ปิดบัญชีแล้ว ยอดบริจาคเกือบล้าน ช่วยคุณยายเจอหลานหนี้ท่วมเอาโฉนดไปจำนอง

ปิดบัญชีแล้ว ยอดบริจาคเกือบล้าน ช่วยคุณยายเจอหลานหนี้ท่วมเอาโฉนดไปจำนอง

ปิดบัญชีแล้ว ยอดบริจาคเกือบล้าน ช่วยคุณยายเจอหลานหนี้ท่วมเอาโฉนดไปจำนอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลานสาวโผล่รับสารภาพ นำโฉนดที่ดินยายไปจำนองจริง อ้างพิษโควิดทำตกงาน ไม่มีเงินส่ง

จากกรณี คุณยายมิตร์ เกรียมมะเริง วัย 84 ปี อาศัยอยู่ในชุมชนเมือง จ.นครราชสีมา ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก กำลังจะถูกยึดบ้าน อาศัยอยู่กับเหลนตามลำพัง ลูกไม่เหลียวแล ส่วนหลานสาวติดหนี้นอกระบบ เอาโฉนดที่ดินและบ้านที่อยู่อาศัย ไปจำนองกับนายทุน แต่ขาดส่ง เจ้าหนี้จึงเร่งรัดให้รีบหาเงินมาปลดหนี้ ก่อนจะถูกยึดบ้านไร้ที่ซุกหัวนอน

ก่อนที่จะมีพลเมืองดีจะเข้ามาช่วยเหลือเปิดบัญชีรับบริจาคเพื่อมาไถ่โฉนดที่ดินคืน ซึ่งขณะนี้คุณยายมิตร์ได้เดินทางไปทำการปิดเดินทางไปทำการปิดบัญชีรับบริจาคที่ธนาคารกรุงศรี สาขาตลาดเซฟวัน เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา

หลังจากมีประชาชนได้ทราบถึงความเดือดร้อนของคุณยาย ทำให้ยอดบริจาคตอนปิดบัญชี อยู่ที่ 937,765 บาท ซี่งเพียงพอต่อการไถ่โฉนดที่ดินคืน ซึ่งมีจำนวนเงินอยู่ที่ 370,000 บาท

ล่าสุด วันนี้ (24 ก.ย.) นางสาคร  ลาภวิบูลย์สุข หัวหน้าชุดข้าง สภ.โพธิ์กลาง กู้ภัยฮุก 31 ที่เป็นผู้ดูแลคุณยายมิตร์ ได้ติดต่อไปยัง น้องพิม ซึ่งเป็นหลานของยายมิตร์ ที่เป็นคนนำโฉนดที่ดินของคุณยายมิตร์ไปจำนอง

โดย น้องพิม เล่าว่า ตนนั้นได้นำโฉนดไปจำนองจริง โดยเริ่มจากนำโฉนดไปกู้เงินกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่งในวงเงิน 5 หมื่นบาท เพื่อนำเงินมาใช้หนี้นอกระบบ แต่ไม่สามารถปิดยอดหนี้ได้จึงโทรไปขอเพิ่มวงเงินเพื่อมาชำระหนี้อีก 5 หมื่นบาท โดยร่วมดอกแล้วประมาณ 110,000 บาท แล้วเดินทางไปทำงานต่อที่ กทม.

แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดเลยทำให้ส่งต่อไม่ไหว จนต้องนำโฉนดไปสถาบันการเงินอีกที่หนึ่งเพื่อกู้เงินออกมาใช้หนี้ให้กับที่เก่า พร้อมกับนำเงินส่วนต่างที่ได้เพิ่มไปปิดค่างวดรถ จากนั้นตนเองต้องการนำโฉนดที่ดินออกมาเลยโพสต์ข้อความไปยังเพจเพจหนึ่งเพื่อหาคนมาช่วยในการนำโฉนดที่ดินออกมา

หลังจากนั้นได้รับการติดต่อจากอาจารย์ที่เคยสอนตอนเรียนมัธยม ว่าจะหาคนมาช่วยนำโฉนดที่ดินออกมาให้ด้วยวงเงิน 2 แสนกว่าบาท โดยมีเงื่อนไขต้องผ่อนชำระเดือนละ 6,000 บาท ซึ่งตนผ่อนได้แค่เดือนเดียว เพราะตกงานจากโควิด-19 ผ่อนต่อไม่ไหว จึงได้ติดต่อไปยังตัวแทนของเจ้าหนี้เพื่อขอเจรจา

โดยฝั่งเจ้าหนี้ได้ทำสัญญาซื้อขายขึ้นมาพร้อมกับรบุว่าสามารถซื้อคืนได้ ด้วยวงเงินในการซื้อขาย 350,000 บาท ซึ่งทางฝั่งตัวแทนของทางเจ้าหนี้ก็ยินดีให้ตนซื้อคืน พร้อมกับบอกว่าจะรอให้มาซื้อคืนถ้ามีเงินพร้อม ซึ่งตนขอยอมรับผิดทั้งหมด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook