ในหลวง-ราชินี ทรงลอยพระประทีป

ในหลวง-ราชินี ทรงลอยพระประทีป

ในหลวง-ราชินี ทรงลอยพระประทีป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในหลวงทรงแย้มพระสรวล โบกพระหัตถ์แก่พสกนิกร ในโอกาสเสด็จฯ ลงมาทรงลอยพระประทีปเนื่องในวันลอยกระทง พร้อมสมเด็จพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ทั่วประเทศจัดงานลอยกระทงยิ่งใหญ่ "ยี่เป็ง" สองวันแรก-ยอดเหยื่อประทัดพุ่งถึง 15 ราย ตร.เชียงใหม่รวบหนุ่มพะเยาขายประทัดยักษ์ เมืองแปดริ้วจัดลอยกระทง ย้อนเวลา หาวิถีไทย ครั้งที่ 9 อย่างอลังการ

เมื่อเวลา 18.55 น. วันที่ 2 พฤศจิกายน 2552 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน ลงจากที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ และท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม ไปยังท่าน้ำศิริราช เพื่อทรงลอยพระประทีปเนื่องวันลอยกระทงตามราชประเพณี

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์เชิ้ตลายสกอตสีชมพู ทับด้วยฉลองพระองค์แจ็กเก็ตสีขาว สนับเพลายาวสีกรมท่า โดยมี รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีนิน หัวหน้าสำนักงานศูนย์โรคหัวใจสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เป็นผู้ถวายการเข็นรถพระที่นั่ง ระหว่างทางเสด็จฯ ทรงหยุดถวายพวงมาลัยและทรงสักการะพระพุทธเมตตาคุณากร จากนั้นเสด็จฯ ไปยังท่าน้ำศิริราช โดยทุกพระองค์ทรงเลือกพระประทีปที่ประดิษฐ์จากขนมปังในการลอยในครั้งนี้ จากนั้นได้เสด็จฯ ไปยังร้านอาหารสีฟ้าซึ่งติดอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อทอดพระเนตรขบวนเรือประดับไฟที่นำมาจัดแสดงในเทศกาลลอยกระทง เมื่อเรือแต่ละลำผ่านหน้าพระที่นั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาทรงฉายภาพไว้ตลอดเวลา และระหว่างเสด็จพระราชดำเนินกลับ ทรงแย้มพระสรวลและทรงโบกพระหัตถ์ขวาให้แก่พสกนิกร ในขณะที่พระหัตถ์ซ้ายก็ทรงกดชัตเตอร์กล้องถ่ายภาพ ท่ามกลางเสียงแซ่ซ้องทรงพระเจริญตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน

การเสด็จพระราชดำเนินลอยพระประทีป ที่ท่าน้ำศิริราช ครั้งนี้ ถือเป็นการส่วนพระองค์ แต่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาติให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ และเผยแพร่ภาพครั้งนี้ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. รองเลขาธิการพระราชวัง ได้นำเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางกอกน้อย เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลศิริราช ร่วมกันปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณท่าน้ำศิริราช เพื่อเตรียมสถานที่ให้พร้อมสำหรับรับเสด็จ และมีการทำความสะอาดท่าน้ำปรับแต่งต้นไม้ที่สวนหย่อม ประดับไฟเพิ่ม รวมทั้งปูลาดพระบาทสีแดง ตั้งแต่บริเวณอาคารอำนวยการผ่านถนนบวรสถานภิมุข ขึ้นไปถึงบนท่าน้ำ

ขณะเดียวกันเหล่าพสกนิกรที่รับทราบข่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จฯ มาทรงลอยพระทีป ก็ต่างพร้อมใจนำเสื่อมาปูจับจองที่นั่งบริเวณริมถนนเข้าสู่ท่าน้ำศิริราช ฝั่งคณะพยาบาลศาสตร์กันอย่างเนืองแน่น พร้อมเตรียมธงเล็กไว้รับเสด็จ และเตรียมพระบรมฉายาลักษณ์มาชูไว้เหนือหัวด้วยความจงรักภักดี จากนั้นรองเลขาธิการพระราชวังยังได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ใช้พื้นที่บริเวณห้องโถงของอาคารชุมนุมพุทธธรรมศิริราช เพื่อใช้เป็นห้องสำหรับรับเสด็จ พร้อมเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้จัดเตรียมพระประทีปสำหรับทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 2 แบบ ได้แก่ พระประทีปที่ทำจากขนมปัง โดยที่นำทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพระประทีปที่ประดิษฐ์ด้วยขนมปังสีเหลือง ซึ่งเป็นสีประจำพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งเครื่องทองน้อยประกอบด้วยธูป เทียน และดอกไม้จำลอง ที่ประดิษฐ์จากขนมปังทั้งสิ้น ในขณะที่พระประทีปที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประดิษฐ์จากขนมปังเช่นกัน โดยเครื่องทองน้อยข้างบนเป็นสีฟ้า ซึ่งเป็นสีประจำพระองค์ และพระประทีปอีก 1 แบบ ประดิษฐ์โดยดอกไม้สด ทำด้วยกาบพลับพลึงสีขาว ประดิษฐ์ด้วยดอกไม้สด และดอกบานไม่รู้โรย ส่วนเครื่องทองน้อยด้านบนมีสีฟ้า-ขาว

พร้อมกันนี้ก็ได้จัดเตรียมพระประทีปไว้ทูลเกล้าฯ ถวาย และถวายแด่พระบรมวงศานุวงศ์ด้วย โดยเป็นฝีมือการประดิษฐ์จากเจ้าหน้าที่ฝ่ายพระราชฐานชั้นใน

แปดริ้วจัดย้อนเวลา หาวิถีไทย

เมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ บริเวณถนนมรุพงษ์ ริมฝั่งลำน้ำบางปะกง หน้าโรงพยาบาลเมืองฉะเชิงเทรา ทางเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ได้จัดงานลอยกระทง "ย้อนเวลา หาวิถีไทย" ปีที่ 9 ขึ้นเป็นคืนแรก โดยได้เนรมิตพื้นที่กว่า 30,000 ตร.ม. ให้เป็นบรรยากาศหวนกลับคืนไปสู่บรรยากาศของวิถีชีวิตคนไทยแบบเก่า ด้วยการจัดให้ในพื้นที่ของการจัดงาน เป็นวิถีชีวิตชุมชนคนไทยแบบดั้งเดิม โดยผู้มาร่วมงานต่างพร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยย้อนยุค

นอกจากนี้ยังได้จัดการแสดงนิทรรศการ ภาพถ่าย ทั้งมุมมองของช่างภาพยุคเก่าในอดีต และช่างภาพยุคใหม่ในปัจจุบัน ที่ร่วมกันส่งภาพถ่ายเข้ามาประกวดในหัวข้อ "ภาพเก่าเล่าเรื่อง เมืองฉะเชิงเทรา" และ "ภาพใหม่แปดริ้ว เมืองน่าอยู่" ที่ได้มุมมองอันสวยงามและแปลกตาจากแง่มุมในจุดต่างๆ ที่แม้แต่คนที่อยู่ในพื้นที่ยังคาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นความสวยงามของภาพถ่ายที่ปรากฏต่อสายตาตรงหน้า

สำหรับในค่ำคืนของวันที่ 2 พฤศจิกายน มีการแสดงแสงสี เรื่อง "จากมหานทีแห่งนาคา สู่สายธาราแห่งพญามังกร" พร้อมกับการแสดงพลุ ตระการตา และการประกวดกระทงใบตอง จากวัสดุธรรมชาติ พร้อมกับลอยกระทงแบบ "ย้อนเวลา หาวิถีไทย" ร่วมกันของชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา และผู้ที่เดินทางมาเที่ยวงาน

"ปู่จิ้น" กำชับผู้ว่าฯ ดูแลความปลอดภัย

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ได้กำชับให้ผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ดูแลความปลอดภัยในวันลอยกระทง เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องจับตาดูเป็นพิเศษ ซึ่งตนจะลงพื้นที่ จ.สุโขทัย ไปตรวจความเรียบร้อยด้วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้รับรายงานว่าจะมีการก่อความไม่สงบขึ้นหรือไม่

ส่วนการเล่นประทัด ดอกไม่ไฟนั้น ถ้าเป็นประทัดเล็กๆ คงไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเป็นประทัดใหญ่ก็คงต้องดูแล นอกจากนี้ สำหรับการนำวัสดุต่างๆ มาทำเป็นกระทง เพื่อไม่ให้เกิดมลภาวะทางน้ำ จะต้องไม่นำโฟมมาเป็นอุปกรณ์ในการทำกระทง แต่ควรใช้วัชพืชเช่น ใบตอง ใบไม้ ดอกไม้ต่างๆ มาใช้แทน

เมาไม่ลอย-เมาไม่ขับ

นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า มูลนิธิขอเชิญชวนคนไทยร่วมใจกันลด ละ เลิกพฤติกรรมเสี่ยง โดยเฉพาะการเมาสุราแล้วไปลอยกระทง เพราะนอกจากจะไม่ได้บุญกุศลดั่งปรารถนาแล้วยังอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ และในโอกาสนี้ทางมูลนิธิได้ร่วมรณรงค์ประชาชนให้ "เมาไม่ขับ" และ "เมาไม่ลอย" ตามนโยบายวัฒนธรรมความปลอดภัย ของ วธ. ด้วย

ตรึงกำลังเข้ม 3 จังหวัดชายแดนใต้

พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการกองกำลังผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (ผบ.พตท.) กล่าวว่า วันลอยกระทงตรงกับวันแรกของการเปิดภาคเรียน ทำให้หลายฝ่ายเป็นกังวลว่า กลุ่มแนวร่วมอาจมีความพยายามสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในช่วงนี้ เพื่อสร้างกระแสความรุนแรง ดังนั้น จึงได้กำชับให้ เจ้าหน้าที่ชุดดูแลรักษาความปลอดภัยครูและโรงเรียนในช่วงนี้เป็นไปด้วยความเข้มงวดทุกพื้นที่ 24 ชั่วโมง และรวมไปถึงในพื้นที่ที่มีการจัดงานลอยกระทง ทั้งหมด 38 แห่ง ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ด้วย

กระทงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

นายณรงค์ แพงสาร นายกเทศมนตรีเทศบาล ต.บ้านแพง จ.นครพนม กล่าวว่า งานลอยกระทงที่ อ.บ้านแพง นั้น มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร โดยในช่วงกลางวันมีประเพณีแห่เรือเซิ้ง เป็นแพเรือขนาดใหญ่มุงหลังคาเหมือนบ้านหลังหนึ่ง พร้อมกับนำเครื่องดนตรีพื้นเมืองและนางรำชนเผ่าต่างๆ ลงไปฟ้อนรำในแพเซิ้งอย่างสนุกสนาน ขณะที่แพเซิ้งก็จะล่องในลำน้ำให้ประชาชนริมฝั่งได้ชมกันอย่างตระการตา ซึ่งในแต่ละปีจะมีเรือแพเซิ้งไม่ต่ำกว่า 5 ลำ และมีประชาชนมาเที่ยวที่ อ.บ้านแพง เป็นจำนวนมาก ส่วนตอนกลางคืนก็มีการลอยกระทงและประกวดนางงาม

ด้านนายนิวัติ เจียวิริยะบุญญา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองนคร นครพนม กล่าวว่า งานลอยกระทงของเทศบาล เน้นการอนุรักษ์โดยให้ชาวบ้านแต่ละชุมชนทำกระทงที่ผลิตจากใบตองมาประกวดที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง และร่วมลอยกระทงกัน นอกจากนี้ยังมีการประกวดนางนพมาศอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกระทงที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่เน้นแนวอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะกระทงที่ผลิตจากโคนไอศกรีม ซึ่งนางกานดา นามหม่อง อายุ 32 ปี ชาว อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เล่าว่า มีความคิดที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรักษาสภาพแวดล้อม จึงได้ศึกษาหาวิธีประดิษฐ์กระทงจากโคนไอศกรีมกับเพื่อนนำมาขายในงานลอยกระทง จนเป็นที่สนใจมีประชาชนมาซื้อไปลอยจำนวนมากในปีที่ผ่านมา ปีนี้จึงนำมาขายอีก ซึ่งมีกำไรไม่มากนัก แต่ถือว่าได้มีส่วนช่วยในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่สำคัญคือ ย่อยสลายง่ายและยังเป็นอาหารปลาอีกด้วย
สถานสงเคราะห์คนชราจัดงาน

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน นางณัชชา สีมันตธรรมกุล นักสังคมสงเคราะห์ 7 ว.รักษาการหน้าที่ ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์วัดม่วง ถ.สุรนารี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่บ้านพักคนชรา ร่วมจัดงาน เทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2552 ให้แก่ผู้สูงอายุภายในบ้านพักคนชรา จำนวน 96 คน เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีลอยกระทงและสร้างความสนุกสนานผ่อนคลายความตึงเครียดให้แก่ผู้สูงอายุ

โดยภายในกิจกรรมนอกจากจะเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุให้ร่วมกันลอยกระทงตามประเพณีของไทยแล้วยังจัดให้มีการแสดง และการละเล่นต่างๆ เพื่อสร้างความบันเทิง อาทิ การประกวดนางนพมาศ ผู้สูงอายุ การเต้นรำวงแหย่ไข่มดแดงประกอบเพลง ซึ่งบรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความสนุกสนานสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้แก่ผู้สูงอายุภายในสถานสงเคราะห์ได้เป็นอย่างดี

นางเฉลิมศรี กลีบบัว อายุ 63 ปี หนึ่งในผู้สูงอายุที่อยู่ภายในสถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์ วัดม่วง กล่าวว่า รู้สึกดีใจและสนุกสนานกับกิจกรรมวันลอยกระทงที่จัดขึ้นในวันนี้เป็นอย่างมาก โดยในวันนี้หลังจากที่ได้ลอยกระทง ตนเองได้อธิษฐานให้ตนเองมีความสุขไม่ให้มีโรคภัยมาคุกคาม

"เหนือสิ่งอื่นใด ได้อธิษฐานให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงสมบรูณ์ พระชนมพรรษายิ่งยืนนาน เพื่อเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติสืบไป" นางเฉลิมศรีกล่าว

นายเฉลิมศรีกล่าวด้วยว่า ฝากเตือนเยาวชนให้ช่วยกันสืบสานประเพณีไทย ลอยกระทงตามวิถีไทย อย่าถือโอกาสนี้ไปทำอะไรที่ไม่ควร เพื่อช่วยกันอนุรักษ์ประเพณีไทยที่ดีงามอย่างนี้ต่อไป

เหยื่อประทัดงาน "ยี่เป็ง" รวม 15 ราย

ทพ.สุรสิงห์ วิศรุตรัตน์ รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เทศกาลฉลองยี่เป็งเชียงใหม่ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม-3 พฤศจิกายน นั้น ปรากฏว่าสองคืนแรก สถิติผู้ได้รับบาดเจ็บจากการเล่นประทัดยักษ์ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐและสถานีอนามัยในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งหมด 15 คน โดยส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บจากประทัดระเบิดใส่มือและร่างกาย

"นอกจากอุบัติเหตุจากการเล่นประทัดแล้ว อยากฝากเตือนประชาชนให้ระวังอุบัติเหตุจราจรด้วย โดยเฉพาะกลุ่มที่ดื่มสุราเฮฮาฉลองเทศกาลดังกล่าว อาจส่งผลร้ายต่อตัวเองและคนอื่นให้ได้รับความเดือดร้อน" ทพ.สุรสิงห์กล่าว

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook