จำคุกเก่ง-การุณ 1 ด.คดีโดดถีบสมเกียรติ

จำคุกเก่ง-การุณ 1 ด.คดีโดดถีบสมเกียรติ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ศาลสั่งจำคุกเก่ง-การุณ โหสกุลส.ส.เพื่อไทย 1 เดือนปรับ 2 พัน ในความผิดฐานโดดถีบสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และดูหมิ่น เหตุเกิดในห้องอาหารรัฐสภา เมื่อปีก่อน แต่เห็นว่ายังไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี สมเกียรติ เผยต้องการสร้างบรรทัดฐาน ส.ส.ที่เรียกตัวเองว่า ผู้ทรงเกียรติ ขณะที่ เก่ง-การุณ ยอมรับโทษไม่ขออุทธรณ์

ที่ห้องพิจารณาคดี 7 ศาลแขวงดุสิต ถนนบรมราชชนนี เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 1 ธ.ค. ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาทำร้ายร่างกาย ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวงดุสิต และ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ โจทก์ร่วม เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายการุณ หรือเก่ง โห สกุล ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และดูหมิ่นซึ่งหน้า ตามฟ้องโจทก์ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2551 เวลากลางวัน ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ประชุมสภา ซึ่งได้หยิบยกการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นมาอภิปราย ซึ่งโจทก์ร่วมได้ใช้สิทธิของการอภิปรายจนเสร็จสิ้นแล้ว ได้เดินออกไปพบกับ นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ที่ห้องอาหาร อาคารรัฐสภา โดยมีการพูดจาทักทายกัน ต่อมาจำเลยได้เดินเข้ามาพร้อมกับตะโกนต่อว่า และใช้กำลังทำร้ายร่างกายจนโจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่จำเลยถูกแยกออกไปและถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนภายหลัง ต่อมาโจทก์ร่วมได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ดำเนินคดีจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธ

พิเคราะห์แล้วมีประเด็นว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีพยานเบิกความว่า ขณะที่โจทก์ร่วม เข้ามาบ นายนิพนธ์แล้วจับมือกัน จำเลยเดินตามตะโกนเข้ามาด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายต่าง ๆ พร้อมกับใช้เท้าขวาถีบเข้าที่ท้องน้อย และชกต่อยเข้าที่ใบหน้าโจทก์ร่วม จนนายนิพนธ์ต้องใช้มือกันเอาตัวจำเลยออกไป ห่างประมาณ 3-4 เมตร แต่จำเลยยังตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายอีก จนเพื่อน ส.ส.ฝ่ายจำเลยต้องเข้ามาห้ามปราม และนำตัวออกไปจากห้องอาหาร โจทก์ร่วมเข้าแจ้งความ และเข้ารับการตรวจร่างกายโดยมีแพทย์ระบุว่า ถูกทำร้ายจริง พร้อมกันนี้ทางรัฐสภาก็ยังตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยมี พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภา เป็นประธาน และมี ส.ส.พรรคฝ่ายจำเลยและพรรคร่วมรัฐบาล เป็นกรรมการ สรุปผลสอบว่ามีการทำร้าย ร่างกายและมีการด่าทอกัน แต่ไม่ระบุชื่อจำเลยเป็นผู้กระทำ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ผลสอบดังกล่าว เป็นการตั้งประเด็นว่ามีการทำร้ายโจทก์ร่วมหรือไม่ จึงฟังได้ว่าผลสอบดังกล่าวเป็นกรณีเดียวกันกับการทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วม จากพยานหลักฐานดังกล่าวเชื่อได้ว่า จำเลยติดตามโจทก์ร่วมไปที่ห้อง อาหารและได้ทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วมจริง อันเป็นความผิดฐานทำร้ายผู้อื่น แต่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ส่วนที่จำเลยตะโกนด่าทอโจทก์ร่วม จึงเป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า ข้ออ้างของจำเลยที่ว่าจะเดินไปสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการอภิปรายนั้น เป็นเพียงการกล่าวอ้างลอย ๆ ฟังไม่ขึ้น

พิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง ลงโทษจำคุกฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น 1 เดือน ปรับ 1,000 บาท ฐานดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าปรับ 1,000 บาท อย่างไรก็ตามแม้จำเลยจะเคยกระทำผิดมาแล้วหลายคดี แต่ยังไม่มีคดีใดที่ถูกลงโทษจำคุก จึงมีเหตุแห่งการบรรเทาโทษ โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้เป็นเวลา 2 ปี

ภายหลังฟังคำพิพากษา นายการุณ กล่าวว่า ตนเคารพในกติกาสังคม และจะไม่ยื่นอุทธรณ์คดี เพราะถือเป็นเรื่องเล็กน้อยเสียเวลา คดีนี้เรารู้ในใจกันดี ระหว่าง อ.สมเกียรติกับตน ว่าอะไรเกิดขึ้น ก่อนฟังคำพิพากษาก็ได้มีการยกมือไหว้ทักทายกันแล้ว แต่จะให้ขอโทษคงไม่ขอโทษ เพราะไม่ใช่เรื่องที่เป็นสาระ ปกติก็พบปะทักทายกันหลายครั้ง ยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากอารมณ์ หรือโทสะ โมโห แต่เป็นความตั้งใจของตนตั้งแต่แรกแล้ว

ด้าน นายสมเกียรติ กล่าวว่า เชื่อมั่นในพยานหลักฐาน ที่มีทั้งผลการตรวจร่างกาย และผลสอบของคณะกรรมการรัฐสภา คำพิพากษาคดีนี้ สื่อความหมายถึงการทำหน้าที่ ส.ส.ในคดีดูหมิ่นซึ่งหน้าและทำร้ายร่างกายเป็นอย่างดี เชื่อว่าจะไม่มีการยื่นอุทธรณ์ของทั้งสองฝ่าย เพราะคดีนี้ตนไม่ได้จะมุ่งหมายให้มีการลงโทษ แต่ต้องการสร้างบรรทัดฐานให้ ส.ส.ที่เป็นตัวแทนประชาชน เรียกตัวเองว่าผู้ทรงเกียรติในสภา มีพฤติการณ์ลักษณะเช่นนี้ จะกระทบต่อความเชื่อถือของประชาชน ผู้ที่เป็น ส.ส. ต้องมีเหตุผล ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนมิใช่ปกป้องผลประโยชน์ของนักโทษเพียงคนเดียว ฝากกระตุ้นเตือนวิปรัฐบาลว่า ควรจะรีบนำประมวลจริยธรรมของ ส.ส.และ ส.ว.มาพิจารณาให้เสร็จสิ้นในการเปิดสมัยประชุมสภาครั้งหน้า.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook