กมธ.ทหารวุฒิสภา ตรวจรุกป่า ท่าแซะ จ.ชุมพร

คณะกรรมาธิการทหารวุฒิสภา ติดตามปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่า เขต อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร (27 พ.ย.52) พ.ต.อ.สนธยา แสงเภา รองประธานคณะกรรมาธิการทหารวุฒิสภา นายประสงค์ นุรักษ์ โฆษก พ.อ.อ.ณรงค์ ละม้ายอิทร์ ที่ปรึกษา คณะกรรมาธิการทหารวุฒิสภา และ พล.ต.เมธี ศรีทอง อนุกรรมาธิการบริหารกิจการสวัสดิการทหาร เดินทางมาติดตามปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่า เขต อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยมีนายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พ.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการชุดเฉพาะกิจกองพันทหารราบที่ 25 และนายสุรชัย อุทัยรัตน์ นายอำเภอท่าแซะ นำคณะกรรมาธิการทหารวุฒิสภา นั่งเฮลิคอปเตอร์ เดินทางไปตรวจพื้นที่ป่าคลองกระนัย และพื้นที่ป่าบ้านสตง หมู่ที่ 20 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ ซึ่งเป็นจุดที่มีการบุกรุกแผ้วถางเป็นบริเวณกว้าง นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร รายงานความคืบหน้าของแผนปฏิบัติการสกัดกั้นและป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่า เพื่อความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-พม่า อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ว่า จากการนำชุดเฉพาะกิจ ทหาร ,ตำรวจ, เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และ อส. ในพื้นที่ เข้าปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่า เพื่อปลูกยางพารา กาแฟ และปาล์มน้ำมัน 13,700 ไร่ ในจำนวนนี้ 16 แปลง ประมาณ 300 ไร่ เป็นพื้นที่บุกรุกมานาน ซึ่งสามารถเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สิทธ์ ตามมติ ครม. 30 มิ.ย.2541 หรือมติวังน้ำเขียวได้ อีกประมาณ 111 ไร่ เป็นการบุกรุกใหม่ผลอาสินไม่เกิน 2-3 ปี ซึ่งจะต้องการยึดพื้นที่คืน และดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 25 ที่เหลือเป็นพื้นที่บุกรุกแผ้วถางใหม่ ทั้งที่กำลังปลูกพืชแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 13,000 ไร่ ซึ่งขณะนี้ได้ให้ชุดเฉพาะกิจเข้าควบคุมพื้นที่ไว้แล้ว นอกจากนี้เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ชุดเฉพาะกิจได้ตรวจยึดไม้ที่มีการลักลอกแปรรูปจำนวน 511 แผ่น รวมปริมาตร 21.27 ลูกบาศก์เมตร พร้อมผู้ต้องหา 8 ราย ซึ่งถือเป็นการตรวจยึดไม้รายใหญ่ที่สุดในพื้นที่ อ.ท่าแซะ พ.อ.พรศักดิ์ กล่าวว่า มีพื้นที่บุกรุกบางส่วนประมาณ 8,000 ไร่ รุกล้ำเข้าไปยังเขตประเทศพม่า และทางประเทศพม่าได้ทำหนังสือทักท้วงผ่าน ผู้ช่วยทูตทหารประจำกรุงย่างกุ้งเพื่อให้ผ่านไทยเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว พ.ต.อ.สนธยา แสงเภา รองประธานคณะกรรมาธิการทหารวุฒิสภา กล่าวว่า จากข้อมูลทั้งหมด จะนำเข้าที่ประชุม คณะกรรมาธิการทหารวุฒิสภา เพื่อพิจารณาหาแนวทางแก้ไขต่อไป