ชงเลิก พรบ.มั่นคงฯ เพื่อไทยพักรบรัฐบาลตลอดเดือน

ชงเลิก พรบ.มั่นคงฯ เพื่อไทยพักรบรัฐบาลตลอดเดือน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
มงคลปาปลาร้ารับอลงกรณ์

สุเทพ ชงยกเลิก พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เข้า ครม. เพื่อไทย ขอเกี่ยวก้อย รบ. พักรบ ตลอดเดือนมงคล ปลอดประสพ เผยแกนนำเห็นร่วมกัน แนะ เสื้อแดง ยุติความเคลื่อนไหวก่อนเปิดสมัยประชุมสภา เตรียม 6 ประเด็นเชือด รบ. ที่เมืองลิง เสื้อแดงเดือดปา ปลาร้า รับ อลงกรณ์ รมช.พาณิชย์ ลงพื้นที่ มาร์ค โดนตีนตบต้อนรับกลางกรุง คุก 6 แกนนำ คาราวานคนจน ล้อมตึก เนชั่น ศาลจำคุกคนละ 2 ปี ทนายจำเลยยื่นประกันตัว 1 แสน เตรียมหาช่องยื่นอุทธรณ์ลดโทษเป็นรอลงอาญา

ยกเลิก พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อไทยเกี่ยวก้อยรัฐบาลพักรบตลอดเดือน ธ.ค. โดยเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 30 พ.ย. ที่พรรคเพื่อไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รอง หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตนได้หารือกับคณะผู้บริหารพรรคเพื่อไทย มีความเห็นร่วมกันว่า สมควรจะชักชวนให้รัฐบาลพักรบชั่วคราวในเดือน ธ.ค.นี้ เพราะถือเป็น เดือนแห่งความสุข จากนั้นค่อยไปต่อสู้ตามครรลองระบอบประชาธิปไตยใหม่อีกรอบ ในช่วงเดือน ม.ค. 2553 อย่างไรก็ตาม การพักรบจะเกิดขึ้นได้เมื่อรัฐบาลไม่ยั่วยุปั้นน้ำเป็นตัว ใส่ร้ายให้ประชาชนทั่วไปรู้สึกไม่ดี หากทำไม่ได้การพักรบก็ไม่เกิดขึ้น โดยพรรคเพื่อไทยจะกำชับ ส.ส.ของพรรค ไม่ให้สัมภาษณ์หรือแถลงข่าวในลักษณะโจมตี แต่ข้อเท็จจริงคงต้องชี้แจงไปตามปกติ ส่วนความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงได้ประกาศยุติชุมนุมใหญ่ไปแล้ว แม้จะมีความเคลื่อนไหวในจังหวัดต่าง ๆ อยู่บ้าง เราจะพยายามให้ข้อคิดและขอร้องให้ยุติความเคลื่อนไหวในช่วงเดือน ธ.ค. แต่จะรับฟังหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง

นายปลอดประสพ กล่าวว่า หลังจากพักรบกลับมาในช่วงเดือน ม.ค. ขอให้รัฐบาลเตรียมตัวรับการต่อสู้จากพรรคเพื่อไทยใน 6 ประเด็น คือ การต่อสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยและความเป็นธรรมในสังคม การต่อสู้เพื่อขจัดคอร์รัปชั่น การต่อสู้ทางนโยบายเศรษฐ กิจ การต่อสู้ในสภา ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะยื่นญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลทันทีที่เปิดสมัยประ ชุมสภา การต่อสู้ภาคประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทยสนับสนุนการเคลื่อนไหว กลุ่มคนเสื้อแดง และการต่อสู้เพื่อให้เกิดความสมาน ฉันท์ในสังคม เมื่อถามว่า การขอพักรบเป็นมติของพรรคหรือไม่ นายปลอดประสพ กล่าวว่า เป็นการพูดจาและเห็นพ้องต้องกันในระดับแกนนำ แต่ไม่ได้มีการประชุมพรรคหรือประชุม ส.ส. พรรค เนื่องจากขณะนี้ปิดสมัยประชุมสภาแล้ว เมื่อถามว่าจะควบคุมเสื้อแดงไม่ให้ก่อความวุ่นวายได้หรือไม่ นายปลอดประสพ กล่าวว่า คงได้เตือนสติกัน ซึ่งเชื่อว่าทุกคนมีความคิดและคงจะรับฟังกัน แต่คงไปสั่งเขาไม่ได้

ขณะเดียวกัน ที่ จ.ลพบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ พร้อมคณะเดินลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงาน โครงการประกันราคาพืชผล ทางการเกษตร ที่ศาลากลางจังหวัดลพบุรี โดยมี จนท.ตำรวจ และ อส.กว่า 200 นาย ยืนรักษาความปลอดภัย ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 100 คน ใช้รถยนต์ปิดล้อมเส้นทางหลัก 2 เส้นทาง ที่ใช้เข้า-ออกศาลากลาง และนำรถขยายเครื่องเสียงปราศรัยโจมตีการ ทำงานของรัฐบาล หลังจาก รมช.พาณิชย์ได้เข้าร่วมฟังบรรยายสรุปปัญหาจากหัวหน้าส่วนราชการแล้ว ได้เดินทางลงจากชั้น 5 ศาลากลาง เพื่อเดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงสีธีรโชติเจริญกิจ เลขที่ 134 หมู่ที่ 2 ต.ท่าวุ้ง ปรากฏว่าเมื่อขบวนรถเคลื่อนออกจากศาลากลาง กลุ่มเสื้อแดงที่รออยู่ได้ขว้างปาขวด น้ำพลาสติกและถุงปลาร้าใส่ขบวนรถของ รมช.พาณิชย์ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เส้นทางฉุกเฉิน เพื่อให้ขบวนรถของคณะฯ ออกจากบริเวณดังกล่าวได้อย่างทุลักทุเล

ส่วนที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาจตุจักร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ตรวจเยี่ยมการโอนเงินชดเชยส่วนต่างราคามันสำปะหลังเข้าบัญชีเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการประกันรายได้เกษตรตามนโยบายรัฐบาล ท่ามกลางการอารักขาจากตำรวจในเครื่องแบบ 200 นาย ปรากฏว่า ระหว่างนั้นได้มีกลุ่มคนเสื้อแดง 4-5 คน ถือตีนตบอยู่บริเวณที่นายกฯ ปฏิบัติภารกิจ สักพักได้ สลายตัวไป

ต่อมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการพิจารณายกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 28 พ.ย.-14 ธ.ค. ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง จะเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม. ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าข้อเสนอเป็นเช่นไร เมื่อถามถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงยุติการชุมนุมในเดือน ธ.ค.นี้ แต่จะรุกหนักในเดือน ม.ค. 2553 นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูสถานการณ์ ดูพัฒนาการต่าง ๆ ว่าเป็นเช่นไร เมื่อถามถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงตามชุมนุมขัดขวางการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนอยาก ให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน เจ้าหน้าที่ต้องหาความ พอดี ไม่ใช้กำลังกับผู้ชุมนุม ทุกฝ่ายต้อง ร่วมมือทำความเข้าใจกัน เมื่อถามต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นความนิยมในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังมากกว่ารัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยเสียงเคร่งเครียดว่า ไม่หรอกครับ ถ้าเอาตัวนี้มาวัดก็ไม่จบสิ้น

ที่กองบัญชาการกองทัพบก นาย สุเทพ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้เชิญหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์บ้านเมืองภายหลังการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในพื้นที่ กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. - 14 ธ.ค. ภายหลังที่ประชุมได้สรุปเห็นตรงกันว่า หลังจากที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศยกเลิกการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา รวมทั้งได้พิจารณาถึงปัญหาวิกฤติของชาติ ในที่ประชุมจึงมีมติยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคงฯ โดยนายสุเทพ จะทำเรื่องเข้าบรรจุวาระการประชุมครม. ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ นอกจากนี้ยังมีการหารือกรณีเหตุการณ์รุนแรงขึ้นมาภายหลังได้มีการประกาศยกเลิก พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ โดย มอบหมายให้ตำรวจเป็นผู้วางแผนในเรื่องการดูแลความ สงบเรียบร้อยต่อไป

วันเดียวกัน ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ ด.1877/2550 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 และนายจักร กฤษ เพิ่มพูน บรรณาธิการอาวุโส นสพ.คมชัดลึก ผู้เสียหายร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายคำตา แคนบุญจันทร์ นายอรรถฤทธิ์ สิงห์ลอ นายชูพงษ์ ถี่ถ้วน นายธนวิชญ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา นายชินวัฒน์ หาบุญพาด และ นายสำเริง อดิษะ ซึ่งทั้งหมดเรียกตัวเองว่าคาราวานคนจน เป็นจำเลยที่ 1-6 ที่นำมวลชนประมาณ 1 พันคน ปิดล้อม อาคารเนชั่นทาวน์เวอร์ ถนนบางนา-ตราด เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2549 ในความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพและทรัพย์สิน หรือ ใช้กำลังประทุษร้ายให้จำยอมกระทำสิ่งใด โดยร่วมกันตั้งแต่ 5คนขึ้นไปกระทำความผิด, กักขังหน่วงเหนี่ยว ผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เพื่อให้ ผู้อื่นกระทำการใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 310 ทวิ ประกอบมาตรา 83 และ 91 และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องกระจายเสียง พ.ศ. 2493 โดยคดีนี้อัยการ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2550

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายนำสืบแล้ว พิพากษา ว่าจำเลยทั้งหก มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคหนึ่งและสอง มาตรา 310 ทวิประกอบมาตรา 83 และพ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาฯ เป็นความผิดหลายกรรมให้เรียงกระทงลงโทษ จำคุกคนละ 3 ปี ปรับคนละ 180 บาท ชั้นพิจารณาคำเบิกความของจำเลย มีประโยชน์อยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี คำเบิกความของจำเลยที่ 2 และ 5 มีประโยชน์ต่อการพิจารณาความผิดตามพ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาฯ จึงลดโทษค่าปรับ ให้ 1 ใน 3 เหลือปรับคนละ 120 บาท ต่อมาทนายความของนายคำตากับพวก ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 1 แสนบาท ขอประกันตัวไประหว่างอุทธรณ์ และจะใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ภายในระยะเวลา 30 วัน โดยขอให้ศาลลดโทษเหลือเพียงแค่การ รอลงอาญา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีกลุ่มญาติและกลุ่มเสื้อแดงประมาณ 20 คน ซึ่งนำโดยนายจรัล ดิษฐาอภิชัย 1 ในแกนนำ นปช.เดินทางมาให้กำลังใจนายคำตากับพวกด้วย.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook