เปิดหมดหัวใจ "ทิดไพรวัลย์" หลังลาสิกขา เคลียร์ "ศรีสุวรรณ" กลางโหนกระแส

เปิดหมดหัวใจ "ทิดไพรวัลย์" หลังลาสิกขา เคลียร์ "ศรีสุวรรณ" กลางโหนกระแส

เปิดหมดหัวใจ "ทิดไพรวัลย์" หลังลาสิกขา เคลียร์ "ศรีสุวรรณ" กลางโหนกระแส
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 "ทิดไพรวัลย์" เปิดใจหมดเปลือก สาเหตุสึกหลังบวช 18 ปี อยากดูแลแม่ เคลียร์ "ศรีสุวรรณ" กลางรายการ  ไม่กลับไปบวชอีก

กรณี "พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ" พระลูกวัดสร้อยทอง ได้ลาสิกขาเป็นที่เรียบร้อยแล้วที่วัดสระเกศ โดยมี "พระมหาสมปอง" อยู่ร่วมในพิธี เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (3 ธ.ค.) โดยเผยภาพแรกอยู่ดูแลคุณแม่ที่เข้ารับการผ่าตัดมะเร็ง

รายการโหนกระแสวันที่ 3 ธ.ค. 64 "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์  ทิดไพรวัลย์ ถึงเรื่องราวชีวิตหลังสึก จะทำอย่างไรต่อไป โดยมาพร้อม "พระมหาสมปอง"

อยู่ดีๆ ทำไมถึงสึกวันที่ 3 ตอนแรกพระมหาสมปอง บอกว่าสึกวันที่ 4?

ทิดไพรวัลย์ : ก็พระมหาสมปองนี่แหละ ไปโพสต์ประกาศซะขนาดนั้น ว่าวันที่ 4 จะอำลา ผมเลยชิงสึกก่อนวันที่ 3 เพราะถ้าสึกวันที่ 4 สื่อตามอะไรตาม ความเป็นส่วนตัวจะไม่มี

สึกวันนี้จะรอดเหรอ นักข่าวรออยู่เยอะมาก?

ทิดไพรวัลย์ : อย่างน้อยก็รอดมารายการพี่หนุ่มก่อนไงครับ เพื่อพี่หนุ่มเลยนะ รักมาก (หัวเราะ)

พระอาจารย์ปล่อยข่าวลวงหรือเปล่า?

พระมหาสมปอง : ไม่หรอกครับ จริงๆ ท่านบอกว่า 4 หรือ 5 ธ.ค. หรืออาจจะเร็วกว่านั้น ไม่ได้เป็นลับลวงพรางอะไร น้องก็งอนหลายอย่างว่าไปพูดทำไม จริงๆ แล้วเขาก็ตัดสินใจของเขาเอง

สึกแล้วยังเป็นมหา?

พระมหาสมปอง : ใหญ่ยาวคับชักออกยาก ใหญ่คือใหญ่  ยาวคือยาวไปเรื่อยๆ สึกแล้วก็ยังเรียกได้ คับคืออยู่ที่ไหนนักข่าวก็เยอะ คับที่เลย ชักออกยาก คือพ่อมาหา แม่มาหา พี่มาหา แมวมาหา ม้ามาหา เป็นความหมายของคำว่ามหา 

ทำไมถึงสึก?

ทิดไพรวัลย์ : เรื่องอื่นไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่ แต่แคร์เงื่อนไขที่สำคัญคือแคร์แม่ วันนี้แม่เข้าผ่าตัด แม่อาตมา อุ้ย (หัวเราะ) แม่ผม คัตได้ไหม

พระมหาสมปอง : ต้องหนึ่งอาทิตย์ถึงจะชินในการแยกศัพท์   

ใช้คำว่าอาตมาไม่ได้แล้ว?

ทิดไพรวัลย์ : ไม่ได้แล้ว ต้องขอโทษ ต้องผม จริงๆ วันนี้แม่เข้ารับการผ่าตัดใหญ่ ก้อนเนื้อมะเร็งใหญ่  ผมก็อยากสึกให้แม่ได้เห็น ได้ชื่นใจ ให้กำลังใจแม่ แม่ผ่าตัดเสร็จจะได้ดูแลแม่ยาวเลย เพราะอาตมาเป็นลูกคนเดียว

18 ปีที่ใช้คำว่าอาตมา วันนี้เป็นวันแรกที่ใช้คำว่าผม ไม่เกี่ยวกับเรื่องอึดอัดเรื่องรักษาการณ์เจ้าอาวาสเหรอ?

ทิดไพรวัลย์ : นั่นก็ประเด็นนึง  แต่เป็นประเด็นรอง อย่างที่พระมหาสมปองพูดว่าผมมีแพลนสึกหลายครั้งแล้ว แต่พอมีเรื่องแม่ก็ถึงจุดที่ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกอยู่อย่างนี้หรือว่า.. อย่างที่รู้มะเร็งเป็นโรคที่ยากจะหายขาด แม่เหลือเวลาน้อยเต็มทีแล้ว เราอยากทำหน้าที่ตรงนี้ ถ้าครอบครัวผมมีลูกมากกว่า 1 คน ผมอาจไม่สึก แต่พอไม่เหลือใคร มีแค่แม่กับพ่อ พ่อก็อายุเยอะขึ้น มีแม่ที่ป่วยอีก ถ้าเราไม่ทำหน้าที่ ก็คงไม่มีใครดูท่านตรงนั้น 

มีคนบอกว่าที่สึกเพราะต้องการกลับมาคิดบัญชี เหมือนที่เขียนบอกว่าเริ่ม?

ทิดไพรวัลย์ : เริ่มกลับมาใช้ชีวิตฆราวาสครับ เดี๋ยวเจอกันแน่นอน (หัวเราะ)

พระมหาสมปอง : สอนเท่าไหร่ก็ไม่จำ

ไม่ได้เปิดศึก?

ทิดไพรวัลย์ : ไม่ได้เปิดศึกกับใคร แค่ถ้าเราพอจะพูดเป็นปากเป็นเสียงแทนคณะสงฆ์ได้ หรือหลวงพี่ที่ถูกรังแกก็จะพูดให้ แล้วผมพูดตรงด้วย พูดในสิ่งที่ควรพูด เราเป็นฆราวาส ชอบพูดกันเหลือเกินว่าพุทธศาสนาไม่ได้ฝากไว้กับพระภิกษุ แต่ฝากไว้กับพุทธบริษัท 4 เดี๋ยวเจอกันนะ

สึกมาเป็นนักวิชาการอิสระ คล้ายๆ อ.จตุรงค์ไหม?

ทิดไพรวัลย์ : จริงๆ ไม่ได้สึกมาเพราะอยากทำงานวิชาการ  อยากเป็นนักวิชาการ แต่เป็นเพราะอยากดูแลแม่ อยากกลับไปบ้าน เราเบื่อ การบวชเป็นพระเราคิดว่าก็ทำให้เราได้ออกขาดจากทางโลกได้ไหม การบรรพชาเป็นผลทางว่าง ฆราวาสเป็นช่องทางที่มันคับแคบ เราบวชพระดีกว่า แต่ผมมองว่าทางสงฆ์ทุกวันนี้มัน (ถอนหายใจ) มันคับแคบยิ่งกว่าฆราวาส กฎระเบียบมันเยอะ ยิ่งเป็นพระอยู่ในสังคมเมืองที่นอกจากเต้องคารพกฎหมายบ้านเมืองแล้ว ต้องเคารพกฎบัญญัติคณะสงฆ์ โน่นนี่นั่นอีก ทำให้เราไม่สามารถทำอะไร มีความคิดความอ่านเป็นตัวตนเราได้อย่างเต็มที่

การที่ไปบวชมา 18 ปี เห็นอะไรต่างๆ นานา ในวงการพระสงฆ์งี้เหรอ?

ทิดไพรวัลย์ : เห็นหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่สึก คิดว่าคิดถูกแล้ว สึกออกไปดีกว่า

วงการสงฆ์มีการเมืองไหม?

ทิดไพรวัลย์ : ต้องอยู่แล้วพี่หนุ่ม เห็นชัดอยู่แล้ว  อย่างผมกับพระมหาสมปองทำอะไรมีรีแอ็กชั่นโน่นนี่นั่น เดี๋ยวมีจดหมายร้องเรียน เอาเราไปสอบ อยากให้เราเชื่อง เหมือนเรามีจีวรไม่พอ จะเอาปลอกคอมาใส่ให้เราอีก คืออะไร เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ คณะสงฆ์ต้องอยู่กันโดยธรรม มีพระธรรมวินัย ปกครองกันก็จริง แต่ถ้าอยู่ในวัดก็ควรให้อำนาจหน้าที่เจ้าอาวาส ซึ่งเปรียบเหมือนพ่อที่ดูแลลูกพระลูกเณรภายในวัด ว่ามีมติยังไงต้องยอมรับนะ ไม่ใช่ว่าพอมีมติแล้ว ก็บีบๆ หาช่องทางอีก ผมว่ามันไม่ใช่ คณะสงฆ์ต้องไม่ใช่แบบฆราวาส ที่ใช้อำนาจมากกว่าความเป็นธรรม

ส่วนนี้ส่วนหนึ่งที่ทำให้สึก?

ทิดไพรวัลย์ : ก็ส่วนหนึ่งที่ทำให้ไม่อยากอยู่แล้ว ซึ่งขอเรียนด้วยความเคารพว่าถ้าพระผู้ใหญ่ที่เป็นเจ้าคณะปกครองเรา ไม่อยู่ในฐานะที่เราจะก้มหัวให้ ไม่มีคุณธรรมมากพอที่เราจะกราบไหว้ได้สนิทมือ ถ้าเป็นพระที่มีคุณธรรมและปกครองเรา ท่านเป็นผู้ใหญ่ ท่านตักเตือนเราแล้วเราอยากเชื่ออยากเคารพ เราก็อยากอยู่เป็นในฐานะพระลูกพระหลาน แต่นี่เรารู้สึกว่าไม่มี คุณธรรมก็ไม่มี ความรู้ก็ไม่มี เรียนก็ไม่เรียน หนังสือก็ไม่เรียน วันหนึ่งจับพลัดจับพลูมาเป็นเจ้าคณะผู้ปกครอง ผมว่ามันไม่ใช่

มีหลายปัจจัยที่ทำให้มหาต้องสึกออกมา คิดว่าจะกลับไปอีกไหม?

ทิดไพรวัลย์ : ไม่กลับครับ

จะอยูยากไหม คนนึงเคยบวชพระ 18 ปี วันนึงต้องเปลี่ยนชีวิตเลย?

ทิดไพรวัลย์ : ไม่ยากครับ ก็เหมือนกับตอนมาบวชใหม่ๆ มีคนพูดว่าอยู่ไม่ได้หรอก ก็อยู่มาได้ถึง 18 ปี ชีวิตคือการไปต่อ คือการมูฟ มันไปของมันได้ ชีวิตมันไม่ตันหรอก

มีคนลือว่าพระมี 300 ล้าน?

ทิดไพรวัลย์ : ดีนะที่ขอโทษ ไม่งั้นฟ้องไปแล้ว บอกช่องมันด้วย ไม่อยากเอ่ยชื่อ ผมขอพูดได้ไหม (หัวเราะ) ที่จริงตั้งใจจะฟ้องมันแล้ว แต่เวลาฟ้องไปขึ้นศาล คนที่โดนคดี คือนักข่าวตัวเล็กตัวน้อย คนเขียนข่าว ช่องก็ลอยนวลก็ไม่อยากทำ สงสาร แต่เวลาเสนอข่าวอะไร รู้แหละว่าเกลียดไม่ชอบ แต่เวลาจะเสนอข่าว ต้องเสนอบนพื้นฐานความเป็นจริง ไม่ใช่เขียนมั่วซั่ว ส่งเดช

พอเห็นแล้วสะอึกไหม เรื่องมีเงิน 300 ล้าน?

ทิดไพรวัลย์ : โอ้โห มันคิดว่าอาตมาเป็นอะไร บวช 18 ปี มี 300 ล้าน เป็นเจ้ามือหวยใต้ดินเหรอ (หัวเราะ)

มีไหมพระที่มี 300 ล้าน?

ทิดไพรวัลย์ : ไม่รู้ อาจมีก็ได้ แต่ไม่ใช่ผมแน่นอน

พระสมปอง มี 150 ล้าน ไม่เห็นออกมาพูดเลย?

พระมหาสมปอง : อาตมาเห็นใจนะ ที่มีคนมาบอกว่าอาตมามี 150 ล้าน จริงๆ ด้วยหน้าตา ด้วยความสามารถอาตมา มีแสนล้าน ไม่ว่าจะบัญชีที่สวิตฯ ออสเตรเลีย เยอรมัน อังกฤษ เบลเยี่ยม ไปดูได้เลย

พระอาจารย์จะสึกตามไหม?

พระมหาสมปอง : ให้น้องไปดูลู่ทาง ระดับเราไม่ต้องสึกเอง น้องมีระดับสึกเอง ผมต้องมีคนสึกให้ (หัวเราะ)

มีในใจไหม?

พระมหาสมปอง : มีพี่ที่อาตมารักและเคารพมาก บอกว่าไม่ให้พูดเรื่องนี้ พี่หนุ่มก็อย่าไปพูด เดี๋ยวโดนพี่สาว ใครต่อใครดุ  เกิดอาตมาได้เป็นใหญ่เป็นโตขึ้นมา จริงๆ พระพูดว่าสึกบ่อยๆ จะไม่ได้สึก อย่างน้องไม่ได้พูดอะไรเยอะ แป๊บๆ ก็ไปแล้ว คนพูดสึกบ่อยๆ จะไม่ได้สึก

มหา รู้จักมานานมาก ปัจจุบันมีทั้งคนรักและไม่ชอบ รู้สึกยังไงบ้าง ที่ออกมาพูดบางเรื่องแล้วทำให้คนไม่พอใจสิ่งที่เราพูด เขาบอกไม่ใช่เรื่องของสงฆ์ ?

ทิดไพรวัลย์ : สินค้าที่อยู่ข้างหลังจะเข้าอาตมาไหม (หัวเราะ) เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้วอรี่ ไม่ได้แคร์ การไม่ทำกับไม่กล้า ผมว่ามีเส้นบางๆ กั้น ต้องถามใจคนพูดให้ดีก่อน ว่าที่ไม่ทำเพราะไม่กล้าที่จะทำ หรือไม่กล้าพูด ไม่กล้าคอลเอาต์เพื่อชาวบ้านตัวเล็กตัวน้อย เพื่อชาวบ้าน คุณไม่กล้า คุณขี้ขลาดกว่าฆราวาสบางคนอีก แล้วคุณมาบอกว่าไม่มีความกล้าหาญ เอาอะไรไปสอนคนอื่นก่อน ขี้ขลาดกว่าฆราวาสอีก

พระมหาสมปอง : ทำไมนั่งเหมือนโดนด่า อาตมาก็ไม่กล้า เราพูดกันในกุฏิ ในรถตู้ ถ้ามาคอลเอาต์ออกสื่อ ออกโหนกระแสก็ไม่กล้าหรอก เราเป็นกระบอกเสียงให้คนจน ไม่มีพระเณรที่ไหนทำ ซึ่งน้องเขาทำ อันนี้ต้องยอมรับ

ตัดสินใจนานไหมกว่าจะสึก?

ทิดไพรวัลย์ : ไม่นานครับ

ไม่เสียดายที่ครองบรรพชิตมานานเหรอ?

ทิดไพรวัลย์ : ไม่รู้จะเสียดายทำไม ในเมื่อสิ่งที่ผมได้มาจากความเป็นพระ 18 ปีไม่ได้หายไปไหน ก็ยังอยู่ เปรียญเก้าก็ยังอยู่ ความรู้ที่เรียนมาจนจบเปรียญเก้าก็ไม่ได้หายไป เราสามารถปรึกษากันได้ คุยกันได้

พระมหาสมปอง : อาตมาก็ยังไม่รู้ทั้งที่เป็นพี่ ว่าช็อตปึ้ง ตัดสินใจ โยมแม่หรือรักษาการณ์ ช็อตไหน

ทิดไพรวัลย์ : ต้องบอกว่าปัจจัยรวมกัน

โมเมนต์นึงที่ไม่เอาแล้ว?

ทิดไพรวัลย์ : ที่ปึ้งคือพอรู้ว่าแม่ต้องผ่าตัดวันที่ 3 ผมก็ไปวันนี้เลยดีกว่า จะได้ดูแลต่อเนื่อง

พระมหาสมปอง : แสดงว่าช็อตแม่นี่แหละ ที่ทำให้ตัดสินใจเด็ดขาด

ทรัพย์สมบัติให้วัดหรือเอากลับ?

ทิดไพรวัลย์ : ถ้าของบางส่วนที่ได้มาโดยตัวเราก็เอากลับ อย่างหนังสือเอาไว้ที่วัดใครจะอ่าน เอาไว้ก็ปลวกขึ้น เหมือนพระไตรปิฏก ใส่ตู้ไว้ก็ไม่มีใครอ่าน เอาไว้ทำไมถ้าไม่อ่าน เงินทองก็มี แต่ไม่ได้เยอะหรอกพี่หนุ่ม จริงๆ หลายคนออกมาพูดแล้วนะ ผอ. เลขาธิการ พระพยอมก็พูดได้ ได้เฉพาะที่มีจริงๆ กับช่วงที่มีพระมหาสมปองนี่แหละ ที่ออกมาบรรยายธรรมก็คิดว่าเป็นส่วนของเรา เพราะเป็นส่วนที่เราเอาความรู้เราไปให้คนอื่น และคนอื่นเขาพึงพอใจให้ปัจจัยเหล่านั้นมา แต่ของไม่ได้เยอะขนาดนั้น เขาเอารถมาน่ากลัวมาก

พระมหาสมปอง : น้องฉลาด ประกาศไปปุ๊บมาเลย

ทิดไพรวัลย์ : ตอนนี้มีบริษัทขนของติดต่อมาประมาณ 10 บริษัท

ใส่โสร่งทำไม?

ทิดไพรวัลย์ : นุ่งสบาย ใส่กางเกงชั้นใน พี่หนุ่มจะดูไหม (หัวเราะ)

บางรูปสึกออกไปไม่ใส่ เพราะไม่ชิน พระสมปองใส่ไหม?

พระมหาสมปอง : เพื่ออะไร มันเรื่องส่วนตัวของอาตมา

ทิดไพรวัลย์ : รักษาท่านไว้เถอะ ให้ท่านสำรวม (หัวเราะ)

แล้วที่พี่ศรีสุวรรณเขาออกมาพูดว่าสมบัติต้องคืน?

ทิดไพรวัลย์ : จริงๆ ไม่อยากพูดถึงลุงศรี เราสึกออกมาแล้วอายุก็น่าจะรุ่นหลานแล้ว พูดตรงๆ ว่าไม่ใช่ญาติจริงๆ ไม่อยากถอนหงอกให้ เป็นนักกฎหมายยังไง กฎหมายง่ายๆ ก็ไม่รู้ แล้วจะเรียนกฎหมายไปเพื่ออะไร

ตอนพิมพ์ตอนเป็นพระใช้คำว่าโง่?

ทิดไพรวัลย์ : ก็โง่จริง

ไม่ได้ว่าเขา?

พระมหาสมปอง : ว่านั่นแหละ (หัวเราะ)

พี่ศรีขึ้นว่าขออวยพรให้ไอ้ทิดประสบความสำเร็จ ให้รอดพ้นปลอดภัยจากโอษฐภัยทั้งปวง?

ทิดไพรวัลย์ : ก็อยากให้ลุงศรีมอบพรนี้ให้ตัวเองด้วย เพราะปากลุงศรีก็ใช่ย่อย ฟ้องคนอื่นส่งเดช ฝากถึงลุงศรีในฐานะหลานให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว ฟ้องคนอื่นมั่วซั่ว สักวันตัวเองต้องถูกฟ้องแน่นอน

ถ้าเป็นพระจะพูดแบบนี้ไหม?

ทิดไพรวัลย์ : พูดครับ แล้วแอบดูนิดหน่อยตอนลุงศรีพูดในเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ฝากถึงลุงศรีเหมือนกันว่าเลิกจองเวรจองกรรมชาวบ้านได้แล้ว การไปฟ้องคนอื่นก็เป็นการไปจองเวรจองกรรมชาวบ้านเหมือนกัน

"ศรีสุวรรณ จรรยา" อยู่ในสาย พี่ศรีอวยพรทิดไพรวัลย์เลย ติดใจอะไรยังไง เขาสึกมาแล้ว?

ศรีสุวรรณ : ไม่มี จะมาหาว่าผมกับท่านมหาไพรวัลย์มีเรื่องขัดใจกันตรงไหน ไม่มี เพียงแต่ว่าความคิดเห็นของเราอาจไม่สอดคล้องต้องกัน ก็แค่นั้นเอง ท่านสึกออกมาแล้วก็ยินดีด้วย และคิดว่าท่านคงใช้ความรู้ความสามารถที่ไปร่ำเรียนมามากมายมหาศาลเอามาปรับใช้กับชีวิต และเอาไปช่วยเหลือสังคม ในฐานะเป็นฆราวาสได้เต็มที่ และคิดว่าจะเป็นคุณูปการอย่างมหาศาลกับสังคมไทย เพราะไม่มีเงื่อนไข ไม่มีข้อกำหนด ไม่มีหลักเกณฑ์อะไรไปคอยกำหนด ไปปิดบังให้ท่านไม่พูดได้หรือไม่ได้เท่านั้นเอง ยินดีด้วยซ้ำไปที่ท่านออกมาเป็นฆราวาส ท่านจะได้ไม่ถูกใครมาค่อนแคะตำหนิติเตียน

ใครคนนั้นคือพี่ศรีหรือเปล่า?

ศรีสุวรรณ : ผมว่าไม่ใช่มั้ง ผมเป็นเศษเสี้ยวเล็กๆ เท่านั้นเอง

ท่านไพรวัลย์อยากเคลียร์ใจไหม?

ทิดไพรวัลย์ : หลังจากนี้ลุงศรีจะแล้วไหม

ศรีสุวรรณ : ไม่รู้ มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ครับท่านมหา อย่างไรเสียผมก็รักท่านมหาเหมือนท่านสมปองนั่นแหละ

ทิดไพรวัลย์ : ทำไมเวลาโพสต์เฟซบุ๊กกับออกสื่อ ลุงศรีมี 2 ปางหรือเปล่า

ศรีสุวรรณ : เป็นคนเดียวกันครับ แต่อยากจะเตือนท่านมหาว่าเวลาเป็นฆราวาส การพูดการจาการใช้คำพูดต้องระมัดระวังค่อนข้างสูงพอสมควร เพราะพูดไปบางทีอาจเข้าข่ายการหมิ่นประมาทบุคคลอื่นได้ ฉะนั้นไปศึกษาเทคนิคการพูดอย่างไรเพื่อไม่ให้ถูกฟ้องเรื่องหมิ่นประมาทได้ ทีนี้มันจะกลายเป็นโอษฐภัยได้ ก็เลยเน้นท่านไว้แค่นั้นเอง

เป็นห่วง?

ศรีสุวรรณ : ใช่ เป็นห่วง ว่างๆ จะเรียนเชิญท่านกินกาแฟที่บ้านสักมื้อสองมื้อ

ทิดไพรวัลย์ : (หัวเราะ) ตั้งแต่ครั้งที่แล้วก็ยังไม่ได้กินฮะ กาแฟบ้านลุงศรี

ศรีสุวรรณ : นั่นน่ะสิ ผมผิดหวังอย่างแรงเลย

ทิดไพรวัลย์ : ขอฝากไว้เรื่องนึงครับ อย่ายุ่งกับพระพี่ชายผมได้ไหมครับ

ศรีสุวรรณ : ผมไม่ยุ่งอะไรอยู่แล้ว ผมก็โพสต์ก่อนหน้านี้ว่าไม่เห็นด้วย ให้สิกขาลาเพศออกมา

ตอนนี้พี่ศรีโดนไปกี่คดี?

ศรีสุวรรณ  : มีท่านเสรีพิสุทธิ์ ฟ้องผมคดีเดียวเท่านั้นแหละ ไม่มีปัญหา เราเป็นนักกฎหมาย อยู่ในสังคม ต้องมีเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว

แสงยังมี ดับหรือยัง?

ศรีสุวรรณ : ไม่ๆ เรื่องนี้ยังเจิดจ้า

แสงในตัวยังเจิดจ้า?

ศรีสุวรรณ : พี่กำลังจะว่าผมหรือเปล่า (หัวเราะ)

ไม่มีอะไรกับทิดไพรวัลย์?

ศรีสุวรรณ : ไม่มี โอกาสว่างๆ จะเชิญท่านมาจิบกาแฟ ทานข้าวเที่ยงด้วยกัน

ชาวเน็ตวิจารณ์ว่าพี่ศรีเก่งแต่ในโซเชียล พอตัวจริง เหมือนอ่อนเลย?

ศรีสุวรรณ : ไม่อ่อน ปกตินิสัยผมก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว

เป็นคนสองบุคลิก?

ศรีสุวรรณ : ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ

ทิดไพรวัลย์ : ไม่มีอะไรตอนออกรายการ แต่มีอะไรทุกทีบนหน้าเฟซบุ๊ก

จะทำอะไรต่อ?

ทิดไพรวัลย์ : ก็คิดว่าเพจที่เรามีคงไม่สูญเปล่า ใช้เป็นพื้นที่ของเราที่จะทำอะไรเพื่อเลี้ยงชีพเราได้ ทำงานออนไลน์ก็ได้ มีคนอินบ็อกมาให้รีวิวเยอะแยะ

ต่อไปจะเป็นนักรีวิว?

ทิดไพรวัลย์ : ก็ได้ แต่ต้องดูว่าอันไหนพอเหมาะ มีทีมกรองว่าอันไหนถูกกฎหมาย ไม่ถูกกฎหมาย พูดได้แค่ไหน

กังวลใจไหม ก่อนหน้านี้ไลฟ์เพราะคนติดตาม หนึ่งเป็นพระมีความแปลกใหม่ แต่พอไม่ได้เป็นพระ จุดขายจะหายไป?

ทิดไพรวัลย์ : คิดว่าคนจำนวนไม่น้อย ติดตามผมเพราะความเป็นตัวเองของผม ตอนนี้ไลฟ์มีคนกดถูกใจ 2 ล้าน กดติดตาม 2.6 ล้าน ต่อไปจะดูเรื่องโซเชียลเป็นหลักในการทำงาน ช่วยทุบศาลแทนหมอปลาได้ ช่วยอ้วกแทนได้ (หัวเราะ) ฝากถึงพี่หมอปลา ต่อไปไม่ต้องอ้วกแล้ว ผมอ้วกแทน (หัวเราะ) เดี๋ยวจะไปหาหมอปลา

เย็นนี้จะกินหมูหันเหรอ ฉลองสึก?

ทิดไพรวัลย์ : (หัวเราะ) น่าจะเป็นปลากระป๋องหมอปลา ดีมาก

พระมหาสมปอง : ไลโอต้องเข้าแล้ว กรรชัยต้องกำเนิดผมให้น้องอาตมา

ทิดไพรวัลย์ : พี่ศรีครับ พระมหาสมปองรีวิวอีกแล้ว (หัวเราะ)

หลังจากนี้ใช้ชีวิตปกติ จะมีแฟนไหม?

ทิดไพรวัลย์ : เมื่อเช้าประกาศหาแล้ว บอกว่าโสดนะ แฟนเรื่องของอนาคต แต่เป็นฆราวาสแล้ว ก็เป็นเรื่องปกติ ดูความเหมาะสม จะพยายามทำให้สังคมเห็นว่าการที่ใครสักคนนึงสึกจากพระ ไม่ใช่การหมดบุญนะ ไม่ใช่การตายแล้ว ทุกคนควรมีสิทธิ์ในการเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง ว่าจะอยู่เป็นพระหรือฆราวาส ชีวิตสามารถงอกงามเติบโตได้ ไม่ว่าจะอยู่ช่องทางไหน

พระมหาสมปอง : เพื่อนอาจารย์มีหลายคนที่สึกแล้วไปเป็นอาจารย์ เจ้าของธุรกิจ ประกัน โน่นนี่นั่น ร่ำรวย ไม่ใช่สึกแล้วด้อยค่า ไร้ค่า

ไปเล่นหนังด้วยตอนเป็นพระ ฉากถูกตัดทิ้ง เพราะเขาไม่ให้พระเล่นหนังเหรอ?

ทิดไพรวัลย์ : พระบางรูปก็เล่นได้  

พระมหาสมปอง : ไปเล่นได้ยังไง เป็นพระเป็นเจ้า อย่าลืมไปดูนะ

ทิดไพรวัลย์ : ก็อยู่ที่ไปเจอคณะกรรมการชุดไหน เท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรเกินเลย แค่พรมน้ำมนต์ ตอนนี้ตัดไปแล้ว ตอนตัดยังไม่สึก สึกแล้วก็น่าจะใส่ไม่ได้

พระมหาสมปอง : อย่าตัดของอาตมาเด้อ อาตมาสวนเด้อ

เวลาออกมา ภาพที่ออกมา บางกลุ่มเขาก็ไม่ชอบ บางคนบอกว่าพระพุทธศาสนาในอดีตกาล เขาบอกเปลี่ยนไม่ได้ ต้องเหมือนเดิม?

พระมหาสมปอง : โลกมันเปลี่ยนทุกวัน แอปพลิเคชั่นมาก็เปลี่ยนแล้ว มีเด็กถามว่าพระพุทธเจ้าถ้าอยู่สมัยนี้ท่านจะไลฟ์ไหม ก็ตอบได้เลยว่าไลฟ์ แล้วพระอานนท์จะบล็อกไหมถ้ามีคนด่าพระพุทธเจ้า บล็อกฮะ เชื่อเถอะ พระสารีบุตรจะส่งคนไปสแปมคนด่าพระพุทธเจ้าไหม ส่ง ใช้ทุกอย่างที่เป็นประโยชน์อยู่แล้ว

สึกเมื่อไหร่?

พระมหาสมปอง : มีพี่สาวที่อาจารย์รักที่สุดบอกว่าอย่าพูด

กลัวไหมเวลาพูดอะไรแบบนี้?

ทิดไพรวัลย์ : ถ้าเดินริมทะเลขนาดนั้น คงไม่ต้องกลัวแล้วล่ะครับ (หัวเราะ)

พระมหาสมปอง : มันเลยจุดกลัวมาแล้ว ก่อนหน้านี้กลัวจริงๆ กลัวคนด่า กลัวคนไล่สึก กลัวนั่นนี่ แต่จุดนึงเหมือนน้องบอก เราไม่อยากเชื่องเพราะเราไม่ใช่หมา เราไม่อยากม่ปลอกคอ  เราไม่ได้โง่ ที่บ้านเลี้ยงควายอยู่ ควายก็ไม่ได้โง่ด้วย เรายังไงก็ได้ ถ้าอยู่ตรงนี้มีคุณค่าทำประโยชน์ได้ เราก็อยากอยู่ แต่ถ้าสังคมคิดว่าเราไม่มีคุณค่า อย่าอยู่เลย เราก็จะออกไปก็ได้

ถ้าคนบอกว่าให้พระมหาสมปองเก็บตัวเงียบๆ สักปี ไม่ออกมาไลฟ์ ?

พระมหาสมปอง : อกแตกฮะ เราไม่ได้เกิดมาเพื่อให้คนทำอย่างนั้นอย่างนี้ เรามีจุดของเรา โดยที่พอเหมาะพอสม เรามีเวย์เล็กๆ ให้ทำประโยชน์ ทำความดี ให้เราอยู่จุดนี้ ถ้าถึงจุดที่อาตมาเคยย้ำว่าหมดประโยชน์กับสังคมนี้เมื่อไหร่ อาตมาจะไปอยู่ในสถานภาพอื่น ที่มีมากมาย พิธีกรก็เข้าท่าดี

สึกออกมา วิถีชีวิตเปลี่ยนไป ยึดโซเชียลเป็นหลัก เป็นนักวิชาการอิสระ ไปบรรยายพูดออกรายการ ผมก็เชิญมาออกรายได้?

ทิดไพรวัลย์ : ยินดีครับ โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกี่ยวกับคณะสงฆ์ เชิญมาออกรายการได้เลย

พระมหาสมปอง : ชัดมาก

สึกมาเพื่อเปิดศึก?

ทิดไพรวัลย์ : ไม่เปิดศึกหรอกครับ แต่ถ้าอะไรไม่เป็นธรรม จะพูดให้ชัดขึ้น สำนักพุทธต้องจัดแน่นอน ถ้าพูดในรายการคงไม่พอ ผมเคยพูดว่าสำนักพุทธสร้างมาเพราะมีชาวพุทธไปร้องที่รัฐสภาจนได้สำนักพุทธมาเพื่อให้ช่วยเหลือดูแลกิจการพระศาสนา ดูแลพระหนุ่มเณรน้อย แต่ทุกวันนี้สำนักพุทธไม่เคยทำหน้าที่ตรงนี้เลย ทำหน้าที่ส่งจดหมายร้องเรียน แล้วเรื่องของผม ที่ถูกคณะกรรมการสงฆ์สอบ คนที่เป็นคนร้องคือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานพุทธทำหน้าที่ร้องพระ ร้องสอบพระ ใช่หน้าที่ของมันเหรอ ผมรู้สึกว่าไม่ใช่หน้าที่ที่มันต้องทำเรื่องพวกนี้  มันต้องทำหน้าที่ส่งเสริมความเจริญความก้าวหน้าพระพุทธศาสนา ดูแลพระหนุ่มเณรน้อย เอามันมาบวชเลย คนอยู่ในสำนักงานพุทธ เอามาบวชเป็นพระแทน

ทำไมไม่คุยแบบนี้ตั้งแต่แรก?

ทิดไพรวัลย์ : อยากคุยเหมือนกัน แต่ถ้าคุยมันจะส่งจดหมายมาอีก

จัดซะหน่อยไหม?

พระมหาสมปอง : สำนักพุทธเกิดจากการเมือง พระรูปนึงไปร้องที่รัฐสภา แต่ตอนหลังห้ามพระเณรไปยุ่งการเมือง แต่ตัวเองไปร้องมาเอง มันย้อนแย้ง

ทิดไพรวัลย์ : พวกหัวดำอยากคุมหัวโล้น 

ตอนนี้โยมแม่เป็นยังไง?

ทิดไพรวัลย์ : คิดว่าอยู่ได้ เพราะได้ข่าวว่าพี่หนุ่มจะให้ก้อนนึงไปมีชีวิตที่ดี  (หัวเราะถูกใจ)

อัลบั้มภาพ 16 ภาพ

อัลบั้มภาพ 16 ภาพ ของ เปิดหมดหัวใจ "ทิดไพรวัลย์" หลังลาสิกขา เคลียร์ "ศรีสุวรรณ" กลางโหนกระแส

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook