จับหนุ่มอ้างเป็นหลานเจ้าสัว ซีพี ตุ๋นเงินซี8

จับหนุ่มอ้างเป็นหลานเจ้าสัว ซีพี ตุ๋นเงินซี8

จับหนุ่มอ้างเป็นหลานเจ้าสัว ซีพี ตุ๋นเงินซี8
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กองปราบฯจับหนุ่มใหญ่อ้างเป็นหลานเจ้าสัวซีพีรับวิ่งเต้นทางธุรกิจ ชักแม่น้ำทั้งห้าร่วมทำธุรกิจด้วย สุดท้ายเชิดเงินหนี เหยื่ออดีตซี 8 เพิ่งโดนหมาดๆ อีกรายตะครุบปธ.วิสาหกิจชุมชนขอนแก่น ตุ๋นชาวบ้านสมัครเป็นสมาชิก-หลอกเช่ารถขาย ขณะที่สาวเมืองคอนโร่แจ้งความ หลังเสียท่าถูกไฮโซเก๊แต่งภูมิฐาน อ้างชื่อทักษิณหากินเสียเงินไปครึ่งหมื่น

(28พ.ย.) เวลา 11.00 น. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาการแทน ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.อดินันท์ ชัยนันท์ รอง ผกก.1 บก.ป. แถลงข่าวจับ นายเฉลิมพล สุรีย์วิริยะกาญจน์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 904/150 ถ.พระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กทม. ตามหมายจับศาลแขวงดุสิต ที่ จ.388/2547 ข้อหาฉ้อโกง โดยจับกุมได้ที่หน้าคอนโดมิเนียม ลุมพินีเพลส ถนนบรมราชชนนี แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม.

ทั้งนี้สืบเนื่องจากชุดสืบสวนสืบทราบว่า นายเฉลิมพล มีพฤติการณ์หลอกลวงเอาทรัพย์สินจากผู้อื่น โดยแอบอ้างเป็นหลานเจ้าของบริษัทซีพี รู้จักกับนักการเมืองและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จำนวนมาก สามารถอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจได้ ล่าสุดได้หลอกลวงนางศศิธร เวลส อายุ 49 ปี อดีตข้าราชการระดับ 8 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดบริษัท ฟ้าใส ตั้งอยู่ที่ประเทศเยอรมนี ทำธุรกิจนำสินค้าจากประเทศไทยไปขายที่เยอรมนีว่า จะส่งน้ำมันพืชทานตะวัน จำนวน 115 ตัน มูลค่า 3 ล้านบาทไปให้ที่ประเทศเยอรมนี แต่ต้องเสียค่ามัดจำก่อน 1 ล้านบาท เมื่อโอนเงินไปให้แล้วกลับไม่มีการส่งสินค้าให้

จากการตรวจสอบยังพบว่า นายเฉลิมพลยังมีหมายจับข้อหาฉ้อโกงในลักษณะเดียวกันอีก 20 หมาย ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด สอบสวนเบื้องต้นนายเฉลิมพลให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ดำเนินคดีต่อไป

นอกจากนี้ ตำรวจชุดเดียวกันยังได้จับกุม นางธนกร นาสมใจ อายุ 47 ปี ประธานวิสาหกิจชุมชนผลิตพืชผลการเกษตร อ.เมือง จ.ขอนแก่น อยู่บ้านเลขที่ 11 ต.โพนเพ็ก อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น จำนวน 5 หมาย ข้อหา ร่วมกันยักยอกทรัพย์ ฉ้อโกง และความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค เหตุเกิดเมื่อปี 2551 โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ที่หน้าโรงแรมมิโด้ แขวงประดิพัทธ์ เขตบางซื่อ กทม.

ทั้งนี้ พฤติการณ์ของนางธนกรนั้น จะตระเวนเช่ารถตามเต็นท์รถใน จ.ขอนแก่น เพื่อนำไปขาย นอกจากนี้ ยังมีพฤติการณ์หลอกลวงชาวบ้านให้เข้าเป็นสมาชิกปลูกสบู่ดำในพื้นที่ จ.ขอนแก่น เพื่อนำไปเป็นวัตถุดิบทำไบโอดีเซล โดยจะรับซื้อผลผลิตที่ชาวบ้านทั้งหมด และยังอ้างว่าโครงการนี้ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากประเทศเบลเยียม ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อสมัครและเสียค่าสมาชิกไปแล้วหลายราย เบื้องต้น ได้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

อีกราย เมื่อเวลา 07.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.ณัชนนท์ เกิดก่อ สวส.สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งจากนางสุดารัตน์ ประสิทธิ์ อายุ 38 ปี ชาว อ.ทุ่งสง ว่าถูกผู้หญิงสูงวัยรายหนึ่ง หลอกเอาเงินไปร่วม 5,000 บาท โดยอ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้เงินมาปล่อยกู้ เพื่อให้เงินของอดีตนายกฯ มีความเคลื่อนไหวและเป็นการช่วยเหลือประชาชนให้มีอาชีพและรายได้เพิ่ม

นางสุดารัตน์ เล่าว่า เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ขณะนั่งรถตู้โดยสารจาก อ.หาดใหญ่ กลับ อ.ทุ่งสง มีผู้หญิงแต่งกายภูมิฐาน ทราบชื่อคือ นางคมคาย ขุดทะกะพันธ์ อายุ 68 ปี ชาว อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งนั่งติดกันชวนพูดคุยตีสนิทพร้อมกับถามถึงอาชีพและรายได้ต่างๆ โดยอ้างว่า ทำงานกับทีมงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณจัดสรรเงินมาในประเทศไทย 2,000 ล้านบาท เพื่อให้ทีมงานไปปล่อยให้ประชาชน โดยปล่อยให้กู้รายละไม่เกิน 7 แสนบาท เพื่อให้ประชาชนได้นำเงินจำนวนนี้ไปทำธุรกิจหรือปล่อยให้กู้ต่อเพื่อกินดอกเบี้ย โดยพูดจาหว่านล้อมจนหลงเชื่อตอบตกลง

จากนั้น นางคมคายจึงบอกว่าเพื่อจะได้เงินกู้เร็ว ก็ให้ตนจ่ายเงินค่าบริการและทำเรื่องเสนอกู้ 2,000 บาท และค่าตั๋วธนาคาร 2,500 บาท รวม 4,500 บาท ด้วยความหลงเชื่อและอยากจะได้เงิน เมื่อรถถึงทุ่งสงจึงเอาเงินให้ไป และนางคมคายขอเลขบัญชีธนาคารไป บอกว่าวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ ทางทีมงานจะโอนเงิน 7 แสนบาทมาให้ พร้อมกับทำหนังสือสัญญากู้เงินไว้เป็นหลักฐาน แต่เมื่อไปตรวจสอบบัญชีธนาคารว่า ปรากฏว่าไม่มีเงินเข้ามาแต่อย่างใด จึงรู้ว่าถูกหลอก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook