เสื้อแดงประกาศดีเดย์10ธันวาคม

เสื้อแดงประกาศดีเดย์10ธันวาคม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
บชน.ผวานองเลือดแม่ศิวรักษ์เยี่ยมลูก

บช.น. หวั่นวินาศกรรมนองเลือดกลางกรุง 4 ธ.ค. ดีเดย์ปิดฉากงานร้องเพลงชาติไทย สั่งระดมกำลังอารักขา ครม. เต็มพิกัด ส่วน เทพเทือก ย้ำข่าวป่วนเมืองช่วงส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ มาร์ค สั่งรับมือหลัง นปช. ประกาศชุมนุมรอบใหม่ 10 ธันวา อ้างอุ่นเครื่องก่อนระดมพลครั้งใหญ่ 3 เกลอ เสี้ยมอำมาตย์จ้องปลด ผบ.ทบ. พ้นทาง เสธ.แดง เฉไฉเกณฑ์ ทหารพราน ร่วมม็อบแดง ด้าน นพดล โชว์ผลงานข่ม กษิต หลังต่อสายพา แม่วิศวกร เยี่ยมลูกอีกหนสะดวกโยธิน โถ...หัวอกแม่หอบกุนเชียง-หมูหยองไปฝาก แย้ม พท. ดูแลอบอุ่นกว่ารัฐบาล ฟาก รมต.น้องเดียว สั่งตีปิ๊บแจงผลงานรัฐบาล 23 ธ.ค. นี้ ส่วน กกต. ชงศาลฯ เขี่ย พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ พ้น รมช.คลัง เกียรติกร หลุด ส.ส. ตั้งแต่ปากไวไขก๊อก ขณะที่ มาร์ค-เทือก ปัดใช้ช่วงชุลมุนปรับ ครม. ปู่ชัย นำทีม ก.ก. แจงแบบสภาใหม่ขาวจั๊วะ

* นปช.นัดชุมนุมใหม่10ธ.ค.

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงว่า วันที่ 10 ธ.ค. จะมีการชุมนุมของคนเสื้อแดง เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่เวลา 12.00-24.00 น. โดยใช้สถานที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ชุมนุมอย่างสงบ และไม่มีการเคลื่อนขบวน การชุมนุมดังกล่าวเป็นการอุ่นเครื่องก่อนที่จะมีการชุมนุมใหญ่ ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้นอกจากจะพูดเรื่องรัฐธรรมนูญแล้ว จะมีการปราศรัยทางการเมือง และได้เชิญนายอุดม มั่งมีดี อดีตหัวหน้าคณะผู้พิพากษาศาลฎีกามาพูดถึงการปฏิรูประบบศาลของไทย

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค.นี้ คนเสื้อแดงจะถือโอกาสประกอบพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรในช่วงเย็น และขอฝากไปยังรัฐบาลว่าคนเสื้อแดงไม่กลัวหากจะประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เนื่องจาก นปช. ประกาศชุมนุมอย่างสงบ แต่ถ้ามีใครเคลื่อนไหวนอกจากแนวทางสันติ พวกตนจะไม่รับผิดชอบใด ๆ อย่างไรก็ตามวันที่ 9 ธ.ค. จะนัดหมายแกนนำเสื้อแดงมาหารือเพื่อกำหนด วันชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาลอีกครั้ง

* ปูดอำมาตย์จ้องปลด ผบ.ทบ.

ส่วนที่มีข่าวว่าแกนนำเสื้อแดงแตกคอเป็นครั้งที่สองนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้มีความพยายามในลักษณะหากินง่าย เพราะรัฐบาลต้องการพูดผ่านสื่อให้คนเสื้อแดงแตกแยก ขอชี้แจงว่าความเป็นเอกภาพของคนเสื้อแดงไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล แต่อยู่ที่จิตวิญญาณการต่อสู้ วันนี้นอกจากจะไม่มีใครหายไปแล้วยังมีเพิ่มขึ้นทุกวัน และเร็ว ๆ นี้ รัฐบาลจะเห็นคนเสื้อแดงมาชุมนุมเป็นล้านคนแน่นอน

ผมเห็นภาพนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แล้วรู้สึกเวทนา อยากบอกให้เอาบุญว่าคุณกำลังอยู่ในสถานการณ์ 3 อย่าง คือ 1.สถานการณ์มหากาพย์เพื่อ กำราบมาร์ค เนื่องจากการตั้ง ผบ.ตร. ขอให้จับตาดูการลุยสอบทุจริตของกองปราบปรามให้ดี เพราะจะมีผลไปถึง สตช. และ ก.ต.ช. 2.สถานการณ์คลื่นใต้น้ำที่คนในพรรคประชาธิปัตย์มีความแตกแยกต้องการเก้าอี้รัฐมนตรี และ 3.ขุมอำนาจอำมาตย์กำลังเล่นเกมป๊อกเด้ง เพื่อเปลี่ยนตัวคนสำคัญ เช่น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ แกนนำเสื้อแดง ระบุ

* ซัดรัฐบาลโยนบาประเบิดปีใหม่

นายจตุพร กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ออกมาระบุว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่อาจมีการก่อวินาศกรรมขึ้นเหมือนในช่วงเดือน ธ.ค. 49 ว่า เรื่องนี้ทราบมาจากนายพลคนหนึ่งอยู่ในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งรัฐบาลพยายามโยนความผิด และออกข่าวว่าจะมีการวางระเบิดในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 52-1 ม.ค. 53 เพื่อบลั๊ฟการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง ดังนั้นตนก็ขอกล่าวหาดัก ไว้เลยว่าเรื่องนี้เป็นการวางแผนของรัฐบาลให้คนเข้าใจผิดว่าคนเสื้อแดงเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งที่พวกตนไม่ได้รู้เห็น และหากมีเหตุเกิดขึ้นจริง ขอให้คนไทยลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาล เพราะว่าเป็นวิธีการที่ชั่วร้าย เหมือนกรณีที่กุข่าวว่าคนเสื้อแดงขนคนต่างด้าวมาร่วมชุมนุม

* บิ๊กจิ๋วปัดทพ.ร่วมม็อบแดง

ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ในฐานะประธานพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณี พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เปิดเผยว่าจะมีอดีตทหารพรานจากค่ายปักธงชัย จ.นครราชสีมา เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะไม่พอใจที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ยุบค่ายปักธงชัยว่า คงไม่ใช่อย่างที่เป็นข่าว การยุบค่ายไม่ใช่ความต้องการของพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นเรื่องของกองทัพที่เห็นว่าหมดความต้องการแล้วก็อาจจะยุบค่ายได้ เชื่อว่านักการเมืองคงไม่มายุ่งกับทหาร

ต่อข้อถามว่า มีกระแสข่าวว่าถังแตกถึงขั้นประกาศขายคอนโดมิเนียม ประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นการพูดที่น่าเกลียด คงไม่ใช่การโจมตี แต่เป็นเพราะไม่เข้าใจ ข่าวที่ออกมาทำให้คนเข้าใจว่าตนออกมาโวยวายเรื่องเงินทอง ซึ่งไม่เคยเป็นเช่นนั้น เรื่องนี้คงเป็นข่าวที่ผิดพลาด เนื่องจากบุตรสาวของตนต้องการส่งหลานไปเรียนต่อในอเมริกาจึงบอกขายคอนโดฯ ซึ่งตนได้ช่วยถามว่ามีใครต้องการซื้อ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อถามว่า จะฟ้องสื่อที่ตีพิมพ์เรื่องนี้หรือไม่ ประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คงไม่ฟ้อง เรื่องมากกว่านี้ยังไม่เคยฟ้อง ใคร มีคนด่าแม่ก็ยังไม่ฟ้อง

* แขวะมาร์ค-กษิตชอบท้าต่อย

พล.อ.ชวลิต ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นกรณีสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ อีกครั้ง โดย พล.อ. ชวลิต ให้เหตุผลว่า เรื่องระหว่างประเทศวิพากษ์วิจารณ์คงไม่ดี เรื่องนี้รัฐบาลคงสามารถทำให้มีความเรียบร้อยได้ ทั้งนี้รัฐบาลควรสร้างความเป็นมิตรกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะไม่อยากให้บ้านลุกเป็นไฟ เข้าใจว่ารัฐบาลคงกำลังหาทางที่จะพูดจากับกัมพูชาให้รู้เรื่อง จึงควรให้เวลากับรัฐบาล ก่อน ส่วนตนคงไม่ไปแนะนำรัฐบาล เพราะรัฐบาลมีคนทำงานที่มีฝีมืออยู่แล้ว

ต่อข้อถามว่า นายกฯ ระบุว่าการที่ท่าทีของสมเด็จฮุนเซนเป็นเช่นนี้ เพราะถูกยั่วยุจากบุคคลใดบุคคลหนึ่ง อดีตนายกฯ กล่าวว่า อย่าไปตัดสินหรือพูดอะไรที่มีผลกระทบเร็วนัก นายกฯ อาจมีข้อมูล แต่ถ้าไม่มีข้อมูลก็ไม่ควรไปสร้างเรื่อง พูดง่าย ๆ น่าจะพูดให้น้อยที่สุด พูดกันในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทั้งนี้คำพูดมาจากพื้นฐานทางความคิดและจิตใต้สำนึกที่คิดว่าต้องตีต้องต่อยกันตลอดเวลา เมื่อถามย้ำว่า จะเดินทางไปกัมพูชาเพื่อพูดคุยกับสมเด็จฮุนเซน อีกหรือไม่ พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า คงไม่จำเป็นเพราะพูดคุยกันรู้เรื่องแล้ว ขอเพียงอย่าไปด่าไปแขวะ

* ไม่แย่งซีนช่วยวิศวกรชาวไทย

ส่วนบทบาทของพรรคเพื่อไทยกับรัฐบาลที่มีลักษณะแย่งผลงาน โดยกรณี การช่วยเหลือวิศวกรชาวไทยที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมตัวนั้น ประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลควรคิดถึงคนที่เดือดร้อน มารดาวิศวกรไทยเดือดร้อน ก็ต้องช่วยกันให้ไปเยี่ยมก่อน ฝ่ายค้านยืนยันว่าไม่ได้แย่งผลงานรัฐบาล

เมื่อถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง เคยออกมาระบุว่าปัญหาความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านส่วนหนึ่งมาจากการเดินทางไปกัมพูชาของ พล.อ.ชวลิต ประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จะโทษมาก็ได้ตนยอมรับ แต่อย่าไปคิดอย่างนั้น ตนเดินทางไปกัมพูชาเป็นการไปทำในสิ่งที่รัฐบาลเป็นห่วงหลายเรื่อง เช่น การเผชิญหน้าด้วยกำลังทหาร หรือการเจรจาปัญหาที่ควรจะเจรจาแบบทวิภาคีมากกว่าพหุภาคี แต่อาจเป็นเพราะรัฐบาลไปยกเอาคำพูดของนายกฯ กัมพูชา ที่ออกมาระบุว่ามีความสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จึงทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เรามีแต่สร้างมิตรให้เกิดขึ้นไม่ได้สร้างความแตกแยก

* แม่บินไปเยี่ยมศิวรักษ์รอบ2

วันเดียวกัน เวลา 07.45 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นางสิมารักษ์ ณ นครพนม และนายพงษ์สุรีย์ ชุติพงษ์ มารดาและน้องชายของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรบริษัท แคมโบเดีย แอร์ทราฟฟิก เซอร์วิสเซส จำกัด หรือแคทส์ ที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมในข้อหาจารกรรมข้อมูลการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกฯ ได้เดินทางไปประเทศกัมพูชา เพื่อเยี่ยมนายศิวรักษ์ที่เรือนจำเพรยซอเป็นครั้งที่สอง โดยมีนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ไปอำนวยความสะดวก

นางสิมารักษ์ เปิดเผยว่า การขอให้พรรคเพื่อไทยช่วยเหลือ เพราะเกรงใจรัฐบาล ไม่มีนัยแอบแฝง แต่ต้องการใช้ทุกช่องทางเพื่อช่วยให้เดินทางไปพบบุตรชาย ทั้งนี้ขอปฏิเสธเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศยึดหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) สำหรับวงเงินประกันตัวทราบว่าสถานทูตเตรียมไว้แล้วประมาณ 5 หมื่นบาท ถึง 2 แสนบาท

* รับพท.ดูแลอุ่นใจกว่ากต.

มารดานายศิวรักษ์ เปิดเผยอีกว่า ขอให้เห็นใจหัวอกคนเป็นแม่ที่เป็นห่วงลูก อย่าโจมตีหรือมองเป็นเรื่องการเมือง ไม่ว่าช่องทางใดที่ช่วยเหลือลูกชายได้ก็พร้อมจะทำและรู้สึกดีใจมากที่พรรคเพื่อไทยเข้ามาช่วยเหลือซึ่งทำให้รู้สึกอุ่นใจมากกว่าที่ผ่านมา การไปครั้งนี้ต้องการไปให้กำลังใจลูกชายให้มีกำลังใจในการต่อสู้คดี หากนายศิวรักษ์ได้รับการประกันตัวในวันที่ 4 ธ.ค. นี้จะเป็นข่าวดีที่สุดในชีวิต เพราะขณะนี้บุตรชายมีอาการโรคหอบหืดกำเริบ กลางคืนจะเกิดอาการแพ้อากาศและหายใจขาดเป็นช่วง ๆ ซึ่งมีอาการคล้ายโรคหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันร่วมด้วย อีกทั้งร่างกายทรุดโทรมไปมาก ครั้งก่อนนายศิวรักษ์บอกว่านอนไม่หลับและได้ขอยานอนหลับ แต่ตนไม่กล้าให้ไว้ เพราะ กลัวเจ้าหน้าที่จะกล่าวหาว่าให้ยานอกเหนือจากยาประจำตัว

นางสิมารักษ์ กล่าวด้วยว่า การเดินทางไปในเที่ยวนี้จะค้างที่กรุงพนมเปญ 1 คืน พรรคเพื่อไทยได้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด และวันที่ 7 ธ.ค. จะเดินทางไปอีกครั้งเพื่อร่วมฟังการตัดสินคดีในวันที่ 8 ธ.ค.

* โถขนกุนเชียง-หมูหยองไปฝาก

นางสิมารักษ์ ยังได้เปิดกระเป๋าเดินทางให้ผู้สื่อข่าวดูสิ่งของเครื่องใช้ที่นำไปให้บุตรชาย ประกอบด้วยเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น ชุดนอน เสื้อยืด ผ้าเช็ดตัว พร้อมอาหารแห้ง อาทิ กุนเชียง หมูหยอง

นายพร้อมพงศ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนหน้านี้วางแผนว่าจะเดินทางไปกัมพูชาด้วย แต่เกรงว่าจะถูกโจมตีมากกว่านี้ เพราะขณะนี้โดนกล่าวหาว่ามาแย่งซีน ฉกฉวยโอกาสทางการเมือง ทั้งที่นางสิมารักษ์ไปขอร้องให้พรรคเพื่อไทยช่วยเหลือ และพรรคเห็นว่าการดำเนินการเรื่องนี้เป็นการช่วยรัฐบาลอีกทาง ซึ่งนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.การต่างประเทศได้ประสานกับบริษัทแคทส์และภาคเอกชนกัมพูชาให้เข้ามาช่วยเหลือนางสิมารักษ์ได้เข้าเยี่ยมบุตรชายอีกครั้ง คาดว่าวันที่ 4 ธ.ค. กระทรวงการต่างประเทศจะยื่นประกันตัวน่าจะมีแนวโน้มที่ดี อย่างไรก็ตามพรรคได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือไว้แล้วหากมีการตัดสินว่านายศิวรักษ์ต้องรับโทษตามกฎหมายกัมพูชา โดย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย จะประสานเพื่อขอนิรโทษกรรมให้กับนายศิวรักษ์ทันที

* เสธ.แดงชิ่งระดมม็อบทพ.

ขณะที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ให้สัมภาษณ์กรณีระบุว่าเตรียมนำกองกำลังทหารพรานค่ายปัก ธงชัย จ.นครราชสีมา รวมตัวปกป้องกลุ่มคนเสื้อแดงว่า เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย เรียกตนไปพบ เพราะขณะนี้ทหารพรานค่ายปักธงชัยที่ถูกยุบกำลังรวมตัวออกมาเป็นพันคน และมีการเตรียมอาวุธหนักพร้อมรบ เพราะเห็นว่ารัฐบาลไม่มีความเป็นธรรมซึ่งตอนที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ปิดสนามบิน แต่ทหารไม่ออกมาปราบปราม แต่เมื่อกลุ่มเสื้อแดงออกมาล้อมทำเนียบรัฐบาล อย่างเหตุการณ์เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ทหารก็ออกมาปราบปราม ซึ่งทหารพรานเหล่านี้จะแฝงตัวเป็นการ์ดคนเสื้อแดง เวลามีม็อบเสื้อแดงก็จะแฝงตัวไป ดังนั้นขอเตือนว่าทหารอย่าออกมาช่วงนี้ เพราะจะถูกทหารพรานที่มีอาวุธพร้อมรบอาจทำให้เกิดสงครามกลางเมืองได้

* ว้ากนายเต้นตามเสื้อเหลือง

พล.ต.ขัตติยะ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญทหารพรานเหล่านี้ใช้อาร์พีจีเก่งกว่าทหารหลัก การที่ พล.อ.พัลลภ เรียกตนไปพบ เพราะต้องการไปเคลียร์ว่าอย่าเพิ่งให้ทหารพรานเข้ามา อย่างไรก็ตามการที่ทหารพรานนี้ออกมาเป็นเพราะ พล.อ.ชวลิตเป็นคนตั้งค่ายนี้ขึ้นมา เมื่อ พล.อ.ชวลิต ลงเล่นการเมืองจึงอยากจะออกมาและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีบุญคุณ เพราะสมัยเป็นนายกฯ ได้ขึ้นเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงให้

ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีความพยายามปลดและถอดยศของตนทั้งที่ยังไม่มีความผิดด้านวินัยว่า กองทัพบกอยู่ใต้คำสั่งของนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่หรือของใคร เพราะนายสุริยะใสบอกให้สั่งสอบก็จะทำการสอบทันที หากปลดตนก็เป็นเรื่องไม่พอใจส่วนตัว เพราะตนไม่มีความผิดอะไร แล้วจะมาถอดยศ มาปลดตนได้อย่างไร คนที่ถอดยศตนได้มีเพียงพระองค์เดียว หากปลดตนระวังออกจากกองทัพไม่ได้และวันนี้ พอมีข่าวออกไป กองทัพก็เต้นกันไปหมด โทรศัพท์มาขู่ตนทั้งวันจากทั้งฝ่าย เสธ.และฝ่ายต่าง ๆ แต่ตนไม่ผิด ตนไม่กลัว

* เชื่อเทพเทือกตีปลาหน้าไซ

ด้าน พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ระบุว่าศูนย์อำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) วิเคราะห์อาจมีการก่อวินาศกรรมในช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า เป็นการพูดกันไว้ก่อน เมื่อวันขึ้นปีใหม่ปี 50 ก็เคยเกิดเหตุการณ์ขึ้นซึ่งไม่รู้ว่าเป็นการกระทำของกลุ่มใด รวมถึงหลังปีใหม่กลุ่มคนเสื้อแดงก็จะชุมนุมอีกครั้ง ดังนั้น รองนายกฯ อาจพูดในลักษณะป้องปรามไว้ก่อน เป็นการยกตัวอย่างไม่ให้เจ้าหน้าที่ประมาท ทั้งนี้ หลังยกเลิก พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เจ้าหน้าที่ก็ติดตามและเฝ้าระวังข่าวสารอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง อย่างไรก็ตาม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ไม่ได้กำชับอะไรพิเศษ

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.ขัตติยะ ระบุว่ามีกำลังทหารพรานกว่า 1 พันคนเป็นแนวร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดง โฆษก กอ.รมน. กล่าวว่า เป็นการเปิดแนวร่วมฝ่ายเสื้อแดง แต่กองกำลังทหารพรานปัจจุบันอยู่ในระเบียบวินัย มีผู้บังคับบัญชาทำความเข้าใจตลอดเวลาถึงผลตอบแทนที่ได้รับ อีกทั้งทำความ เข้าใจว่าอย่าตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรือกลุ่มคนปลุกกระแสจนเกิดความแตกแยกในกองทัพ

* หวั่นระเบิดลงงานร้องเพลงชาติ

รายงานข่าวจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) แจ้งว่า จากการประชุมประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยพื้นที่กรุงเทพฯ จนถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ของ บช.น. ที่มี พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ รักษาการ ผบช.น. พร้อมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับรอง ผบช.น. และหน่วยงานด้านการ ข่าว โดยคาดว่าน่าจะมีเหตุก่อวินาศกรรมขึ้น จากกลุ่มผู้ไม่หวังดีมุ่งเป้าไปที่งาน ไทยสามัคคีไทยเข้มแข็ง วันที่ 4 ธ.ค. ระหว่างเวลา 17.30-18.00 น. บริเวณสนามศุภชลาศัย ที่รัฐบาลเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมร้องเพลงชาติไทยตามโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งจะมีประชาชนมารวมตัวหลายหมื่นคน จึงกำหนดเป็นพื้นที่ที่ต้องจับตามองและเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

ข่าวแจ้งว่า พล.ต.ท.สัณฐาน ได้กำชับ ให้ระดมกำลังตำรวจอรินทราช ตำรวจ 191 บก.น.6 สน.ปทุมวัน คุมเข้มสนามศุภชลาศัยเป็นพิเศษ เน้นจุดเข้า-ออกและพื้นที่โดยรอบตั้งจุดตรวจค้นผู้ที่มาร่วมงาน รถเข้า-ออกและรถที่ผ่านบนถนนทุกสายที่มุ่งหน้าบริเวณจัดงาน ให้เจ้าหน้าที่สรรพาวุธ สุนัขตำรวจตรวจเข้มวัตถุต้องสงสัยแบบปูพรม และสั่งการให้จัดกำลังอรินทราช 26 ดูแลอาคารสูงเป็นพิเศษ เน้นการดูแลความปลอดภัยให้กับนายกฯ และ ครม. ที่มาร่วมงาน รวมทั้งประสานการปฏิบัติกับตำรวจสันติบาลและกองปราบปรามตามแผนรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

* วอร์รูมปชป.หยันม็อบแดง

รายงานข่าวจากคณะทำงานปฏิบัติการเพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมืองพรรคประชาธิปัตย์แจ้งว่า วอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์ได้วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองในช่วงปลายปี 52 เห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงถึงขั้นที่จะกระทบต่อการบริหารงานของรัฐบาล แม้กลุ่ม นปช. ประกาศชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค.นี้ เพราะเชื่อว่ารัฐบาลจะควบคุม สถานการณ์ได้ อีกทั้งเป็นการชุมนุมเพียง เพื่อประกาศให้สาวกเสื้อแดงเห็นว่ากระแสข่าวความแตกแยกในแกนนำคนเสื้อแดงไม่เป็นความจริง แกนนำยังเหนียวแน่นกันอยู่ แต่จากการวิเคราะห์เชื่อว่าแกนนำคนเสื้อแดงมีความแตกแยก แบ่งเป็น 2 สาย คือ กลุ่ม 3 เกลอหัวกลม และกลุ่มแดงสยาม

* สุมหัววิเคราะห์แดงแตก2ขั้ว

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สาเหตุของความแตกแยกมาจากแนวทางการเคลื่อนไหวของทั้งสองกลุ่มแตกต่างกัน แม้จะมีจุดมุ่งหมาย คือ ล้มรัฐบาลประชาธิปัตย์ แต่กลุ่ม 3 เกลอ เคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ขณะที่แนวทางของกลุ่มแดงสยามมีจุดมุ่งหมายที่จะใช้ความเด็ดขาด โดยใช้กำลังเพื่อล้มรัฐบาล

* บัวแก้วอ้างเลิกตามแม้ว

นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วย รมว. การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กรณี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ข้อความในเว็บไซต์ทวิตเตอร์ว่า ขอพักติดต่อกับ ประชาชนผ่านทางทวิตเตอร์ 3 วัน เพราะจะเดินทางไปประเทศในทวีปยุโรปว่ากระทรวง การต่างประเทศไม่มีภารกิจในการติดตามการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างเดียว และไม่ใช่เรื่องสำคัญ โดย กระทรวงฯ ยังมีงานอื่น ๆ ที่ต้องดูแลอีกมาก และสิ่งสำคัญกระทรวงฯ ไม่มีหลักฐานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปประเทศในทวีปยุโรปจริง เพียงแต่รับทราบการเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ จากสื่อผ่านทางทวิตเตอร์เท่านั้น ไม่รู้ว่าสิ่งใดจริงหรือลวง

ผู้ช่วย รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปประเทศในยุโรปเป็นสิทธิของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถือหนังสือเดินทางของประเทศอื่น ๆ เดินทางเข้าประเทศต่าง ๆ ได้ แต่ถ้าเป็นรายงานจากสถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปประเทศนั้นจริง และเตรียมให้ข่าวในลักษณะเคลื่อนไหวทางการเมือง ทางกระทรวงฯ ก็รับทราบและติดตามเป็นปกติ โดยไม่จำเป็นต้องจับตามองเป็นพิเศษ มิฉะนั้นจะดูเหมือนเป็นการติดตามทุกฝีก้าว

* 23 ธ.ค.ตีปี๊บผลงานรัฐบาล1ปี

ที่โรงแรมแกรนด์ ทาวเวอร์อินน์ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า จะมอบนโยบายให้ประชาสัมพันธ์จังห วัดทุกจังหวัด ประชาสัมพันธ์โครงการและผลงานของรัฐบาลในด้านต่าง ๆ ซึ่งจะครบ 1 ปี ในช่วงปลายปีนี้ พร้อมให้รับฟังเสียงสะท้อนของประชาชนกลับมายังรัฐบาลด้วย ส่วนการแถลงผลงานครบรอบ 1 ปี ตนได้หารือกับนายกฯ แล้วและกำหนดให้มีการแถลงผลงาน 1 ปี วันที่ 23 ธ.ค.นี้ โดยจะใช้รูปแบบเดียวกับการแถลงผลงานครบรอบ 6 เดือนที่เคยทำมา นอกจากนี้จะให้ประชาสัมพันธ์จังหวัดได้รับทราบแนวทางการทำงานของรัฐบาลในปีหน้า โดยเฉพาะเรื่องความขัดแย้งของสถานการณ์ในบ้านเมือง หลังจากที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ประเมินสถานการณ์หลังปีใหม่ว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงอาจรุนแรงขึ้น

* วอนเสธ.แดงเลิกป่วนเมือง

นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า ความสมานฉันท์ถือเป็นเรื่องสำคัญ จะสามารถตัดเงื่อนไขในการชุมนุมที่อาจรุนแรงขึ้นได้ จึงต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบในเรื่องเหล่านี้ เมื่อถามว่าแนวโน้มสถานการณ์จะมีความรุนแรงในช่วงหลังปีใหม่หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า มีการรับทราบแนวทางความเคลื่อนไหว แต่จะมีการยกระดับให้รุนแรงหรือไม่ รัฐบาลต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป อย่างไรก็ตามมั่นใจว่ารัฐบาลจะรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้

ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยประกาศพักรบ แต่ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตรงข้ามและมีแนวโน้มนำไปสู่ความรุนแรงนั้น รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เชื่อว่าประชาชนจะมองเรื่องเกมการเมืองออก อย่างไรก็ตามขอให้พักรบอย่างแท้จริง รัฐบาลจะไม่ละเลย แต่จะดูแลไม่ให้สถานการณ์ซ้ำรอยเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ส่วนที่ พล.ต.ขัตติยะ ระบุว่าทหารพรานพร้อมร่วมรบกับคนเสื้อแดง ตนก็อยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเห็นแก่ประโยชน์บ้านเมือง

* กกต.ชงศาลฯเชือดพฤฒิชัย

อีกเรื่องหนึ่ง ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. แถลงว่า ที่ประชุม กกต. เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมามีมติเสียงข้างมากส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาความเป็นรัฐมนตรีของ นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรคสาม สืบเนื่องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีหนังสือแจ้ง กกต. ว่า นพ.พฤฒิชัยถือหุ้นในบริษัทเกินกว่าร้อยละ 5 ตามที่กฎหมายกำหนด โดยถือหุ้นในบริษัท ครัวราสเบอรี่ จำกัด จำนวน 200 หุ้น จากทั้งหมด 1 พันหุ้น คิดเป็นร้อยละ 20 และถือหุ้นในบริษัท อีสเทอร์น ดราก้อน จำกัด จำนวน 4.5 แสนหุ้นจากทั้งหมด 4 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 11.25

เลขาธิการ กกต. แถลงต่อว่า นพ. พฤฒิชัย มิได้มีหนังสือแจ้งให้ประธาน ป.ป.ช. ทราบว่าประสงค์จะได้รับประโยชน์จากการเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในบริษัททั้งสองแห่งภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 269 ประกอบมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 อันเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 (7)

* ชี้ถือหุ้นบริษัทเกินกว่าร้อยละ5

นายสุทธิพล กล่าวว่า การกระทำ ดังกล่าวของ นพ.พฤฒิชัย เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายโดยเจตนา เป็นการจงใจปกปิด การถือหุ้น ข้ออ้างที่ นพ.พฤฒิชัยหยิบยกขึ้นต่อสู้ว่าบริษัททั้งสองแห่งได้เลิกกิจการไปแล้วฟังไม่ขึ้น เพราะบริษัทแห่งหนึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการชำระบัญชีและขณะที่อีกแห่งหนึ่งยังไม่ได้ชำระบัญชี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1,249 แม้บริษัทจะเลิกกิจการแต่ให้ถือว่ายังคงตั้งอยู่ ตลอดระยะเวลาที่จำเป็นในการชำระบัญชี ดังนั้นจึงถือว่าบริษัททั้งสองแห่งยังคงอยู่ อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าว ป.ป.ช. ได้ตรวจสอบ แต่ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดที่ให้อำนาจ ป.ป.ช. ในการดำเนินการต่อ ดังนั้น ป.ป.ช. จึงส่งเรื่องดังกล่าวแจ้งแก่ นายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และประธาน กกต. เพื่อให้ดำเนินการตาม รัฐธรรมนูญ และในการนี้ กกต. มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรคสามในการเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา

* ชี้เกียรติกรพ้นส.ส.7ก.ย.

ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรม นูญ แถลงผลการวินิจฉัยกรณีประธานรัฐสภาส่งเรื่องที่ กกต. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพของ นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ว่าสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 106(3) หรือไม่ เนื่องจากนายเกียรติกร ได้แถลงข่าวลาออกต่อหน้าสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 52 โดยศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว มีมติเห็นว่า การแถลงข่าวลาออกของนายเกียรติกรต่อสื่อมวลชนเป็นการแสดงเจตนาลาออกด้วยวาจา ให้เป็นที่ปรากฏต่อสาธารณชน การแสดงเจตนาของนายเกียรติกร จึงถือว่ามีผลสมบูรณ์ผูกพันอันเป็นผลให้สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายเกียรติกรต้องสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่มีการแสดงเจตนาคือ วันที่ 7 ก.ย. 52

นายประวิง คชาชีวะ รองเลขาธิการ กกต. เปิดเผยว่า วันที่ 3 ธ.ค. จะนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแจ้งให้ที่ประชุม กกต. รับทราบเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งแทนนายเกียรติกร แม้ว่าศาลจะพิจารณาให้สิ้นสมาชิกภาพตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย. ก็ไม่เป็นปัญหาต่อ กกต. ทั้งนี้จะอาศัยรัฐธรรมนูญ มาตรา 92 กำหนดวันเลือกตั้งโดยเริ่มนับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแทน

* เด็กเนวินแซะเก้าอี้มานิต

ส่วนกระแสข่าวการปรับ ครม. นั้น นายวิเชียร อุดมศักดิ์ ส.ส.อำนาจเจริญ พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยยังไม่มีการพูดคุยเรื่องการปรับ ครม. เพราะรัฐมนตรีทุกคนยังทำงานได้ดี มีเพียงแต่รอให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเรื่องการถือครองหุ้นของนายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข ว่าผลจะออกมาอย่างไร เพราะหากถูกตัดสินให้พ้นสภาพเชื่อว่าพรรคจะนำเสนอชื่อบุคคลที่เข้ามาแทนที่นายมานิตทันที

ส.ส.ภูมิใจไทยรายนี้ เปิดเผยว่า ผู้ที่มีความเหมาะสมที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนนายมานิต คือ นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร ส.ส.มหาสารคาม เพราะเป็นผู้อาวุโส และนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ให้การสนับสนุน แต่สุดท้ายจะเสนอบุคคลใด แกนนำพรรคภูมิใจไทย อาทิ นายเนวิน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุชาติ ตันเจริญ ต้องมาคุยว่าจะเสนอใครขึ้นมาแทน เพราะนายมานิตเป็นโควตาในกลุ่มมัชฌิมาธิปไตยของนายสมศักดิ์

*ปิดปากเขี่ยกษิตพ้นครม.

นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีใครพูดว่าหากตนพ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรี และจะเตรียม บุคคลอื่นเข้ามาแทนที่ ส่วนหากพ้นสภาพไปจริงก็เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคจะเสนอผู้ที่มีความเหมาะสม อย่างไรก็ตามกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคงอีกนาน เพราะตนได้ทำเรื่องคัดค้านไปที่ กกต. ว่าได้ขายหุ้นไปตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. 51 ก่อนรับตำแหน่งรัฐมนตรีวันที่ 20 ธ.ค. 51 และขณะนี้ กกต. ยังไม่ส่งเรื่องมาที่ตนเลย ทั้งนี้หากคำคัดค้านของตนมีมูล กกต. อาจกลับคำวินิจฉัยก็ได้

นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการทำงานตลอด 1 ปีว่า ต้องให้ คนอื่นประเมินถึงจะเหมาะสม แต่หากจะให้ตนประเมินก็ต้องผ่านอยู่แล้ว ส่วนรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยก็ทำงานผ่านเช่นเดียว กับตน

นายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งเข้าร่วมกิจกรรมกับพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ทำงานครบ 1 ปีก็ควรปรับ ครม.เพื่อให้สถานการณ์ ดีขึ้น แต่ปรับแล้วเลวลงก็ไม่ควรปรับ นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ กกต. จะวินิจฉัย เรื่องนายมานิตและ นพ.พฤฒิชัย ส่วนจะปรับหรือ ไม่เป็นเรื่องหัวหน้าพรรค ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยทำงานกันดีทุกคน แต่อาจจะมีบางคนที่ยังไม่เข้าตาบ้าง เมื่อถามว่า นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ อยู่ในข่ายต้องปรับออกหรือไม่ นายรณฤทธิชัย กล่าวว่า ต้องไปถามนายกฯ

* ปู่ชัยนำทีมแจงแบบโปร่งใส

อีกด้านหนึ่ง ที่รัฐสภา นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะกรรมการตัดสินการประกวดแบบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ นำโดยนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภา คนที่ 2 นางตรึงใจ บูรณสมภพ ส.ว.สรรหา อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยศิลปากร นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี อดีตอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกันแถลงผลการตัดสินผู้ชนะการประกวดแบบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ

นางดวงขวัญ จารุดุล สถาปนิกใหญ่ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรรมการฯ กล่าวว่า คณะกรรมการฯ ได้เริ่มให้ส่งผลงานเข้าประกวดตั้งแต่เดือน มิ.ย. 52 มีผู้ยื่นเอกสารประกวดแบบ 99 ราย จำนวน 133 แบบ จากนั้นได้คัดเลือกให้เหลือ 10 ราย เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ก่อนคัดเหลือ 5 รายเมื่อวันที่ 24 ส.ค. รอบสุดท้ายทั้งห้ารายได้ใช้เวลาพัฒนาแบบ 90 วันเพื่อนำเสนอในรูปแบบจำลอง พร้อมเอกสารการนำเสนอผลงาน สุดท้ายได้นำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา

* กก.ร่ายเหตุผลประกอบเพียบ

กรรมการฯ ผู้นี้ กล่าวต่อว่า เกณฑ์การตัดสินรวม 100 คะแนน แบ่งเป็น 1.แนวคิดในการวางผังแม่บท ผังบริเวณและภูมิทัศน์ 10 คะแนน 2.การตอบสนองความต้องการ ประโยชน์ใช้สอยและงบประมาณ รวมทั้งการจัดสภาพแวดล้อมที่คำนึงถึงคนพิการและผู้สูงอายุ 25 คะแนน 3.แนวคิดในการออกแบบสถาปัตยกรรมและสถาปัตยกรรมภายในที่มีเอกลักษณ์ 40 คะแนน 4.การอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม 15 คะแนน และ 5.ประวัติและผลงานของคณะผู้ออกแบบ 10 คะแนน

นางดวงขวัญ กล่าวด้วยว่า คณะ กรรมการทั้ง 14 คน ได้รับฟังคำชี้แจงจากทั้งห้าบริษัท ผลปรากฏว่าผู้ชนะการประกวดแบบคือ แบบที่ 1 ของนายธีรพล นิยม ผงานชื่อ สัปปายะสภาสถาน มีเหตุผลคือ ออกแบบสอดคล้องกับแนวคิดสะท้อนวัฒนธรรมไทย มีที่มาที่ไปยึดโยงและต่อเนื่องทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมวางผังแม่บท ได้อย่างสมดุล สง่างาม ใช้แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นจุดเด่น มีหลังคาเครื่องยอดบนอาคารหลักชูสัญลักษณ์ความเป็นไทย การจัดวางอาค

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook