ชายชราทุกข์หนัก นายทุนยึดที่ 12 ชีวิตไร้ที่ซุกหัวนอน นัดคนในบ้านผูกคอหวังจบชีวิต

ชายชราทุกข์หนัก นายทุนยึดที่ 12 ชีวิตไร้ที่ซุกหัวนอน นัดคนในบ้านผูกคอหวังจบชีวิต

ชายชราทุกข์หนัก นายทุนยึดที่ 12 ชีวิตไร้ที่ซุกหัวนอน นัดคนในบ้านผูกคอหวังจบชีวิต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชายชราวัย 70 ปี ทุกข์หนักไร้ทางออก ถูกนายทุนยึดที่ดิน ไร้ที่ซุกหัวนอน นัดคนในบ้านผูกคอ หวังจบชีวิต 

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตามการร้องเรียน ที่หมู่บ้านหนองหาน จ.นครราชสีมา พบนายวิชิต อายุ 70 ปี พร้อมด้วยนางจุ่น อายุ 55 ปี และ น.ส.กัญญา อายุ 47 ปี กำลังจะใช้เชือกคล้องคอ เตรียมที่จะผูกคอตัวเองใต้ต้นมะขามเทศหลังบ้าน ผู้สื่อข่าวจึงตะโกนห้าม ปลอบใจว่าทุกปัญหามีทางออก

ขณะที่ทุกคนพากันร่ำไห้บ่นว่าถูกนายทุนเจ้าหนี้ที่รับจำนองที่ดินรังแก ขับไล่ครอบครัวออกไปจากที่อยู่แห่งนี้ แต่ไม่มีที่ไป เพราะมีที่ดินอยู่ผืนเดียว โดยมีลูก หลาน ที่อายุ 6-7 ขวบ มากอดขาไว้เพื่อปลอบใจ ตา ยาย และป้า ไม่ให้คิดสั้น

ผู้สื่อข่าวจึงเข้าไปเจรจาขอให้ทั้งหมดใจเย็นๆ และพูดคุยกันเพื่อหาทางออก และได้สอบถามถึงเรื่องราวความเป็นมาของความคับแค้นใจในครั้งนี้

นายวิชิต เล่าว่า ครอบครัวของตนเองนั้น มีสภาพยากจน ปัจจุบันอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ทั้งหมด 12 คน โดยมีตน ภรรยา ลูกสาว 3 คน ลูกชาย 1 คน เพื่อนลูกสาว 1 คน และหลานๆ อีก 5 คนที่มีอายุตั้งแต่ 1 เดือน ถึง 11 ปี ปัจจุบันตนเป็นโรคหัวใจ จึงไม่สามารถทำงานหนักได้ และเลี้ยงชีพโดยการเก็บลูกกอล์ฟ ที่สนามใกล้บ้าน เพื่อนำมาล้างใส่ถุงๆ ละ 8 ลูก ขายในราคา 100 บาท ในช่วงปกติก็จะเก็บขายได้สัปดาห์ละประมาณ 500-600 บาท แต่ในช่วงโควิด-19 ระบาด ไม่มีนักท่องเที่ยวและไม่มีนักกีฬามาเล่น จึงทำให้ขาดรายได้ ส่วนภรรยาก็อยู่บ้านเลี้ยงหลานๆ ลูกชายก็เป็นโรคหัวใจทำงานหนักไม่ได้เช่นกัน จึงรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ อยู่ในหมู่บ้าน ทำให้ตอนนี้มีเพียงตนเองที่ได้เงินเบี้ยคนชรา เดือนละ 600 บาท และเก็บลูกกอล์ฟขายได้บ้างเล็กน้อย ความเป็นอยู่ลำบากมาก

ปัญหาที่เกิดในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2559 ตนป่วยเป็นโรคหัวใจแพทย์นัดผ่าตัดเพื่อทำบอลลูน แต่ไม่มีเงิน จึงนำโฉนดที่ดินผืนนี้ จำนวน 1 งาน ไปจำนองกับอาจารย์ชายที่สอนอยู่ในวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในพื้นที่โดยได้ตกลงจำนองกันในราคา 200,000 บาท (สองแสนบาทถ้วน)แต่ถูกหักค่าดอกเบี้ยไปจำนวน 50,000 บาท ได้เงินมาเพียง150,000 บาทซึ่งในครั้งนั้นตนก็ต้องยอม โดยอาจารย์คนดังกล่าวให้ตนเองเซนในสัญญาและต้องได้จ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน โดยสัญญาเอกสารหลักฐานทุกอย่างอาจารย์คนดังกล่าวเก็บไว้ทั้งหมดโดยตนเองต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยประมาณ 7,000 บาท /เดือน เรื่อยมา ซึ่งช่วงแรกๆ ตนเองก็ขอใบเสร็จ แต่อาจารย์คนนี้บอกว่าไม่ให้ ที่แค่ 1 งาน ตนเองไม่อยากได้หรอก คนกันเองช่วยเหลือกันไป ถ้ามีเงินเมื่อไหร่ก็ให้นำเงินมาไถ่ถอนคืนเลย

กระทั่งกลางปีนี้ 2564 ตนเองประสบกับปัญหาโควิด-19 ตกงาน ขาดรายได้ ไม่มีเงินมาจ่ายดอกเบี้ย พอไปเจรจาอาจารย์คนดังกล่าวเพื่อขอหาเงินมาไถ่ถอนคืน อาจารย์คนนี้ก็ไม่ยอม ตอนแรกบอกว่าต้องนำเงินมาไถ่ถอนถึง 400,000 บาท แต่หลังๆ กลับบอกว่าไม่เอาเงินแล้ว แต่จะเอาที่ดินอย่างเดียว จึงถูกอาจารย์คนดังกล่าวฟ้องร้องต่อศาลจังหวัดสีคิ้ว เพื่อยึดที่ดินผืนนี้ไป พร้อมข่มขู่ว่าถ้าไม่ออกไปจากที่ดินตรงนี้จะนำรถแบคโฮมาทุบบ้านไล่ที่ภายในเดือนธันวาคม 2564

นอกจากนี้อาจารย์คนดังกล่าว ยังหลอกให้ลูกสาวที่อยู่ติดกันจำนองโฉนดที่ดิน 2 งาน ในราคา 90,000 บาท แล้วทำการฟ้องร้องขับไล่จนลูกสาวเครียดหนัก กลายเป็นคนเสียสติ ต้องย้ายออกไปอยู่กับญาติที่ต่างอำเภอ อีกทั้งลูกสาวอีกคนที่อยู่ติดกันก็ถูกคนที่รู้จักกันกับอาจารย์คนดังกล่าว อ้างว่าแฟนของลูกสาวที่เลิกกันไปนานเกือบ 20 ปี ได้นำโฉนดที่ดินไปขายให้กับเขา จึงได้ฟ้องศาลขับไล่ลูกสาวออกจากที่อีกราย กลายเป็นว่าตอนนี้ทุกคนกำลังถูกอาจารย์นายทุนรายนี้ขับไล่ออกจากที่ดินพร้อมกัน ทำให้ไม่มีที่อยู่ สงสารแต่ลูกหลานที่ยังเด็กอยู่ด้วยกันรวม 12 คน จะไปอยู่ที่ไหน

สำหรับหน่วยงานหรือประชาชนที่ต้องการช่วยเหลือ สามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่เบอร์โทร 064-0312182 (นายวิชิต โฉสูงเนิน)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook