ตลท.เล็งมาร์เกตแคปปี53แสนล.

ตลท.เล็งมาร์เกตแคปปี53แสนล.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงแผนงานในปี 53 ว่า ตลท. จะเน้น 4 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย การเพิ่มคุณภาพและยกระดับความน่าเชื่อถือตลาดหุ้นไทย, การเพิ่มสภาพคล่อง, การสร้างฐานสำหรับอนาคต และการเตรียมพร้อมรับกระบวนการปฏิรูป ตลท. เป็นบริษัทมหาชน โดยตั้งเป้าหมายมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เกตแคป) ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใหม่รวม 100,000 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ (วอลุ่ม) เฉลี่ยวันละ 17,500-22,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับวอลุ่มเฉลี่ยปีนี้วันละ 18,000 ล้านบาท และสัญญาซื้อขายในตลาดอนุพันธ์วันละ 10,000-12,000 สัญญา เมื่อเทียบกับปีนี้เฉลี่ยวันละ 9,000 สัญญา

นอจากนี้ จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพิ่มทางเลือกให้นักลงทุน เช่น สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (โกลด์ฟิวเจอร์ส) น้ำหนักทอง 10 บาทต่อสัญญา คาดเริ่มในไตรมาส 1 และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ย ในไตรมาส 4 พร้อมทั้งจะเพิ่มสัดส่วน นักลงทุนสถาบันในประเทศทั้งในตลาดหุ้นและตลาดอนุพันธ์เป็น 12-15 % จากปัจจุบันอยู่ที่ 10%

นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลท. กล่าวว่า การเพิ่มมาร์เกตแคปให้ได้ 100,000 ล้านบาทนั้นจะมาจากเฉพาะบริษัทที่ระดมทุนใหม่ ไม่รวมกรณีบริษัทที่จดทะเบียนในรูปแบบ 2 ตลาดหุ้น (ดูโอลิสติ้ง) ซึ่งตลท. มีแผนดึงบริษัทขนาดใหญ่และบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจเขาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะบริษัทที่ยังไม่ได้รับสัมปทานจากภาครัฐ และที่ผ่านมาได้หารือกับกระทรวงอุตฯ รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์ แก้กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้บริษัทดังกล่าวเข้าตลาดหุ้น ไทย โดยกำหนดให้บริษัทเอกชนข้ามชาติที่เข้ามารับสัมปทานของรัฐต้องมีการกระจายหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ และตามเงื่อนไขในปี 53 จะมีบริษัท สตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง (เอสพีอาร์ซี) ต้องเข้าตลาดหุ้น แต่ขึ้นกับตัวบริษัทเองว่าจะพร้อมในช่วงใด.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook