แนะเอสเอ็มอีรวมตัวต่อรองการค้า
ทั้งนี้ยอมรับว่าเอสเอ็มอีของไทยมีจุดอ่อนในหลายด้าน ซึ่งหากต้องการให้เกิดความเข้มแข็งต้องมีการรวมตัวกัน เพื่อจะได้รู้ถึงปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาว่าจะเป็นอย่างไร เพราะปัจจุบันต่างคนต่างทำและไม่ได้มีหน่วยงานเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง ซึ่งเห็นว่ารัฐจะต้องเข้ามาช่วยสนับสนุนในสิ่งที่ขาดหายไป เช่น การอำนวยความสะดวกเครื่องมือต่าง ๆ หรือมีห้องแล็บตรวจคุณภาพของสินค้า เพื่อให้แข่งขันกับคู่แข่งได้เหมือนกับผู้ประกอบการรายใหญ่
นอกจากนี้ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญในเรื่องของปัญหาสิ่งแวดล้อมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ใช่เน้นเฉพาะต่างประเทศอย่างเดียว เพราะหลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจกำลังซื้อในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาลดลง ดังนั้นไทยจะอาศัยรายได้จากการส่งออกเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจเหมือนเดิมไม่ได้ต้องพึ่งพาตลาดในประเทศด้วย ขณะเดียวกันรัฐควรออกกฎหมายคุ้มครองผู้ประกอบการ ไทยหลังจากเปิดเสรีทางการค้า
สำหรับเรื่องธรรมาภิบาลนั้น รัฐต้องให้ความสำคัญกับบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ เพราะมีสัดส่วนมากถึง 200,000 ราย ขณะที่บริษัทจดทะเบียนมีเพียง 500 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ เช่น โตโยต้า และฮอนด้าทำให้มีการโอนรายได้ไปต่างประเทศจำนวนมาก ส่วนธรรมาภิบาลในบริษัท หรือรัฐวิสาหกิจที่รัฐถือหุ้นเกิน 51% ในปัจจุบัน มีข้อสงสัยว่าเป็นธรรมาภิบาลที่ดีหรือไม่ และคุ้มครองประโยชน์ให้ใคร เพราะผู้เข้าไปนั่งบริหารส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานราชการ.