ไทยฮึ่มตอบโต้เขมรถอนทูต!

ไทยฮึ่มตอบโต้เขมรถอนทูต!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ระงับความช่วยเหลือ ฐานแทรกแซงกิจการภายใต้''แม้ว''ทวิตหยันทำไมเด็กจัง

ปัญหาไทย-เขมรบานปลายบัวแก้วเรียนทูกประจำพนมเปญกลับตอบโต้ตั้งแม้วเป็นที่ปรึกษา พร้อมเตรียมลงดาบซ้ำอีกยกทบทวนความช่วยเหลือทุกชนิดยันต้องทำเพื่อเรียกเกียรติภูมิกลับมา ขณะที่เขมรเตรียมตอบโต้ด้วยการเรียกทูตกลับเช่นกัน โวยไม่เข้าใจท่าทีรัฐบาลไทยชุดนี้ ส่วนกองทัพเผยยังไม่เรียกทูตทหารกลับเพราะไม่ต้องการปิดช่องทางเจรจา ขณะที่ ทักษิณซัดรัฐบาลโอเวอร์รีแอ๊ค ทำตัวเป็นเด็กเรียกทูตกลับ ฝ่ายพาณิชย์ยอมรับตอบโต้แบบนี้กระทบการค้าแน่ ด้าน เทพเทือก ยืนกรานทำตามกฎกติกา ถ้า แม้ว โผล่ที่เขมรก็ต้องทำเรื่องขอตัวแต่จะให้หรือไม่ค่อยมาว่ากันอีกที ด้าน ส.ว. ตะเพิด มาร์ค-เทพ พ้นตำแหน่งเหตุไร้น้ำยา

* เขมรตั้ง แม้ว ไม่ใช่หักหน้า

เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตั้ง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจว่า ยังไม่ต้องทบทวนท่าทีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เราต้องแยกแยะระหว่างเรื่องภายในของแต่ละประเทศกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ละประเทศรัฐบาลมีสิทธิที่จะแต่งตั้งใครรับตำแหน่งอะไรก็ได้ โดยที่ไม่มีสิทธิเข้าไปแทรกแซง

รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงกล่าวต่อว่า กรณีข้อตกลงการส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่เราได้ทำกันไว้นั้น หากคนที่เราต้องการตัวไปอาศัยอยู่ในประเทศเขา เราก็ส่งหนังสือไปตามกระบวนการกฎหมายระหว่างประเทศ ถ้าเขาไม่ให้ค่อยมาพิจารณาว่าเป็นการกระทำผิดตามข้อตกลงหรือไม่อย่างไร เรื่องนี้ต้องว่ากันไปทีละขั้น ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่กัมพูชาตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษาถือเป็นการหักหน้ารัฐบาลไทยหรือไม่ นายสุเทพกล่าวติดตลกว่า เราก็อย่ายื่นหน้าให้เขาหัก เราต้องเก็บหน้าเอาไว้ให้ดี

* ไม่หวั่นเกิดปัญหาชายแดน

เป็นเรื่องของเขาที่เขาจะตั้งใครก็ได้ สมมุติว่ารัฐบาลไทยเกิดอยากจะตั้งนายสม รังษี ขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาบ้าง อาจจะไม่ถูกใจนายฮุนเซนมันก็เป็นเรื่องของเรา นาย สุเทพกล่าว เมื่อถามว่า เป็นการท้าทายกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือไม่ นาย สุเทพกล่าวว่า ตนไม่มองเช่นนั้นตนแยกแยะได้ แต่ละประเทศมีกฎหมายของตัวเอง เมื่อตอนขอตัวนายราเกซจากศาลแคนนาดา ก็ต้องสู้กันนานถึง 13 ปี กว่าจะตัวกลับมา ดังนั้นต้องว่ากันตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การกระทำของกัมพูชาครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ นายสุเทพกล่าวว่า ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาจะดูเป็นกรณีไป แต่ยืนยันในหลักการว่าไทยต้องอยู่ร่วมกับ ประเทศเพื่อนบ้านอย่างสันติ แต่ถ้าเขารุกล้ำอธิปไตยของเรานั่นก็เป็นเรื่องที่เราต้องลุกขึ้นมาปกป้อง ผลประโยชน์ของประเทศชาติจะเอาไปแลกกับความโกรธชอบหรือไม่ชอบไม่ได้ เพราะมันไม่สนุกที่จะไปทะเลาะกับประเทศเพื่อนบ้าน เพียงเพราะมีผู้ต้องหาหนีศาลคนหนึ่งเท่านั้น มันไม่คุ้มกัน

* เชื่อไม่กล้าเสี่ยงทะเลาะกับไทย

ผมไม่กลัวว่าจะเกิดปัญหาชายแดนขึ้น เพราะกัมพูชาคงไม่พร้อมที่จะมาทะ เลาะกับไทย เขาจะชอบ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเขา แต่เขาคงไม่คิดอยากจะมาทะเลาะกับเรา และไม่จำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์ชายแดนไทยกัมพูชา แค่ดูแล ไม่ให้มีการปะทะกัน เพราะถ้าเกิดปัญหาขึ้นคงไม่ดีสำหรับประเทศ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากฝากบอกอะไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ฝาก พ.ต.ท.ทักษิณ จะทวิตเตอร์หรือโฟนอินก็ตาม เขาทำโดยมีเป้าหมายอยู่แล้วว่าต้องการให้ประเทศไทยปั่นป่วนเข้าไว้ ตอนนี้รอว่า เมื่อเรามีหลักฐานชัดเจนว่า พ.ต.ท. ทักษิณเข้าไปพำนักในกัมพูชาชัดเจนแล้ว เราก็ดำเนินกฎหมายระหว่างประเทศตามข้อตกลง ขอให้เขาส่งตัวกลับมา เมื่อนั้นกระทรวงการต่างประเทศกับสำนักงานอัยการสูงสุดต้องแสดงท่าที

* ซัด จิ๋วทำงานให้ แม้ว

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การที่ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เดินทางไปพบผู้นำกับประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลต้องระวังปัญหาที่จะตามมาเหมือน กรณีกัมพูชาหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า พล.อ.ชวลิตกับ พ.ต.ท. ทักษิณทำงานประสานกันอยู่แล้ว ชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ชวลิตมาทำงานในพรรคเพื่อไทย ก็เพื่อรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่ว่าทั้ง พล.อ. ชวลิต และ พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินสายไปพูดให้ทั่วอย่างไร ประเทศเหล่านั้นก็ไม่มีใครเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทยได้

เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่ว่าอนาคตกัมพูชาจะเป็นภัยคุกคามของไทย เพราะขณะนี้เขามีการเพิ่มงบฯในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่คิดว่าเขาจะเป็นภัยคุกคามต่อประเทศ ตนเชื่อว่าประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ ไม่มีใครอยากมีปัญหา เพราะทุกคนอยากอยู่อย่างสันติกับประเทศเพื่อนบ้านและร่วมมือด้านเศรษฐกิจซึ่งกันและกัน

* ส.ว.ลากตั้งยุตอบโต้เขมร

ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว.กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซนแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวและที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ พร้อมยืนยันจะไม่ส่งตัวให้กับทางการไทยว่า การกระทำดังกล่าวรัฐบาลกัมพูชากล่าวหากระบวนการการยุติธรรมของไทยอย่างรุนแรง เพราะรู้อยู่แล้วว่าคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคดีการทุจริต รัฐบาลไทยต้องออกแถลงการณ์ตอบโต้และประณามรัฐบาลกัมพูชาที่กระทำการหมิ่นศักดิ์ศรีประเทศไทย และต้องตัดความสัมพันธ์กับรัฐบาลกัมพูชาทันที ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซน ก็ตัดความสัมพันธ์ไปเลย

ประชาชนต้องออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลตอบโต้กัมพูชา เพราะถือเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีประเทศ รัฐบาลไทยต้องบอกว่า การเอานักโทษหนีคดีจากประเทศของเราไปเป็นที่ปรึกษาเป็นเรื่องไม่เหมาะสม เราต้องตอบโต้ไปว่าเรารู้สึกอย่างไรไม่ใช่แค่ยืนให้สัมภาษณ์ รัฐบาลไทยต้องมีท่าทีที่เข้มแข็งเหมือนรัฐบาลเวียดนามที่มีข้อพิพาทเรื่องเขตแดนกับกัมพูชา และออกแถลงการณ์โจมตีทันทีจนสมเด็จฮุนเซนไม่กล้าพูดอะไร นายไพบูลย์ กล่าวและว่า ท่าทีของนายสุเทพที่บอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซนนั้น ตนเห็นว่านายกฯและรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงของไทยอ่อนแอไร้น้ำยา ควรพ้นตำแหน่งไปได้แล้ว

* มาร์คขู่งดการช่วยเหลือเขมร

ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า ช่วงเช้าได้เรียก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เข้าหารือที่บ้านพิษณุโลกถึงกรณีที่รัฐบาลกัมพูชาได้แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฮุน เซน โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นนายกฯได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อต้อนรับ มร.แอรอน เอส.วิลเลี่ยม ผอ.หน่วยสันติภาพสหรัฐ

จากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภายหลังการประชุมเสร็จสิ้นนายกฯได้หารือเป็นการส่วนตัวกับนายสุเทพและนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ประมาณ 15 นาที อย่างไรก็ตามนายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภาถึงกรณีดังกล่าวว่า การแถลงแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชา มีส่วนที่พาดพิงมาถึงกระบวนการยุติธรรมของไทยและกระทบกับความรู้สึกของประชาชนพอสมควร ขณะนี้ทางกระทวงการต่างประเทศจะดำเนินการตอบโต้ตามมาตรการทางการทูต ความร่วมมือที่รัฐบาลกัมพูชาเคยร้องขอมานั้นเราก็คงต้องพิจารณา แต่จะไม่มีการปิดชายแดนเพราะการค้าขายเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชน 2 ประเทศ

* บัวแก้วเล่นแรงเรียกทูตกลับ

วันเดียวกันกรมสารนิเทศกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณีกัมพูชาแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษาและจะไม่ส่งตัวให้กับไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนว่า รัฐบาลได้ชี้แจงกับกัมพูชาแล้วว่าความสัมพันธ์ทั้ง 2 ประเทศต้องอยู่เหนือความสัมพันธ์ส่วนตัว การดำเนินการของฝ่ายกัมพูชากระทบต่อความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้หลบหนีคดีอาญา

แถลงการณ์ระบุด้วยว่า การแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษา ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทย และเป็นการ ปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมของไทย ให้ความสัมพันธ์และผลประโยชน์ส่วนบุคคลอยู่เหนือความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ รัฐบาลไทยจึงนิ่งเฉยไม่ได้ และมีความจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อให้กัมพูชารับรู้ถึงความไม่พอใจของประชาชน ทำให้รัฐบาลต้องทบทวนสถานะความสัมพันธ์ด้วยการเรียกเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญกลับ พร้อมทบทวนพันธกรณีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับฝ่ายกัมพูชา และทบทวนความร่วมมือต่าง ๆ ที่รัฐบาลไทยดำเนินการกับกัมพูชา

* ยันต้องปกป้องสิทธิ

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุด เลขานุการรัฐมนตรีต่างประเทศ แถลงว่า แถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชา ชี้ชัดว่าไม่ สามารถแยกผลประโยชน์ของประเทศออกจากความสัมพันธ์ส่วนบุคคลได้ การแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาจึงเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศ และไม่ยอมรับต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย กระทรวง จึงต้องดำเนินการเพื่อปกป้องสิทธิด้วยการเรียกตัวเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนม เปญกลับ และทบทวนพันธกรณีทั้งหมดกับรัฐบาลกัมพูชา

ต่อข้อถามว่า ในโอกาสที่ไทยจะได้พบกับกัมพูชาในการประชุมประเทศกลุ่มลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น ที่ประเทศญี่ปุ่น จะมีการพูดคุยกันหรือไม่ นายชวนนท์กล่าวว่า เราจะไม่เป็นฝ่ายไปขอหารือกับกัมพูชาแน่นอน ถ้าเขาจะมาชี้แจงก็ต้องดูกันอีกที ต่อข้อถามว่า การทบทวนพันธกรณีจะรวมถึงการเรียกคืนเงินกู้ที่รัฐบาลไทยปล่อยให้หรือไม่ นายชวนนท์กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่หมายความว่าไม่ว่าจะเป็นความตกลง หรือเอ็มโอยูทางบกทางทะเล เมื่อถามว่าจะทบทวนเรื่องเจบีซีหรือไม่ นายชวนนท์กล่าวว่า เจบีซีอยู่ในขั้นตอนที่จะนำบันทึกการประชุมเสนอต่อรัฐสภา ก็คงต้องปล่อยไปตามนั้นก่อน

* ยังไม่ไล่ทูตกลับขอดูท่าที

เมื่อถามว่า จะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศหรือไม่ นายชวนนท์กล่าวว่า เราพยายามรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ถึงวันนี้เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลไทยต้องแสดงออกถึงการปกป้องถึงสิทธิและเกียรติภูมิของประเทศไทย เมื่อถามว่า ต้องประสานฝ่ายทหารให้เตรียมตัวหรือไม่ เพื่อความพร้อมรับสถานการณ์ตามแนวชายแดน นายชวนนท์กล่าวว่า ทุกฝ่ายต้องนั่งดูว่าแต่ละฝ่ายที่มีหน้าที่รับผิดชอบต้องดำเนินการอย่างไร ยืนยันว่าไม่ต้องการให้เกิดการปะทะ เมื่อถามว่า เหตุใดจึงไม่ไล่ทูตกัมพูชาออกนอกประเทศไทย นายชวนนท์กล่าวว่า เราดำเนินการในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพวกเราก่อน ส่วนเรื่องอื่นขอพิจารณากันอีกที

* เทือกรอดูท่าทีผู้นำเขมร

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศแถลงลดระดับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า ที่ตนพูดเมื่อเช้าเพราะยังไม่เห็นเอกสารคำแถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชา เมื่ออ่านเอกสารของกัมพูชาโดยละเอียดแล้วก็เห็นว่ากัมพูชามาตัดสินเราเองว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยเป็นเรื่องการเมือง

เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าเรื่องนี้จะทำให้เกิดปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชา นายสุเทพ กล่าวว่าไม่ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปขึ้นอยู่กับท่าทีของผู้นำ ถ้ามีท่าทีที่สวนกับกระแสความรู้สึกของคนไทยก็ทำให้กระทบกระเทือนเรื่องการคบค้าสมาคม แต่ถ้าทำเท่าที่พูดคือบอกว่าเป็นเพื่อนกันตั้งเป็นที่ปรึกษาแค่นี้ก็จบ

* หน่วยงานความมั่นคงเห็นด้วย

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิ การนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯได้หารือกับฝ่ายความมั่นคงทั้งหมดแล้ว การตัดสินใจครั้งนี้เป็นความเห็นพ้องต้องกันของทุกฝ่าย เห็นได้ชัดว่ากัมพูชาไม่สามารถแยกแยะได้ระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับตัวบุคคล เราจึงไม่มีทางเลือกต้องตัดสินใจเช่นนี้

เราเคารพการตัดสินใจของกัมพูชา ซึ่ง รมว.การต่างประเทศ กำลังหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงว่าจะทบทวนสถานะความ สัมพันธ์ทางการทูตรวมไปถึงทบทวนถึงพันธกรณีต่าง ๆ ว่าจะลดระดับความสัมพันธ์ลงเหลือระดับใด รวมไปถึงเรื่องของพันธกรณีต่าง ๆ ว่าพันธกรณีใดจะถูกยกเลิกบ้าง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

* พาณิชย์เชื่อกระทบลงทุน

ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช. พาณิชย์ กล่าวถึงการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและกัมพูชาว่า จะกระทบต่อการค้าและการลงทุนแน่นอน แต่ยังประเมินความเสียหายไม่ได้ คาดว่าทางนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ จะหารือกับนายอภิสิทธิ์ระหว่างการเยือนประเทศญี่ปุ่น

นายสมมาต ขุนเศษฐ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เห็นด้วยที่รัฐบาลไทยตอบโต้ทางการทูตกับกัมพูชา เพราะเป็นเรื่องศักดิ์ศรีของประเทศ การตอบโต้ทางการทูตคงไม่กระทบการค้าและการลงทุนมากนัก ภาคเอกชนทั้ง 2 ฝ่ายก็เจรจาธุรกิจกันปกติ แต่สิ่งที่กังวลมากคือหากเกิดความตึงเครียดถึงขั้นปิดชายแดน จะส่งผลต่อการค้าการลงทุนอย่างหนัก

* เผยธุรกิจไทยในเขมร

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรม การส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แจ้งว่า การลงทุนของไทยในกัมพูชาที่สำคัญ ได้แก่ การผลิตอ้อยและน้ำตาลของกลุ่มบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ธุรกิจภาคการขนส่งเพื่อสร้างท่าเรือ โดยบริษัทในกลุ่มบริษัทน้ำตาลขอนแก่นของไทย และการลงทุนของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ ปูนซีเมนต์ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจเกี่ยวกับโรงงานผลิต รองเท้า โรงงานผลิตน้ำตาล โรงงานผลิตปูนซีเมนต์ การผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ธุรกิจการท่องเที่ยว

นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว กล่าวว่า การท่องเที่ยวคงกระทบไม่มาก คนไทยคงไปเที่ยวลดลง 40-50% เพราะกังวลปัญหาความขัดแย้งและความปลอดภัย ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาต่อเครื่องจากไทยไปกัมพูชาก็ลดลงนานแล้ว ขณะที่บริษัทนำเที่ยวหลายรายที่เคยทำโปรแกรมนำเที่ยวไปกัมพูชา โดยเฉพาะนครวัด-นครธม ก็เปลี่ยนโปรแกรมไปยังประเทศอื่นทดแทนแล้ว

* เขมรเตรียมตอบโต้เรียกทูตกลับ

แหล่งข่าวระดับสูงในรัฐบาลกัมพูชาเปิดเผยว่า รัฐบาลกัมพูชาไม่เข้าใจกับท่าทีของรัฐบาลไทยชุดนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาแบบนี้มาก่อน เราเป็นประเทศเพื่อนบ้านกันมีอะไรก็คุยกันได้ การที่รัฐบาลกัมพูชาแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เราไม่เคยได้รับประโยชน์อะไรจากกรณีนี้ มีแต่เสียประโยชน์ เมื่อรัฐบาลไทยมีทีท่าเช่นนี้ทางรัฐบาลกัมพูชาก็คงต้องทบทวนในเรื่องการเรียกตัวเอกอัครราชทูตกัมพูชากลับประเทศเช่นกัน ที่ผ่านมากัมพูชาคิดว่าประเทศไทย เป็นเพื่อนบ้านที่ดีตลอดมา

รายงานข่าวทางด้านความมั่นคงของกองทัพไทยเปิดเผยว่า ในส่วนของผู้ช่วยทูตทหารของไทยทางกองทัพยังคงไม่เรียกกลับมา ไม่เช่นนั้นจะเป็นการปิดช่องทางทางการทูตหมดทุกด้าน ซึ่งจะไม่เป็นผลดีแน่นอน เราจึงต้องเหลือช่องทางในการติดต่อไว้บ้าง อย่างไรก็ตาม เราเป็นห่วงเรื่องปัญหาตามแนวชายแดนที่อาจจะเกิดความรุนแรงขึ้นได้ทุกเมื่อ

* แม้วจวกโอเวอร์รีแอค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้โพสต์ข้อความผ่านทางเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ภายหลังได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจสมเด็จฮุนเซนว่า ขอบคุณท่านฮุน เซน เพิ่งส่งสำเนาที่ Ki* g สีหมุนี ทรงโปรดเกล้ามาให้ผม นับเป็นเกียรติแต่คงไม่สนุกเหมือนลงมือทำเองให้คนไทยหายจน ผมขออนุญาตพี่น้องคนไทยไปให้คำปรึกษาด้านเศรษฐกิจกับรัฐบาลกัมพูชาตามที่มีโปรดเกล้าจาก ki* g สีหมุนีไปพลางก่อนที่จะมีโอกาสได้มารับใช้พี่น้องใหม่ ตอนนี้ผมก็ได้ให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลอื่นอยู่แล้วครับ ถือว่าเป็นการลับสมองไว้ถ้าไม่ใช้ไม่ติดตามข้อมูลและความรู้ใหม่ ๆ ก็จะขึ้นสนิมหมดครับ อยากทำงานให้คนไทยก็ไม่ได้แม้กระทั่งพาสปอร์ตเขายังไม่ให้ถือ ยศก็จะถอดเครื่องราชก็จะเอาคืน ถ้ายึดเชื้อชาติและสัญชาติได้ก็คงจะทำ โทษฐานทำงานมากไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังทางการ ไทย เรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเว็บไซต์ทวิตเตอร์อีกครั้งว่า คงพูดได้คำเดียวครับว่าทำไมเด็กจัง over react ไป? เอสเอ็มเอสผมถูกรัฐบาลสกัด มันกลัวไปทุกเรื่อง ปิดข่าวบิดเบือนทุกอย่าง แต่เที่ยวไปบอกต่างประเทศว่าเป็นประชาธิปไตย

* ลุงจิ้น หนุน มานิต สุดตัว

ส่วนการเมืองอื่นนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข ที่ กกต. มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพิกถอน จากการเป็นรัฐมนตรี เนื่องจากถือหุ้นต้องห้ามว่า ต้องนำเรื่องเข้าหารือกันในที่ประชุมพรรคในวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งนายมานิตยินดีที่จะปฏิบัติตามคำตัดสิน แต่ต้องเดินตามครรลองของกฎหมาย คือ กกต.ต้องนำเรื่อง เสนอศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ต้องดำเนินการ

เมื่อถามว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยืนตามความเห็น กกต.จะเสนอใครขึ้นมาใหม่หรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า นายมานิตทำงานดีไม่มีความบกพร่อง ก็อาจจะมีการตั้งนายมานิตขึ้นมาใหม่ก็ได้ แต่จะเสนอใหม่หรือไม่ ต้องอยู่ที่กรรมการบริหารพรรค การขาดคุณสมบัติในเรื่องการถือหุ้นเมื่อรัฐธรรมนูญ 2550 เขียนไว้อย่างนั้นก็ต้องปฏิบัติตาม

* น้องยิ้มสละโสดรับลมหนาว

วันเดียวกันที่โรงแรมคอนราด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย บุตรชายนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้สวมแหวนหมั้น น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย บุตรสาวนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย หลังจากคบหาดูใจกันมานานร่วม 2 ปี ท่ามกลางความยินดีของญาติและเพื่อนฝูง โดยมี ส.ส.และนักการเมืองชื่อดังร่วมแสดงความยินดีคับคั่ง และหลังจากนี้ประมาณ 1 เดือนจะมีพิธีเลี้ยงฉลองสมรสหลังเข้ารับพระราชทานน้ำสังข์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายปฏิเสธที่จะเปิดเผยจำนวนสินสอด

ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวเรียกร้องให้นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ชี้แจงกรณีการจัดซื้อรถเข็นกระเป๋าในการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีความไม่ชอบมาพากลมีราคาแพงเกินจริงเกือบ 600 ล้านบาทว่า นายโสภณอย่านิ่งเฉยทำตัวเป็นเตมีย์ใบ้ ไม่ เช่นนั้นอาจจะถูกมองว่าเรื่องทั้งหมดมีมูลว่าอาจมีเงินก้อนใหญ่ตกหล่นใส่มือกลุ่มผลประโยชน์ หากนายโสภณไม่ชี้แจงทางพรรคจะเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายอภิสิทธิ์ ป.ป.ช. สตง. และ ดีเอสไอ ในวันที่ 9 พ.ย.

* ทูตไทยกลับถึงประเทศกลางดึก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่รัฐบาลมีคำสั่งเรียกทูตกลับประเทศ ทำให้นายนายประศาสน์ ประศาสนวินิจฉัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ต้องเดินทางกลับอย่างเร่งด่วน โดยได้เดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ด้วยสายการบินไทยเที่ยวบิน ทีจี 585 เมื่อเวลา 22.15 น.

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลยังไม่ได้สั่งการอะไรมายังกองทัพ การปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนยังเป็นไปตามปกติ ผบ.กองกำลังไทยกับกัมพูชาประสานงานกันตลอด ความสัมพันธ์ทางทหารยังคุยกันได้ ผู้ช่วยทูตทหารไทยในกัมพูชายังคงปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม จากการตรวจสอบสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังเป็นปกติ ทหารทั้งสองฝ่ายรักษาพื้นที่ตามเดิม

* เขมรตอบโต้เรียกทูตกลับ

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาว่า รัฐบาลกัมพูชาได้เรียกเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยกลับกัมพูชา โดยนายสก อัน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาแถลงเรื่องนี้ในไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่รัฐบาลไทยเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศไทย อันเนื่องจากข้อครหาที่เกิดจากการที่รัฐบาลกัมพูชาแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจ

รัฐบาลกัมพูชาตัดสินใจเรียกเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย นางยู อัย และจะกลับมาทำหน้าที่เอกอัครราชทูตกัมพูชาอีกครั้ง ทันทีที่เอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชา กลับมาปฏิบัติหน้าที่ในกัมพูชา รองนายกรัฐมนตรีสก อัน กล่าว.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook