สารเคมีรั่วที่ท่าเรือแหลมฉบังB3ควบคุมได้แล้ว

สารเคมีรั่วที่ท่าเรือแหลมฉบังB3ควบคุมได้แล้ว

สารเคมีรั่วที่ท่าเรือแหลมฉบังB3ควบคุมได้แล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เกิดสารเคมีรั่วไหล ฟุ้งกระจ่ายในท่าเรือเทียบเรือ B3 ภายในท่าเรือแหลมฉบัง ส่งกลิ่นเหม็นกระจายไปทั่ว สร้างความโกลาหลต่อผู้ประกอบการและพนักงานอย่างมาก และใช้เวลากว่า 2 ชม.จึงสามารถควบคุมสถานการณ์ได้

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 25 พ.ย. ที่บริเวณท่าเทียบเรือ B3 บริหารโดย บริษัท อีสเทิร์นซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด หรือ ESCO ในท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ได้เกิดมีสารเคมีรั่วไหล และฟุ้งกระจายเป็นบริเวณกว้างในท่าเทียบเรือดังกล่าวโดยหลังจากเกิดเหตุ ทางท่าเรือแหลมฉบังได้ทำการปิดการจราจร และสั่งอพยพพนักงาน ผู้ประกอบการบริเวณดังกล่าวออกห่างไกลจากจุดเกิดเหตุ เนื่องจากกลิ่นของสารเคมีมีกลิ่นเหม็นและฉุนมาก

นอกจากนั้น ทางผู้บริหารท่าเรือแหลมฉบังยังสั่งห้ามรถทุกชนิดเข้าออกบริเวณ ประตูเมนเกรส ทางเข้าท่าเทียบเรือทั้งสิ้น เนื่องจากหวั่นสารเคมีที่รั่วไหลอาจเกิดระเบิดและสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ จึงต้องป้องกันไว้ก่อน เพราะยังไม่ทราบว่าเป็นสารเคมีชนิดใดที่เกิดการรั่วไหลออกมา โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมสถานการณ์ได้

นายเฉลิมเกียรติ สลักคำ ผู้อำนวยการการท่าเรือแหลมฉบัง เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางการท่าเรือแหลมฉบังได้วางมาตรการป้องกัน คือ ห้ามประชาชนและรถยนต์เข้าไปใกล้บริเวณดังกล่าวก่อน เพราะยังไม่ชัดเจนว่าเป็นสารเคมีชนิดอะไรอะไร ล่าสุดสามารถตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่บริษัท ESCO พบว่า เป็นสารกลุ่ม 5.1 (เป็นสารฟองขาว) ใช้ในขบวนการฆ่าเชื้อ ชื่อว่า Bromine

สำหรับสารดังกล่าวได้มีการขนย้ายไว้ที่ท่า B3 ในช่วงเช้าของวันนี้ และในช่วง 13.00 น.จะนำไปเก็บไว้ที่คลังสารอันตราย แต่ในช่วงเวลา 15.00 น.ได้เกิดการรั่วไหลออกมาจนฟุ้งกระจายไปทั่วท่าเรือ B3 และท่าเทียบเรือใกล้เคียง โดยสารดังกล่าวบรรจุในถังภายในตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งมีน้ำหนักทั้งสิ้น 22 ตัน โดยในเบื้องต้น คาดว่า จะเกิดการรั่วไหลเพียงบางถังเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากควบคุมสถานการณ์ได้ จะส่งหน้าที่เข้าไปตรวจสอบหาสาเหตุอีกครั้งหนึ่งว่าเกิดจากอะไร

นายเฉลิมเกียรติ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงแรกเกิดความวุ่นวายเล็กน้อย เพราะไม่ทราบเป็นสารเคมีชนิดใด แต่ทางท่าเรือได้ประสานรถน้ำและรถโฟมจากเทศบาลในพื้นที่อ.ศรีราชาใกล้เคียงกว่า 10 คัน ช่วยระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในวงจำกัดแล้ว อนึ่ง สาร Bromine จัดเป็นสารอันตรายต่อสุขภาพอนามัยหากสัมผัสทางหายใจ โดยการหายใจเอาไอของสารนี้เข้าไปจะมีฤทธิ์กัดเนื้อเยื่อในร่างกายทั้งหมด ทำให้เกิดแผลไหม้อย่างรุนแรง การหายใจเข้าไปในปริมาณมากเกินจะทำให้เกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรง และทำลายระบบทางเดินหายใจและปอด มีอาการปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ ไอ เจ็บคอ หายใจติดขัด เลือดกำเดาไหล ปอดบวม และปวดท้องถ้าสัมผัสถูกตาจะมีฤทธิ์กัดกร่อน ทำให้การมองเห็นพล่ามัว มองไม่ชัด ตาแดง ปวดตา เยื่อบุตาไหม้อย่างรุนแรง และตาถูกทำลาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook