อภิสิทธิ์วอนพท.ร่วมแก้รธน.สู่ยุบสภา

อภิสิทธิ์วอนพท.ร่วมแก้รธน.สู่ยุบสภา

อภิสิทธิ์วอนพท.ร่วมแก้รธน.สู่ยุบสภา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกฯ ปฏิเสธกลัว ตายใส่เสื้อเกราะขณะลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจ ชี้ บรรยากาศบ้านเมืองคลี่คลายพอสมควร แต่ยอมรับความรุนแรงยังไม่จบ เชื่อแนวทางแก้ รธน. เป็นทางออกที่ดี ยันพร้อมยุบสภาหากทุกฝ่ายเลิกป่วน ปณิธาน เผยกอ.รมน.บอกประกบแดงทุกฝีก้าว

เมื่อเวลา 09.50 น.วันที่ 29พ.ย.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข่าวการใส่เสื้อเกราะ เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่า ตนไม่ได้ใส่ จะใส่ได้อย่างไร ถ้ามาถามตั้งแต่เมื่อวาน(28 พ.ย.) ตนจะเปิดให้ดูเลย แต่ออกทีวีไม่ได้ เกราะอ่อนก็ไม่ได้ใส่ ใส่แค่เสื้อยืดตัวเดียว เมื่อถามว่าแล้ววันนี้ได้ใส่เสื้อเกราะหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ใส่ ข่าวที่ออกมาตลกมากเลย เมื่อวันที่ 28 พ.ย. เป็นวันที่ตนใส่เสื้อบางที่สุดแล้ว แสดงว่าตนคงอ้วนขึ้น

ชี้บรรยากาศบ้านเมืองคลี่คลายพอสมควร

นายอภิสิทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ภายในประเทศอยู่ในภาวะที่ดีขึ้น หรือยังว่า คิดว่าขณะนี้บรรยากาศดีขึ้นมาก และเหมาะสมในช่วงที่เราจะร่วมกันแสดงความจงรักภักดี เพราะฉะนั้นถ้าเราช่วยกันรักษาบรรยากาศของบ้านเมืองอย่างนี้ได้ก็เป็นเรื่อง ที่ดีมาก เมื่อถามว่ามั่นใจแค่ไหนว่าจะไม่มีการฉวยโอกาสในช่วงนี้เพื่อก่อความวุ่นวาย นายกฯ กล่าวว่า ตนอยากเรียกร้องทุกฝ่ายว่าต้นเดทิรน ธ.ค.นี้ เป็นช่วงที่คนไทยทั้งประเทศจะมีความสุขในการแสดงความจงรักภักดี ดังนั้นขอให้ช่วยกัยรักษาบรรยากาศของบ้านเมือง ส่วนคดีต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาก็ต้องเร่งสะสางให้ได้ แต่ตนคิดว่าหลังจากนี้ไปบรรยากาศน่าจะคลายลงไปพอสมควร แต่ต้องยอมรับว่าความรุนแรงจากการเมืองยังไม่จบ และรัฐบาลก็พยายาสยึดแนวทางที่เราเห็นว่าถูกต้อง เพื่อที่จะให้สังคก้าวพ้นตรงนี้ไปให้ได้

เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด นายกฯ กล่าวว่า ก็พยายามและกำชับเจ้าหน้าที่ว่าต้องดำเนินการให้ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็มีข้อจำกัด เราก็ต้องเห็นใจ เพราะไม่ง่ายนักในหลายๆเรื่อง แต่ต้องเข้มแข็งและทำอย่างต่อเนื่อง เมื่อถามถึงกรณีที่ จ.เชียงใหม่กลุ่มเสื้อแดงยังใช้มวลชนไปล้อมโรงพัก นายกฯ กล่าวว่า ตนได้ยืนยันไปแล้วว่าจะใช้วิธีอย่างนี้มากดดันไม่ได้ เพราะบ้านเมืองจะมีปัญหาเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย เมื่อถามว่าทางหอการค้ามีความเป็นห่วงเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง นายกฯ กล่าวว่า ตนอยากให้ทุกฝ่ายยอมรับในเรื่องการเดินไปข้างหน้า และได้พยายามบอกไปแล้วว่าเรื่องของการแก้ปัญหาอยู่ที่การมาช่วยกันทำให้บ้าน เมืองเดินหน้าไปได้ สุดท้ายก็ต้องกลับไปที่ประชาชนอยู่แล้ว คือ การเลือกตั้ง ซึ่งจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้าก็ควรทำบรรยากาศ สภาวะแวดล้อมให้เหมาะสม ซึ่งตนก็ได้เสนอไปแล้ว

"วันนี้ยังแปลกในว่าเขาบอกว่าถ้าแก้รัฐธรรมนูญ จะเหมือนเป็นการยืดเวลา ความจริงถ้าฝ่ายค้านเดินมาตกลงกัน ป่านนี้ก็เดินไปได้แล้ว ถ้าไม่เดินก็จะมีปัญหาอีก เพราะว่าไปเลือกตั้งก็ยังมีการไปบอกว่าไม่ยอมรับกติกา" นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีปัจจัยอะไรที่ทำให้การเมืองเปราะบางเหมือน เศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในขณะนี้ นายกฯ กล่าวว่า เราต้องใช้เวลา ด้านหนึ่งการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าฝ่ายความมั่นคงก็ต้องเข้มแข็ง เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย แต่อีกด้านตนคิดว่าประชาชนส่วนใหญ่เริ่มมีการแสดงออกมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ ว่าไม่ต้องการเห็นความวุ่นวายทางการเมืองยืดเยื้อ เรามีกฏ กติกาต่างๆ ก็ต้องเดินไป รัฐบาลก็รับฟังข้อท้วงติงต่างๆอยู่แล้ว และต้องการให้มีแผนที่ชัดเจนในการที่จะมาร่วมมือกัน เช่นถ้าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ต้องมาทำด้วยกัน เสร็จแล้วจะตกลงกันอย่างไร ตนบอกแล้วว่าไม่ได้มีปัญหา

เมื่อถามว่าเหมือนกับเป็นการส่งสัญญาณอีกครั้งว่าหากไม่มีความปั่นป่วน ในบ้านเมืองก็พร้อมที่จะยุบสภา นายกฯ กล่าวว่า ตนพร้อม ถ้าไม่มีความวุ่นวายแล้วมาแก้ไขรัฐธรรมนูญกัน ขณะนี้ตนค่อนข้างมั่นในว่าปี 2553 เศรษฐกิจน่าจะแข็งแรงแล้ว คำถามคือว่าทำไมไม่มาทำอย่างนี้ ถ้าหากว่ายังไม่มาทำอย่างนี้ ก็คงตีความได้อย่างเดียวว่าเป็นยเรื่องของการที่ที่จะต้องการอย่างอื่น มากกว่า ไม่ใช่เรื่องประชาธิปไตย แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวของบางคน ซึ่งถ้าเราไปยอม เราก็ไปเปิดประตูให้เกิดปัญหามากมายในอนาคต

ต่อข้อถามว่าขณะนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญดูเหมือนว่าจะยุติด้วยการแก้ไขไม่ ได้ เพราะฝ่ายค้านก็ยืนยันว่าไม่ร่วมมือด้วย นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องทำให้เขาเปลี่ยนใจ ตนคิดว่าประชาชนก็น่าจะทำให้เขาเปลี่ยนใจ และเวลานี้ 6 ประเด็นในการแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ประเด็นของรัฐฐาลหรือฝ่ายค้าน แต่เป็นประเด็นที่กรรมการทุกฝ่ายตกลงกัน และเราก็ควรทำประชามติ เพราะปีที่แล้วที่เกิดวิกฤติทางการเมือง เพราะมีประชาชนจำนวนมากไม่ยอมรับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เขาตีความว่า แก้ไปแล้วเป็นประโยชน์เฉพาะนักการเมือง เป็นประโยชน์เฉพาะกลุ่ม ตนก็บอกว่าทำไมในเมื่อเราอยากได้ประชาธิปไตยก็ใช้ประชามติเป็นตัวนำในการ แก้ไขรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่าฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลยื้อเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงกลัวจะถูกหลอก นายกฯ กล่าวว่า "ผมไม่มีประวัติหลอกใครครับ" เมื่อถามย้ำว่าการให้ประชาชนมีส่วนร่วมจะใช้แนวทางใด นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าขณะนี้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆว่าประชาชนต้องการเห็นการแก้ไขปัญหาต่างๆ และถ้าดูจากการแสดงความคิดเห็นผ่านการสำรวจความรู้สึกที่เราสัมผัสได้ ก็รู้ว่าเขาไม่ต้องการให้สังคมขัดแย้งกันไปเรื่อยๆ คิดว่าตรงนี้ต้องช่วยกันส่งสัญญาณ ซึ่งตนก็คิดว่าไม่ได้ยากอะไรที่ในชุมชนแต่ละแห่งจะช่วยกันพูดว่าจริงๆแล้ว ทุกฝ่ายมีโอกาสได้รับความเป็นธรรมอยู่แล้ว แต่ช่วยกันประคับประคองบ้านเมืองให้ผ่านจุดนี้ไป ทุกอย่างก็จะเดินไปได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าฝากความหวังไว้กับการแก้รัฐธรรมนูญมากเกินไปหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องของฝากความหวัง แต่เมื่อข้อเรียกร้องเป็นจุดที่พูดกันมานาน และหาข้อยุติไม่ได้ และมีความกังวลว่าถ้ายังไม่แก้รัฐธรรมนูญแล้วไปเลือกตั้ง ก็จะกลับมามีปัญหาเหมือนกับที่เจออยู่ในขณะนี้ ดังนั้นก็ควรสะสางปัญหาทั้งหมดให้เรียบร้อย และหากพรรคเพื่อไทยไม่มาร่วมด้วย การเดินต่อก็ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์เท่าไหร่ ยกเว้นแต่ว่าจะมีวิธีที่ทำให้ประชาชนมองว่าเป็นทางออก เมื่อถามว่าจะให้เวลาฝ่ายค้านยอีกนานแค่ไหนจึงจะยุติเรื่องการแก้ไขรัฐ ธรรมนูญ นายกฯ กล่าวว่า วิปรัฐบาลและคณะทำงานที่ดูแลเรื่องนี้ ก็คงต้องทำหน้าที่ต่อ ทั้งนี้เห็นว่านักการเมืองก็ต้องคุยกัน ส่วนประชาชนที่สนับสนุนพรรคการเมืองต่างๆ ถ้าอยากให้มีกติกาที่ทุกฝ่ายตกลงกันได้ ก็น่าจะเชิญทุกพรรคมาร่วมกัน

"ปณิธาน"เผยกอ.รมน.บอกประกบแดงทุกฝีก้าว

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพิจารณายกเลิกประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงในกทม.ว่า ในการประชุมครม.วันที่ 1 ธ.ค.คงจะพูดคุยกัน โดยจะต้องให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจัก (กอ.รมน.)ประเมินสถานการณ์หลังจากวันที่ 5 ธ.ค.ส่งมาให้ครม.ประกอบการพิจารณา เมื่อถามว่าเป็นไปได้ว่าแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะตลบหลังรัฐบาลโดยกลับมาชุมนุมใหญ่หลังจากรัฐบาลยกเลิกพ.ร.บ.ความมั่นคง นายปณิธาน กล่าวว่า ขณะนี้ทางกอ.รมน.ก็มีการประเมินและเฝ้าระวังอยู่

ส่วนกรณีที่วิเคราะห์ว่าสาเหตุที่นปช.เลื่อนการชุมนุมใหญ่เพราะแกนนำแตก คอกันทำให้ไม่น่าจะมีการนัดชุมนุมในช่วงเวลานี้ นายปณิธาน กล่าวว่า ก็ต้องดูแนวโน้มว่าเขาสามารถพูดคุยตกลงกันได้มากน้อยขนาดไหน เพราะคนจำนวนมากก็ย่อมมีความเห็นแตกต่างกัน ซึ่งก็ทำให้เสียเอกภาพและแนวร่วมไปเยอะ ในการชุมนุมก่อนวันที่ 5 ธ.ค. ขณะนี้เรากำลังจับตาว่าเขาจะพูดคุยกันได้หรือไม่ และตกลงอะไรกัน ซึ่งวัตถุประสงค์ของนปช.ก็คือจะชุมนมกันต่อ แต่แนวโน้มขณะนี้ไม่ค่อยดี เลยมีความพยายามดึงผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่ายมาช่วยประสาน หากแกนนำนปช.ตกลงกันได้เมื่อไรก็คงประกาศชุมนุมใหญ่อีกครั้ง

เมื่อถามว่าเท่าที่ประเมินคิดว่าจะสามารถกลับมาชุมนุมได้ก่อนหรือหลัง ช่วงปีใหม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ต้องดูว่าเขาจะพบกันยังไง เพราะยังไม่ชัดเจนว่านปช.จะชุมนุมอีกครั้งเมื่อไร ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าอาจจะมีการปรับเปลี่ยนยุทธวิธี เพราะนปช.ประกาศชุมนุมใหญ่มาหลายครั้งแล้วแต่กลับมาไม่สามารถเดินได้ ทำให้เสียมวลชนไปจำนวนมาก ขณะนี้รัฐบาลก็กำลังดูอยู่ว่าจะปรับเปลี่ยนรูปแบบไปอย่างไร เพราะต้องยอมรับว่านปช.มีความยืดหยุ่นสูงพอสมควร

เมื่อถามว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนัดชุมนุมวันที่ 5 ธ.ค.นี้ นายปณิธาน กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันว่าทุกกลุ่มที่ต้องการแสดงออกทางการเมืองสามารถชุมนุมได้แต่ ต้องทำตามกฎหมาย ซึ่งจริงๆแล้วมวลชนส่วนใหญ่ของนปช.เองก็ไม่มีปัญหาอะไร ต้องยอมรับว่ามวลชนที่มาชุมนุมขณะนี้มีความตื่นตัวมาก จึงต้องหาทางจัดระบบ และอำนวยความสะดวกให้ อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีกลุ่มหัวรุนแรงที่จะฉวยโอกาสทำให้เกิดสถานการณ์บางอย่าง ดังนั้นจึงต้องระมัดระวัง เมื่อถามว่าแสดงว่าในกลุ่มพันธมิตรฯก็มีพวกฉวยโอกาส นายปณิธานกล่าวตอบอย่างตะกุกตะกักว่า "อันนี้..ไม่ ไม่ แนวโน้มกลุ่มอื่นๆ เท่าที่ผ่านมาตามข้อเท็จจริง ไม่น่ากังวลมากนัก หากมีแนวโน้มจะก่อความรุนแรงรัฐบาลก็จะประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยไม่เลือกว่ากลุ่มไหน ถ้ากลุ่มเหล่านั้นเตรียมจะมาก่อกวน มีการติดอาวุธ ก็ต้องมีการจับกุม ดำเนินคดี ประกาศพื้นที่ควบคุม"

โยนถามความไม่คืบหน้าคดียึดสนามบินกับ"ธานี"

นายปณิธาน กล่าวถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านทวงถามความคืบหน้าคดีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยึดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งผ่านมาเป็นเวลา 1 ปีกว่าแต่แล้วยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ว่า รัฐบาลก็คงต้องมีคำตอบให้กับทุกฝ่ายเรื่องของการดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งเรานี้จริงๆก็เป็นไปตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องไปดูว่าคดีนี้ชักช้าเกินไปหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมือง ได้รับมอบหมายจากนายกฯให้ไปดูคดีสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะคดีความมั่นคง ซึ่งรวมถึงคดีความของม็อบเสื้อเหลืองและเสื้อแดงด้วย จึงคิดว่า พล.ต.อ.ธานีจะเข้าไปดูว่าคดีนี้มีอะไรติดขัดหรือไม่ หากต้องการทราบความคืบหน้าต้องไปสอบถาม พล.ต.อ.ธานี

ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่พล.ต.อ.ธานีใกล้ชิดกับผู้ต้องสงสัยในคดีนี้บ้างคน จะมั่นใจได้อย่างไรว่า พล.ต.อ.ธานีมีความเป็นกลาง นายปณิธาน กล่าวว่า พล.ต.อ.ธานีก็คงต้องทำตามขั้นตอน และทำงานให้กับทุกฝ่าย

"อภิสิทธิ์"ปลื้ม นศ.ส่ง สคส.ให้กำลังใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่นายอภิสิทธิ์ ขึ้นรถยนต์ประจำตำแหน่งเพื่อเดินทางออกจากสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(สทท.) ถนนวิภาวดีรังสิต หลังจัดรายการ"เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์"เสร็จสิ้น ปรากฏว่านายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบ ส.ค.ส.ที่เป็นรูปลิงถือหัวใจสีแดงให้กับนายอภิสิทธิ์ โดยนายอภิสิทธิ์มีสีหน้ายิ้มแย้ม และได้แสดง ส.ค.ส.ให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพ ซึ่งส.ค.ส.ดังกล่าวเป็นของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีคน หนึ่งที่ส่งผ่านทางนายสาทิตย์ เพื่อมอบให้นายอภิสิทธิ์ โดยมีข้อความให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ว่า " Just for you ขอให้ท่านอภิสิทธิ์และครอบครัวมีความสุขมากๆนะคะ ชอบคนรุ่นใหม่อย่างท่าน สู้ๆๆนะคะ"

ยูเออีไม่ยุ่ง"ทักษิณ"แต่ถ้าเคลื่อนไหวเจอไล่ขับออก

นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี (UAE) ได้รับปากกับไทย ว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้ยูเออีเป็นฐานในการปลุกระดมทางการเมือง หรือมีการโจมตีองคมนตรี จะทำการเชิญตัวออกนอกประเทศโดยทันที แต่หากอยู่ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง หรือนักธุรกิจ ก็ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล

นายพนิช ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาด หลังถอนหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะการถอนหนังสือเดินทางถือเป็นการทำตามระเบียบปฏิบัติ เพราะหากมีใครคนใดคนหนึ่งสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ก็ต้องถูกถอนหนังสือเดินทางเช่นกัน ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศจะปักหลักอยู่ที่ดูไบตลอดไปนั้น ทางกระทรวงการต่างประเทศทราบแล้ว และได้ทำหนังสือแจ้งไปยังยูเออีแล้ว หลังมีแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางไปพบที่ดูไบ ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจสากลในการติดตามตัว

นายพนิช ย้ำด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีการเปลี่ยนชื่อจริง เพราะหลายประเทศแจ้งมาว่าไม่มีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้าประเทศนั้นๆ ขณะที่หน่วยงานที่เชื่อถือได้ก็รายงานเช่นเดียวกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เปลี่ยนชื่อในหนังสือเดินทาง

บัวแก้วเตรียมเดินทางไปฟังคำพิพากษาวิศวกร

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เผย 7 ธ.ค.นี้อาจเดินทางร่วมฟังคำพิพากษาคดีนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ เจ้าหน้าที่วิศวกรไทยที่กัมพูชาควบคุมตัว ในข้อหาจารกรรมข้อมูลความมั่นคงของกัมพูชา โดยที่ศาลชั้นต้นของกัมพูชานัดพิจารณาคดีในวันที่8 ธ.ค.นี้ แต่ไม่ทราบว่าหลังจากมีคำพิพากษาแล้วจะมีท่าทีทบทวนความสัมพันธ์ทางการทูต หรือไม่ เพราะเป็นคนเรื่องกัน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook