เอกชนร้องบาทแข็งโป้กทำกำไรหดจี้ธ.ชาติช่วยดูแล
ทั้งนี้เห็นได้ชัดเจนว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในขณะนี้ปรับตัวอ่อนค่าลงไปมาก ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาก โดยเอกชน ได้เน้นให้ กรอ. เห็นว่าที่ผ่านมาไม่เคยขอให้กำหนดค่าเงินบาทที่คงที่ แต่ขอให้ดูแลให้ทัดเทียมกับคู่แข่งขันเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ขอร้องและได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่หวังว่าจะให้ดูถึงความล้เคียงกับเพื่อนบ้าน เพื่อจะได้ทำให้ความเสียเปรียบของเอกชนลดลง โดยขอให้เข้าใจความเป็นห่วงของภาคเอกชนและหวังว่าจะได้รับการพิจารณาและดูแลต่อไป ถ้าค่าเงินบาทแข็งมากเกินไปจะทำให้การส่งออกมีปัญหา แต่หากค่าเงินบาทอ่อนเกินไปก็มีผลกระทบต่อน้ำมันให้มีราคาสูงขึ้น ซึ่งทั้งหมดต้องดูแลให้เกิดความสมดุลด้วย ขณะที่เอกชนเองต้องพัฒนาตัวเองให้มีศักยภาพ มีคุณภาพที่แข่งขันได้ด้วยเช่นกัน
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ธปท. ได้รายงานภาวะตลาดเงินโดยระบุว่า ค่าเงินบาทได้เคลื่อนไหวแคบ ๆ ระหว่าง 33.26-33.48 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค เพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมากสุดในรอบ 15 เดือน ขณะที่ราคาทองคำมีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นว่าการดูแลค่าเงินบาทต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด โดยไม่ควรสร้างแรงกดดันใด ๆ ทั้งในประเทศหรือประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้ กรอ. เห็นว่าค่าเงินบาทต้องมีเสถียรภาพ ไม่ผันผวนมากจนเกินไปและการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไทยต้องสอดคล้องกับค่าเงินในภูมิภาค เพื่อให้มีส่วนร่วมในการสร้างความสามารถในการแข่งขันและไม่ให้มีผลกระทบต่อภาคส่งออก อย่างไรก็ตามผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนต้องพิจารณาทั้งภาพรวมของภาคเศรษฐกิจ เพราะความสามารถในการแข่งขันของประเทศไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่าเงินหรืออัตราแลกเปลี่ยนเพียงปัจจัยเดียว.