สดศรียันรื้อคดียุบพรรคไทยรักไทยไม่ได้
นางสดศรี กล่าวต่อว่า การยุบพรรคไทยรักไทยนั้น เป็นการยุบตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 มาตรา 66 (1) และ (3) ซึ่งยกเลิกไปแล้ว แต่เทียบเคียงได้กับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองฉบับปัจจุบัน มาตรา 94 รวมทั้งสามารถนำมาเทียบเคียงกับ มาตรา 104 เรื่องการกลั่นแกล้ง หรือสนับสนุนให้ผู้อื่นกลั่นแกล้งพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง จนเป็นเหตุให้ถูกยุบพรรค ก็จะมีโทษยุบพรรค และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้ที่เกี่ยวข้องเช่นกัน ดังนั้น ในตอนนี้เราคงไม่สามารถรื้อฟื้นคดียุบพรรคไทยรักไทยได้ แต่ในส่วนอื่น เช่น เรื่องการให้การเท็จ หรือการกลั่นแกล้ง ก็สามารถเดินหน้าต่อได้ แต่ต้องรอศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเสียก่อน
คำวินิจฉัยยุบพรรคของตุลาการรัฐธรรมนูญนั้น ได้รับการรองรับตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 ที่ให้การรับรองการกระทำใด ๆ ที่บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับปี พ.ศ.2549 ดังนั้น การกระทำใด ๆ ที่ดำเนินการไปแล้ว น่าจะถึงที่สุด ซึ่งก็จำได้ว่า ในขณะนั้นก็มีการพิจารณาพรรคประชาธิปัตย์ว่า กลั่นแกล้งหรือไม่ควบคู่กันไปแล้ว และการเพิกถอนคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ก็ยังไม่เคยมี แต่หากมีข้อติดใจผู้จะวินิจฉัยเรื่องนี้ได้ คือ ศาลรัฐธรรมนูญ นางสดศรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.จะดำเนินการกับคนทั้งสองในฐานะที่ให้การเท็จกับ กกต.หรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า คงต้องรอศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเสียก่อนว่า เป็นการให้การเท็จจริงหรือไม่ หากผิดจริง กกต.จึงจะดำเนินการเอาผิด ฐานให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน และอาจต้องฟ้องคดีอาญาเช่นเดียวกัน
เมื่อถามต่อว่า การออกมาเช่นนี้ เป็นการดิสเครดิตศาลรัฐธรรมนูญ และ กกต.หรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า ต้องแยกศาลรัฐธรรมนูญออกมา เพราะศาลรัฐธรรมนูญปัจจุบันได้รับการแต่งตั้งตามรัฐธรรมนูญ แต่ตุลาการรัฐธรรมนูญในขณะนั้น ได้รับการแต่งตั้งตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี พ.ศ.2549 และหมดวาระไปแล้ว เมื่อทุกอย่างได้พิจารณาจบก็ถือว่าจบ อีกทั้งศาลไม่ได้ฟังเฉพาะพยานเท่านั้น แต่ฟังเรื่องอื่นประกอบด้วย ขณะที่ในส่วน กกต. เรื่องนี้ได้พิจารณาในสมัยของ กกต.ชุดที่แล้ว ซึ่งมี พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน และ มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณา ซึ่งถือว่า เป็นคนละชุดกับปัจจุบัน เราไม่ทราบว่า มีการสอบพยานในลักษณะใด จึงไม่น่าเป็นการดิสเครดิต
เมื่อถามอีกว่า จะสามารถฟื้นพรรคไทยรักไทยขึ้นมาได้หรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า ตอนนี้ถือว่า พรรคไทยรักไทยหมดสภาพไปแล้ว เพราะมีการชำระบัญชี ทุกอย่างถือว่า เสร็จสิ้น แต่หากจะพิจารณาก็ต้องดูเฉพาะเรื่องการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ 111 กรรมการบริหารพรรค ว่า จะกลับมาได้หรือไม่ ซึ่ง กกต.ก็ไม่สามารถไปก้าวล่วงอำนาจศาลรัฐธรรมนูญได้.