ไม้ลามิเนต...อีกหนึ่งทางเลือกของบ้านรักษ์โลก

พลาดไม่ได้สำคัญ คนอยากมีบ้านที่กำลังมองหาวัสดุเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งวันนี้กรุงเทพ ธุรกิจออนไลน์จะพาไปฟังแนวคิดเรื่องนี้จากซีอีโอปทุมดีไซน์

การสร้างอาคารบ้านเรือนในเมืองไทย ตั้งแต่ดั้งเดิมมาใช้ไม้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ทุกส่วนของบ้านนอกจากวัสดุมุงหลังคาจะก่อสร้างด้วยไม้เกือบทั้งสิ้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าไม้เป็นวัสดุที่หาง่าย ราคาถูก และจำนวนประชากรยังไม่มาก การตัดไม้มาใช้ในการสร้างบ้านเรือน จึงไม่ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเท่าไรนัก

ต่อมาเมื่อประชากรเพิ่มมากขึ้นและเทคโนโลยีการผลิตมีความความเจริญก้าว หน้ามากขึ้น ความต้องการในการใช้ไม้สร้างบ้านหรืออาคารก็เพิ่มมากขึ้นตามมาด้วย ส่งผลให้ให้ไม้ตามธรรมชาติถูกใช้หมดลงอย่างรวดเร็ว จากการตัดไม้จากธรรมชาติจำนวนมากได้ก่อให้เกิดปัญหาและผลกระทบต่อสิ่งแวด ล้อมตามมามากมาย ที่สำคัญคือปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดภาวะเรือนกระจก (Greenhouse effect) และทำให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้น จนเกิดปรากฏการณ์ภาวะโลกร้อนดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

จากผลการศึกษาของนักวิชาการจากหลายสถาบันได้ข้อสรุปว่า ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นในชั้นบรรยากาศของโลกนั้น มีสาเหตุที่สำคัญที่สุดคือการตัดไม้ทำลายป่าของมนุษย์ เพราะต้นไม้และป่าไม้มีคุณสมบัติในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก่อนที่จะ เข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก ดังนั้นเมื่อต้นไม้ลดน้อยลงปริมาณของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จึงขึ้นไปสะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศของโลกมากขึ้น

กระแสการตื่นตัวในการประหยัดพลังงานและภาวะโลกร้อน จึงทำให้มีความพยายามในการแสวงหาวัสดุทดแทนไม้จากธรรมชาติมาใช้ในการก่อ สร้างบ้านมากขึ้น ส่วนต่างๆของบ้านที่ทำด้วยไม้ก็เปลี่ยนเป็นใช้วัสดุอื่นแทน เช่น ใช้เสาคอนกรีตแทนเสาไม้ ใช้อิฐก่อผนังแทนไม้ ใช้เหล็กทำโครงหลังคาแทนไม้ ฯลฯ เป็นต้น สำหรับวัสดุปูผิวพื้นบ้านที่ผ่านๆมาไม้ธรรมชาติหรือไม้ปาร์เกต์ได้รับความ นิยมสูงมาก แต่ปัจจุบันคนเริ่มเปลี่ยนและหันมาใช้วัสดุดุทดแทนพื้นไม้มากขึ้น ทั้งนี้ก็ด้วยจิตสำนึกของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าและดูแลสิ่งแวด ล้อมร่วมกันของมวลมนุษย์ โดยวัสดุทดแทนไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบันคือ...พื้นไม้ลามิเนต

"พื้นไม้ลามิเนต" มีกำเนิดมาจากประเทศในแถบยุโรป เป็นวัสดุที่นำมาใช้แทนวัสดุปูผิวพื้นโดยมีคุณสมบัติที่เด่นๆคือ ทนทานต่อรอยขูดขีด ไม่ลื่น ทนความร้อนได้สูง ทนต่อสารเคมีและทำความสะอาดได้ง่าย พื้นไม้ลามิเนตประกอบด้วย 3 ชั้นหลักๆคือ

1.ชั้นผิวหน้า เป็นภาพถ่ายลายไม้เสมือนจริงเคลือบด้วยเมลามีนลามิเนต เพื่อให้ผิวหน้าของพื้นไม้ลามิเนตมีความทนทานและไม่ดูดซับความร้อน

2.ชั้นกลาง เป็นไม้ที่ทำให้ยุ่ยเกือบเป็นผง อัดเข้าเป็นแผ่นด้วยความดันสูง

3.ชั้นล่าง เคลือบด้วยเมลามีนเรซินเพื่อให้เกิดความแข็งแกร่งและป้องกันความชื้นอีกชั้นหนึ่ง

ความแข็งแกร่งของพื้นไม้ลามิเนต วัดได้ด้วยการสังเกตและค่าต่างๆคือ ความหนาแน่นที่แกนกลาง สังเกตได้จากการตัดชิ้นพื้นไม้ลามิเนตมาสังเกต ถ้าแกนกลางมีความหนาแน่นมากจะรับแรงกระแทกได้ดี ค่าแสดงผลที่บอกถึงความคงทนได้แก่ ค่า AC (Abrasion Classification) ซึ่งมีค่าตั้งแต่ AC1-AC5 ค่าแสดงผลที่มากแสดงถึงความคงทนมาก ส่วนค่า IC (Impact Classification) เป็นข้อกำหนดการทนแรงกระแทกลงบนผิวหน้าพื้นไม้ลามิเนต โดยมีค่าแสดงผลตั้งแต่ IC1-IC3 ค่าแสดงผลที่มากแสดงถึงความคงทนมาก

นอกจากนั้นผู้ผลิตพื้นไม้ลามิเนตยังได้มีการจัดตั้งสมาคาและองค์การอิสระ เพื่อวบคุมและรับรองคุณภาพของพื้นไม้ลามิเนต สัญลักษณ์ของสมาคมลิงค์การอิสระที่ควบคุมการผลิต จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงมาตรฐานของพื้นไม้ลามิเนต ได้แก่

• EPLF เป็นสมาคมพื้นไม้ลามิเนตแห่งสหภาพยุโรป ผู้ที่จะเป็นสมาชิกต้องเป็นผู้ผลิตพื้นไม้ที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูง

• NALFA เป็นสมาคมผู้ผลิตพื้นไม้ลามิเนตในทวีปอเมริกาเหนือ

• CELQ เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงผู้ผลิตพื้นไม้ลามิเนตที่มีคุณภาพสูงมาก

• E1 เป็นค่าการทดสอบการแพร่ของฟอมัลดีไฮด์ (Formaldehyde Emission) หากมีสัญลักษณ์ E1 แสดงถึงพื้นไม้ลามิเนตที่ไม่มีการสะสมของฟอร์มาลีนในระดับที่เป็นอันตรายต่อ สุขภาพ

การเลือกใช้พื้นไม้ลามิเนตทดแทนไม้จากธรรมชาติ นอกจากท่านจะช่วยทำให้พื้นภายในบ้านดูสวยงามและดูแลรักษาง่ายแล้ว ทุกท่านยังมีส่วนช่วยในการลดภาวะโลกร้อนอีกด้วยนะครับ