ผลบอล เดโฟกด5ตุงพาสเปอร์ขย่มวีแกน 9-1

ผลบอล เดโฟกด5ตุงพาสเปอร์ขย่มวีแกน 9-1

ผลบอล เดโฟกด5ตุงพาสเปอร์ขย่มวีแกน 9-1
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส โชว์ฟอร์มซูเปอร์เทพ เปิดสนามไล่ต้อน วีแกน ไปแบบเละเทะ 9-1 เจอร์เมน เดโฟ รับบทฮีโร่เหมาซัดคนเดียว 5 เม็ด สร้างสถิติเป็นชัยชนะที่มากที่สุดของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

สเปอร์ส 9 - 1 วีแกน


"ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส เปิดบ้านรับมือ วีแกน โดยเกมนี้เจ้าถิ่น พัก ร็อบบี้ คีน ที่ล้ามาจากการรับใช้ทีมชาติไอร์แลนด์ ในศึกเพลย์ออฟ ฟุตบอลโลกเ ป็นตัวสำรอง แต่ทีมได้ อารอน เลนน่อน ลงมาลากเลื้อยริมเส้น ขณะที่ทีมเยือน ยังส่งชุดใหญ่ลงบู๊ นำทัพโดย ฮูโก้ โรดัลเยก้า
     
เริ่มครึ่งแรก เพียงแค่ไม่ถึงนาที สเปอร์ ก็เกือบขึ้นนำ เมื่อ อารอน เลนน่อน ลากเลื้อยขึ้นกราบขวาไปจ่ายบอลเข้าเสาไกล แต่ ปีเตอร์ เคร้าช์ กลับแปบอลไม่ดี ทำให้ทีมเยือนสกัดออกมาได้ทันเวลา
     
นาทีที่ 5 สเปอร์ส เกือบได้ประตูอีกครั้ง วิลสัน ปาลาซิออส ได้โอกาสเปิดบอลเข้าไปเสาแรกให้ เคร้าช์ วิ่งเข้ามาโขกจ่อๆ แต่กองหน้าร่างโย่งขวิดบอลเหินข้ามคานไปอีก
     
แต่แล้ว นาทีที่ 9 ไก่เดือยทอง ก็ขึ้นนำ 1-0 จนได้ เมื่อ เลนน่อน กระชากบอลขึ้นมาทางขวา ก่อนจะจ่ายยาวไปเสาไกล ไตตัส บรัมเบิ้ล กองหลัง วีแกน สกัดวืดปล่อยให้บอลกระดอนตกพื้นจึงถูก เคร้าช์ โฉบเข้าโขกตุงตาข่าย
     
สเปอร์ส ยังบุกได้มากกว่า นาทีที่ 20 ปาลาซิออส ได้จังหวะสับไกจากระยะ 30 หลา แต่บอลยังไปติดเซฟของ คริส เคิร์กแลนด์ นายทวารวีแกน
     
นาทีที่ 24 สเปอร์ส มาได้ลูกเตะมุมด้านซ้าย แล้วเล่นสั้นๆ โดยข่ายมาให้ ทอม ฮัดเดิลสตัน วิ่งเข้าเซัดจากระยะ 30 หลาส่งบอลไซด์หนีเสาไกลไปแค่คืบเดียวเท่านั้น
     
นาทีที่ 31 วีแกน เกือบตีเสมอได้ จากจังหวะผิดพลาดของ เอเรลโญ่ โกเมซ ที่ออกบอลแย่ ขว้างไปที่กลางสนามแล้วถูก เฮนดรี้ โธมัส ฉกเลี้ยงลุยขึ้นมาจ่ายให้ ฮูโก้ โรดาเยก้า หาจังหวะสับไกริมเขตโทษด้านขวา แต่นายทวารตราไก่ ยังพุ่งเซฟเอาไว้ได้
     
เกมโดยรวมของ สเปอร์ส ยังดีกว่าหลายเท่านาทีที่ 34 เดโฟ ก็ได้ลูกผ่านหลุดเข้าซัดในเขตโทษด้านซ้าย แต่เ คิร์กแลนด์ ยังพุ่งปัดได้ด้วยปลายนิ้วทำให้บอลปลิวไปชนคาน
     
ช่วงทดเวลาเจ็บ สเปอร์ส มาได้ลุ้นอีกครั้ง เมื่อ เดโฟ ได้โอกาสพาบอลหลุดเข้าไปซัดเน้นๆ ทว่า เคิร์กแลนด์ ยังพุ่งปัดหลุดออกไปได้ จบครึ่งแรก สเปอร์ส นำ วีแกน 1-0

เปิดฉากครึ่งหลัง นาทีที่ 51 เจ้าถิ่น ก็ขยับสกอร์นำห่างเป็น 2-0 อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่  อารอน เลนน่อน เปิดบอลโค้งเข้าไปหน้าประตูให้ เจอร์เมน เดโฟ พุ่งเข้ามาชาร์จเน้น ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย

สกอร์ขยันเป็น 3-0 ในนาทีที่ 54 เมื่อ วิลสัน ปาลาซิออส จ่ายบอลเรียดให้ เจอร์เมน เดโฟ  กระชากเข้าไปในเขตโทษก่อนจะซัดด้วยขวาตุงตาข่าย แบบเหนือชั้น

นาทีที่ 57 วีแกน ก็ยิงไล่มาเป็น 1-3 เมื่อ ฮูโก้ โรดาเยก้า ได้บอลบริเวณกรอบเขตโทษก่อนจ่ายให้ พอล ชาร์เนอร์ ซัดด้วยขวาเข้าไปซุกก้นตาข่าย

แต่ทว่าถัดมานาทีเดียว สเปอร์ ก็เอาคืนแบบรวดเร็ว เมื่อ อารอน เลนน่อน เปิดบอลเข้าไปหน้าประตู เจอร์เมน เดโฟ วิ่งสอดเข้ามาวอลเล่ตูมเดียว ส่งบอลพุ่งตุงตาข่าย เปลี่ยนสกอร์เป็น 4-1

นาทีที่ 64 ไก่เดอยทอง ขยับสกอร์นำไกลเป็น 5-1 เมื่อ อารอน เลนน่อน  กระชากบอลหลุดขึ้นมาทางขวา ก่อนหักเข้ากลางแล้วกดตูมเดียวบอลพุ่งเสียบตาข่ายเข้าไปอย่างสุดยอด

ทีมเยือนยิ่งเล่นยิ่งเละ นาทีที่ 69 ต้องมาสังเวลยประตูอีก เมื่อ เวดราน ชอร์ลูก้า จ่ายบอลให้ เจอร์เมน เดโฟ หลุดไปยิงด้วยขวาในเขตโทษ บอลพุ่งเข้าไปตุงตาข่าย เปลี่ยนสกอร์เป็น 6-1

นาทีที่ 87 เจ้าถิ่น นยังคงเดินหน้าบุก และบวกสกอร์เพิ่มแบบไม่ยั้ง เมื่อ นิโก้ ครานชาร์ โยนบอลเข้าไปหน้าประตู กองหลังวีแกนสกัดบอล หลุดมาถึง เดโฟ ก่อนหัวหอกร่างเล็กจะยิงสวนเข้าไปตุงตาข่าย เป็น 7-1 เป็นประตูที่ห้าของ เดโฟ ในเกมนี้และยังเป็น สถิติยิงประตูในหนึ่งเกมมากที่สุดเท่ากับที่ แอนดี้ โคล เคยยิงให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในนฤดูกาล 1994-1995

นาทีที่ 89 สเปอร์ส ยังไม่หยุดความโหดเมื่อมาได้ประตูนำเป็น 8-1 จากจังหวะฟรีคิกระยะ 20 หลา เดวิด เบนท์ลี่ย์ ปั่นด้วยขวาบอลโค้งชนเสากระดอนไปถูกตัว คริส เคิร์กแลนด์ นายทวารทีมเยือนเข้าไปอย่างไม่น่าเชื่อ

ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 5 สเปอร์ส มาได้ประตูฉลองชัยชนะ จากลูกยิงของ นิโก้ ครานชาร์ ที่ซัดเสยคานเข้าไป เป็น 9-1

หมดเวลาการแข่งขัน สเปอร์ส เปิดบ้านไล่ถลุง วีแกน ไปแบบบอลคนละชั้น 9-1

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
สเปอร์ส :
เอเรลโญ่ โกเมส, เวดราน ชอร์ลูก้า, ไมเคิล ดอว์สัน, โจนาธาน วู๊ดเกต, เบอนัวต์ อัสซู เอก็อตโต้, อารอน เลนนอน, ทอม ฮัดเดิ้ลสตัน, วิลสัน ปาลาซิออส, นิโก้ ครานจ์ชาร์, เจอรเมน เดโฟ, ปีเตอร์ เคร้าช์
     
วีแกน :
คริส เคิร์กแลนด์, มาริโอ เมลคิออต, ไตตัส บรัมเบิ้ล, เอมเมอร์สัน บอยซ์, เอริค เอ็ดมัน, เฮนดรี้ โธมัส, โมฮาเหม็ด ดิยาเม่, ชาร์ล เอ็นซอกเบีย, พอล ชาร์เนอร์, ฮูโก้ โรดัลเยก้า, เจสัน สก็อตแลนด์

 

(ภาพจาก Getty Images)

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook