รวบค้าอาวุธสงครามแลกยาบ้าล็อตใหญ่

รวบค้าอาวุธสงครามแลกยาบ้าล็อตใหญ่

รวบค้าอาวุธสงครามแลกยาบ้าล็อตใหญ่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รวบอดีตดาบตำรวจกับพวกขนยาบ้า 4หมื่นเม็ดซุกคอมพ์ฯ ขึ้นรถทัวร์ ค้นบ้านพบอาวุธสงครามร้ายแรงเพียบ สารภาพค้าอาวุธสงครามแลกยาบ้า

เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้(9 พ.ย.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดภาคเหนือ(บช.ปส.) จ.เชียงใหม่ หน่วยงานปราบปรามยาเสพติดและความมั่งคง นำโดย พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ต.อติเทพ ปัญจมานนท์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.สิทธิพร ศรีจันทร์ทับ รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว ผบก.อก.ภาค 5 หัวหน้าศูนย์ปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 5 นายพรเทพ เอี่ยมประไพ ผอ.ปปส.ภาค 5 พ.ท.ศักดิ์สิทธิ์ นิลจันทร์ ตัวแทนกองทัพภาคที่ 3 และพ.ต.อ.สถิตย์ บุญชัย ผกก.5บก.ทล.ตัวแทนตำรวจทางหลวง ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมแก๊งค้าอาวุธสงครามแลกยาบ้ารายใหญ่ ได้ผู้ต้องหา 6 คน

ประกอบด้วย จ.ส.ต.ศรียนต์ การเก่ง อายุ 43 ปี หัวหน้าแก๊ง บ้านเดิมอยู่เขตประเวศ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นอดีตตำรวจในกรุงเทพฯ , นางบัวแก้ว วิสุด อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 175 หมู่ 5 ต.สันกลาง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ภรรยา , จ.ส.ต.พัชร หรือจ่ายศ ซิบเข อายุ 55 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.นนทบุรี เป็นอดีตตำรวจ จ.เพชรบุรี , นายวีรพันธ์ ปิยะโชติ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98/1 หมู่ 6 ต.เหมืองแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ , นายตอนะ ไม่มีนามสกุล อายุ 26 ปี ถือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย อยู่ ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน และนายจะสอ ไม่มีนามสกุลสัญชาติพม่าที่อยู่สหภาพพม่า

พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 40,000 เม็ด เครื่องคอมพิวเตอร์ และอาวุธสงครามร้ายแรงหลายรายการ ได้แก่อาวุธปืนเล็กกลเอ็ม 16 จำนวน 3 กระบอกพร้อมแม็กกาซีนขนาดบรรจุ 20 นัด จำนวน 3 อัน , กระสุนปืนเล็กกล ขนาด 5.56 มม. ประมาณ 3,000 นัด , อาวุธปืนพกออโตเมติกขนาด 11 มม . (กล็อค 30 ) จำนวน 1 กระบอกพร้อมแมกกาซีน 2 อัน , กระสุนปืนออโตเมติกขนาด 11 มม . จำนวน 15 นัด , ดินระเบิดทีเอ็นที ขนาด 1 ปอนด์และครึ่งปอนด์รวม 48 แท่ง น้ำหนักรวมประมาณ 34 ปอนด์ , เชื้อประทุไฟจำนวน 9 กล่อง รวม 54 อัน และกระสุนระเบิดชนิดเอ็ม 79 จำนวน 207 นัด

โดยแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนซึ่งนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย และมีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาได้สองรายแรกก่อนคือนายวีรพันธ์ และจ.ส.ต.พัชร หลังขับรถยนต์จี๊ป ยี่ห้อเชอโรกีนำห่อยาบ้าซึ่งซุกซ่อนไว้ในซีพียูคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ ซึ่งบรรจุกกล่องลงชื่อผู้ส่งเป็น จ.ส.ต.ศรียนต์ ไว้ที่หน้ากล่องแล้วส่งขึ้นรถทัวร์นำไปส่งมอบให้ปลายทางที่กรุงเทพฯ หลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบมียาบ้า 40,000 เม็ดอยู่ภายในตรงกับที่สืบสวนมา จึงได้ส่งกำลังออกติดตามจับกุมตัวทั้งสองไว้ได้ที่สี่แยกไฟแดงตลาดรวมโชค อ.สันทราย จากนั้นได้กระจายกำลังเข้าตรวจค้นตามจับกุมเครือข่ายเพิ่มเติมที่โรงแรมและศูนย์อาหารตลาดแม่โจ้ อ.สันทรายได้อีก 4 คน เมื่อขยายผลเข้าตรวจค้นบ้านที่ จ.ส.ต . ศรียนต์ เช่าอยู่กับนางบัวแก้ว ภรรยาในเขต อ.สันทราย จึงพบว่ามีอาวุธสงครามเป็นจำนวนมากดังกล่าว จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบสวนและแถลงข่าว

พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผู้บัญชาการตำรวจ ปราบปรามยาเสพติด กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้ถือเป็นรายใหญ่ ซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบค้าอาวุธสงครามเพื่อแลกกับยาบ้า จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาไปรับยาบ้ามาจากพื้นที่ภาคเหนือเพื่อจะส่งไปปลายทางที่กรุงเทพฯ โดยใช้วิธีการแลกยาบ้ากับอาวุธสงครามที่ไปรับมาจาก จ.กาญจนบุรี เพื่อจัดส่งไปให้กับชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงดีเคบีเอที่ จ.เชียงราย ซึ่งคิดมูลค่าของกลางอาวุธสงครามตกอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาท ส่วนยาบ้า 40,000 เม็ดนั้น หากส่งไปถึงกรุงเทพฯจะมีราคาสูงถึงเม็ดละ 200 บาท รวมมูลค่าประมาณ 8 ล้านบาท

เครือข่ายดังกล่าวมีการเชื่อมโยงกับขบวนการค้าอาวุธและยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือกับภาคกลาง มีนายตอนะ และนายจะสอรับและ จ.ส.ต.พัชร ซึ่งสื่อสารภาษาพม่ารับหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานงาน ถือเป็นการเปลี่ยนรูปแบบในการลำเลียง โดยจัดส่งเป็นรูปสินค้าผ่านทางรถทัวร์เลี้ยงการใช้คนขนผ่านด่านซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตั้งด่านสกัดจับอย่างเข้มงวดมาตลอด ซึ่งทางตำรวจจะได้ขยายผลการจับกุมไปยังแหล่งค้ายาบ้าและขบวนการค้าอาวุธที่เกี่ยวข้องต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook