ 1.17% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 20,208.23 ล้านบาท ส่วนตลาดเอ็มเอไอ ปิดที่ 211.17 จุด เพิ่มขึ้น 1.24 จุด มูลค่าซื้อขาย 585.37 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก

1.ปตท. สผ. ปิดที่ 137.00 บาท ลดลง 8.00 บาท

2.ปตท. ปิดที่ 233.00 บาท ลดลง 7.00 บาท

3.บ้านปู ปิดที่ 426.00 บาท ลดลง 12.00 บาท

4.ซีพีเอฟ ปิดที่ 9.50 บาท ลดลง 0.15 บาท

5.ธ.ไทยพาณิชย์ ปิดที่ 77.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผอ.อาวุโส บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) มองว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ตามทิศทางตลาดภูมิภาคที่ลดลง หลังดัชนีดาวโจนส์ และราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าลดลงแรง รวมทั้งนักลงทุนกังวลเรื่องไฟไหม้ในแหล่งมอนทาราของ บริษัท ปตท.สผ. จึงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานตัวอื่นให้ลดลงตาม แต่ช่วงบ่ายดัชนีเริ่มกระเตื้องขึ้น เป็นผลจากดัชนีดาวโจนส์ และราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเป็นบวก จึงทำให้หุ้นไทยปรับลดลงไม่มาก

ส่วนแนวโน้มวันที่ 3 พ.ย.นี้ มองว่า ดัชนียังคงแกว่งตัวผันผวน ซึ่งบางช่วงอาจติดลบ ขึ้นกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นหลัก ประกอบกับนักลงทุนยังกังวลเรื่องมาบตาพุดที่ยังไม่มีความชัดเจน ประเมินแนวรับที่ 670-673 จุด และแนวต้าน 685-688 จุด ด้านกลยุทธ์ ในระยะสั้นหากดัชนีแกว่งขึ้นใกล้แนวต้าน แนะนำเทขาย และรอซื้อช่วงอ่อนตัว ส่วนระยะยาวควรรอซื้อบริเวณแนวรับ เพราะตลาดอาจปรับฐานจนถึงกลางเดือน พ.ย.นี้.